“เจตน์” ประชุมตรวจสอบการทุจริตการก่อสร้างสร้างโรงพัก 396 แห่งทั่วประเทศ เบื้องต้นชี้ยังไม่พบข้อมูลการทุจริต เอาผิดบริษัทรับเหมา ส่อวืด จับมือใครดม อ้าง บริษัทรับเหมาคุณสมบัติครบ เคยมีประวัติทำสัญญาก่อสร้างโครงการบ้านเอื้อาทร กับการเคหะฯ มูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาทตามเงื่อนไข พร้อมระบุผู้รับเหมารายย่อยที่ไปรับช่วงต่อมีสิทธิ์ฟ้องศาลปกครองและฟ้องแพ่งได้เต็มที่หาก สตช.ยกเลิกสัญญา
วันนี้ (20 ก.พ.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เจตน์ มงคลหัตถี ที่ปรึกษา (10) เป็นประธานการประชุมคณะทำงานตรวจสอบพิจารณาการดำเนินคดีฐานฉ้อโกงจากกรณีการก่อสร้างสถานีตำรวจ 396 แห่งทั่วประเทศของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเรียกประชุมพนักงานสอบสวน ประกอบด้วย พล.ต.ท.อาจิณ โชติวงศ์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พ.ต.อ.ชนะชัย ลิ้มประเสริฐ รอง ผบก.ปปป. พ.ต.อ.อัคราเดช พิมลศรี รอง ผบก.ปป. พ.ต.อ.สมควร พึ่งทรัพย์ ผกก.สน.ประเวศ พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก. 1 บก.ป. พ.ต.อ.อัมพล วงศ์ใหญ่ ผกก.สภ.ศรีสำโรง พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี รอง ผกก.สส.สน.พลับพลาไชย 1 พ.ต.ท.พนม เชื้อทอง รอง ผกก.สส.สน.ปทุมวัน พ.ต.ท.พงษ์สวัสดิ์ คำปาเชื้อ รอง ผกก.5 บก.ปอศ. พ.ต.ท.กิตติศักดิ์ เที่ยงกมล รอง ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.ณํฐพงศ์ ตรงเที่ยง รอง ผกก.3 บก.ป. พ.ต.ท.สิงห์ สิงห์เดช พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก.2 ป. พ.ต.ท.ธงชัย อยู่เกษ พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการพิเศษ กก. 2 บก.ป. พ.ต.ท.มิ่งมนตรี พนักงานสอบสวนผู้ชำนาญการ กก.2 บก.ป.โดยในวันนี้ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) มาสอบถามถึงข้อมูลและขั้นตอนการปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างขั้นตอนการทำสัญญา รวมทั้งความเสียหายทั้งหมด
พล.ต.อ.เจตน์ กล่าวว่า หลังจากที่พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำข้อมูลมาร่วมหารือแลกเปลี่ยนกัน สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะต้องมีการพิจารณาข้อมูลในรายละเอียดอีกครั้งหนึ่งว่าจะเป็นเรื่องของการฉ้อโกงหรือไม่ ซึ่งจะต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยในขณะนี้ยังไม่พบว่าเข้าข่ายการฉ้อโกงหรือฮั้วประมูลแต่อย่างใด
พล.ต.อ.เจตน์ กล่าวอีกว่า การทำงานครั้งนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ ซึ่งข้อมูลที่ได้มาเป็นคนละขั้นตอนกัน แต่เมื่อดูหลักฐานจากกรมสอบสวนคดีพิเศษแล้ว พบว่า มีการกระทำบางอย่างชี้ถึงเจตนาตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษแจ้งมา
พล.ต.อ.เจตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่มีผู้รับเหมาช่วงบางราย ที่ได้รับความเสียหายในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมตัวกันจะฟ้องบริษัท พีซีซี ดีเวลลอปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ก็ถือว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคลที่จะกระทำได้ รวมทั้งที่จะมีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ในกรณีที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัทคู่สัญญาก็สามารถกระทำได้
ส่วนในเรื่องที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติจะยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซี ซึ่งทำให้บริษัทรับเหมาช่วงได้รับผลกระทบจนไม่ได้รับค่าจ้าง ก่อนที่จะทิ้งงานในที่สุด โดยบริษัทเหล่านี้ได้ยื่นข้อเสนอให้มีการทำสัญญาตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติเลยนั้น ข้อเสนอเหล่านี้ยังไม่สามารถให้คำตอบได้เพราะยังไม่มีการยกเลิกสัญญากับบริษัท พีซีซี
พล.ต.อ.เจตน์ เปิดเผยภายหลังประชุมคณะพนักงานสอบสวน ว่า ในวันนี้ได้เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานส่งกำลังบำรุง (สกบ.) มาสอบถามถึงข้อมูลและขั้นตอนการปฏิบัติในการจัดซื้อจัดจ้างขั้นตอนการทำสัญญา รวมทั้งความเสียหายทั้งหมด ซึ่งยังคงย้ำว่า การตรวจสอบคุณสมบัติ การประกวดราคา และการทำเอกสารสัญญาเริ่มแรก กับบริษัท พีซีซี ดิเวลลอปเมนท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด ถูกต้องตามขั้นตอน เพราะหนึ่งในคุณสมบัติที่ระบุไว้ คือ เคยมีประวัติทำสัญญาโครงการก่อสร้าง ที่มีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,200 ล้านบาท ทางบริษัท พีซีซี ได้เสนอผลงานโครงการก่อสร้างบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ มูลค่า 1,200 ล้านบาท ซึ่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ตรวจสอบกลับไปยังการเคหะฯ และพบมีการทำสัญญาจริง และก่อสร้างจนแล้วเสร็จ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดทุกอย่าง แต่อาจต้องเรียกบริษัท พีซีซี มาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
พล.ต.อ.เจตน์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ ข้อมูลจากส่วนต่างๆ ค่อนข้างชัดเจน สามารถตอบคำถามได้เกือบทุกประเด็น แต่ยังไม่สมบูรณ์ คงต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วนอีกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบที่สุด พร้อมยืนยัน จะพิจารณาทุกประเด็นตามพยานหลักฐานที่ปรากฏ และคาดว่า ภายในสัปดาห์หน้า จะเสนอความเห็นให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พิจารณาได้ ซึ่งหากไม่พบมีการฉ้อโกง หรือการกระทำผิดใดๆ ก็จะไม่มีการกล่าวโทษบุคคลใด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติโดย พล.ต.ต.จิรารักษ์ สิทธิพันธ์ รองผู้บัญชาการสำนักงานงบประมาณและการเงิน ได้เป็นประธานการปล่อยแถวกำลังพลพร้อมให้โอวาท รวม 27 คณะ จำนวน 81 นาย เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลการก่อสร้างโครงการโรงพักทดแทน 396 แห่ง ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 20-26 กุมภาพันธ์ 2556 หลังสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้อนุมัติงบประมาณให้สถานีตำรวจที่รื้อถอนการปลูกสร้างแล้ว 300,000 บาท และสถานีตำรวจที่ยังไม่รื้อถอน 100,000 บาท เพื่อบริหารจัดการโรงพักให้สามารถบริการประชาชนชั่วคราวได้ในภาวะขาดแคลน
สำหรับการลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อเป็นการตรวจสอบข้อมูลและเก็บรายละเอียดรวมถึงสอบถามปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างรอการดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงโรงพักให้แล้วเสร็จ