xs
xsm
sm
md
lg

ผงะหนี้เน่าไอแบงก์ พบ100ราย2.4หมื่นล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - เผยลูกหนี้รายใหญ่ไอแบงก์แค่เพียง 100 ราย ก่อหนี้เสียถึง 2.4 หมื่นล้านบาท เอ็มดีแถลงเดินหน้าแก้หนี้เสียให้ลดลง 6 พันล้าน ปรับโครงสร้างสัดส่วนสินเชื่อใหม่ เป้าหมายลดพอร์ตลูกหนี้รายใหญ่ ด้านเอสเอ็มอีแบงก์เผยกระทรวงการคลังเห็นชอบแผนฟื้นฟูแล้ว พร้อมเป็นกลไกของรัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีไทย

นายธานินทร์ อังสุวรังษี ผู้จัดการ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ธอท.) หรือไอแบงก์ เปิดเผยว่า การดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการตามที่เสนอต่อกระทรวงการคลังธนาคารมีเป้าหมายเร่งลดหนี้เสียหรือเอ็นพีแอลจากที่ลงบัญชี 2.4 หมื่นล้านบาท หรือจากการปรับปรุงใหม่ตามที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เสนอแนะซึ่งเป็นหนี้มีแนวโน้มต้องจัดชั้นเพิ่มรวมเป็น 3.9 หมื่นล้านบาทหรือคิดเป็น 30% ของยอดสินเชื่อรวม 1.2 แสนล้านบาท ให้ลดลง 6 พันล้านบาทภายในปีนี้ และตั้งเป้าแก้ปัญหาหนี้เสียให้หมดสิ้นภายใน 3 ปี พร้อมปรับกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่ให้มีความรัดกุมป้องกันไม่ให้กลายมาเป็นหนี้เสียเพิ่มขึ้นอีก ส่วนแผนการเพิ่มทุนกระทรวงการคลังอยู่ระหว่างพิจารณาซึ่งธนาคารได้ขอไป 1.3 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ขยายสินทรัพย์เพิ่มได้เป็น 3 แสนล้านบาทภายใน 3 ปี

สำหรับแนวทางการดำเนินงานในระยะต่อไปถือว่ามีความชัดเจนมากขึ้นละเป็นไปตามที่กระทรวงการคลังต้องการทั้งการเร่งแก้ปัญหาหนี้เสียที่ธนาคารจะดำเนินการเองทั้งหมด โดยเฉพาะหนี้รายใหญ่ที่พบว่ามีประมาณ 100 รายแต่มีมูลหนี้สูงถึง 2.4 หมื่นล้านบาท ทั้งในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจต่างๆ นั้นเป็นหนี้ที่สะสมมาจากในอดีตโดยจะเรียกมาเจรจาทุกรายภายในปีนี้ ขณะที่รายย่อยมีประมาณ 3 หมื่นรายแต่เป็นเงินเพียง 2 พันล้านบาทก็จะเรียกมาปรับโครงสร้างหนี้เช่นเดียวกัน แต่ยอมรับว่าหนี้เสียที่เกิดขึ้นจากการตั้งตัวแทนหรือนอมินี และที่หลักประกันต่ำกว่าวงเงินสินเชื่อนั้นอาจจะติดตามคืนมาได้ยาก

“ธนาคารจะปรับบทบาทการให้สินเชื่อใหม่จากที่ผ่านมาปล่อยกู้ให้รายใหญ่รวมเอสเอ็มอีมีสัดส่วนมากถึง 70% ซึ่งไม่ตรงตามเป้าหมายในการให้สินเชื่อรายย่อยและเป็นแหล่งเงินให้ชาวมุสลิม โดยจะพยายามลดสินเชื่อรายใหญ่ให้เหลือ 25% ภายในปี 58 และให้เอสเอ็มอี 25% ขณะที่รายย่อยจะเพิ่มมาเป็น 50% แทน อีกทั้งการให้สินเชื่อจะพิจารณาจากกระแสเงินสดและความสารถในการชำระหนี้แทนที่จะดูจากหลักประกันเหมือนที่ผ่านมา”นายธานินทร์กล่าวและว่า ปีนี้ตั้งเป้าจะเป็นปีแห่งการแก้หนี้และทำให้แบงก์มีความโปร่งใส ไม่มีการคอร์รัปชั่น จึงไม่เน้นปล่อยสินเชื่อเพิ่มจากที่มียอดคงค้างปัจจุบัน 1.2 แสนล้านบาท และมีเงินฝาก 1.16 แสนล้านบาทลดลงจากเดือนมกราคม 4 พันล้านบาท ซึ่งจากการพูดคุยกันกว่า 80% ยังยินดีฝากเงินกับธนาคารต่อไป โดยยืนยันยังมีสภาพคล่องส่วนเกิน 7 พันล้านบาท และเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงยังไม่ถึงขั้นติดลบโดยยังเป็นบวกที่ 4 พันกว่าล้านบาทหรือ 4% ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานที่ธปท.กำหนด

ธพว.เผยคลังเห็นชอบแผนฟื้นฟู

นายพิชัย ชุณหวชิร ประธานกรรมการบริหารธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ เอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ธนาคารได้เข้าพบและรายงานแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ธพว. ต่อนายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง พร้อมกับผู้แทนจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) การประชุมครั้งนี้เป็นที่น่าพอใจ โดยธนาคารได้มีการอธิบายชี้แจงถึงแผนการปรับโครงสร้างทางการเงิน แผนการแก้ไขปัญหาหนี้เสีย พัฒนาระบบไอที รวมถึงการปล่อยสินเชื่อใหม่ ทางธนาคารจะต้องมีการปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดรับกับภารกิจหลักๆ ซึ่งรมช.คลัง ได้รับทราบแผนดังกล่าวโดยละเอียดด้วยความเข้าใจและเห็นชอบในหลักการ พร้อมทั้งยืนยันจะให้การช่วยเหลือสนับสนุนในเชิงนโยบายเพื่อให้ธนาคารดำเนินการตามแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ธพว. ดังกล่าว และมั่นใจธนาคารจะเดินหน้าต่อไปได้

“กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นพอใจการชี้แจงในครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม สำหรับแผนยุทธศาสตร์ฟื้นฟู ธพว. ธนาคารจะมีการสรุปความคืบหน้า และรายงานให้กระทรวงการคลังและกระทรวงอุตสาหกรรมรับทราบเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง” นายพิชัยกล่าว

ทั้งนี้ สำหรับผลการดำเนินงานเดือนมกราคม 2556 ที่ผ่านมา ธนาคารสามารถปฎิบัติตามแผนที่วางไว้ในบางเรื่องสามารถทำได้ดีกว่าแผนที่วางไว้ ซึ่งทางผู้บริหารธนาคารยืนยันร่วมกันว่าจะสามารถเดินหน้าได้ตามแผนที่วางไว้ ซึ่งหากปฏิบัติได้ตามนั้น เชื่อว่าเอสเอ็มอีแบงก์จะยังคงเป็นสถาบันการเงินที่เป็นกลไกในการช่วยเหลือผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและทาง สศค. ยืนยันว่าไม่มีนโยบายในการควบรวมธนาคารกับออมสินแต่อย่างใด.
กำลังโหลดความคิดเห็น