xs
xsm
sm
md
lg

บสก.เซ็นจ้างFAกระจายหุ้น เข้าตลาดหลักทรัพย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- เอ็มดีบสก.เดินหน้าตามแผนกระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ คาดภายใน 28 ก.พ.ลงนามจ้าง FA ได้ คาดมีกลุ่มนักลงทุนเข้าร่วมถือหุ้น ลั่นยอดจองหุ้น โอเวอร์ซัพพลาย วางเป้าปี 56 กำไรสุทธิเติบโต 10% ระบุจากนี้ไป บสก.เน้นการเจริญเติบโตแบบยั่งยืน

นายกฤษณ์ เสสะเวช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) กล่าวถึงความคืบหน้าของแผนการแปรรูปและนำเข้าหุ้นจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ที่ผ่านมา บสก.ได้จัดให้มีการประชุมชี้แจงรายละเอียดเพื่อทำความเข้าใจข้อกำหนดโครงการว่าจ้าง(TOR)ในการนำหุ้นบสก.เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯให้แก่บริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน ที่สนใจได้รับทราบข้อมูล โดยมีบริษัทต่างๆเข้าร่วมรับฟังTORจำนวน 24 ราย ซึ่งมีกลุ่มบริษัทที่มายื่นข้อเสนอผ่านคุณสมบัติเบื้องต้น 7 ราย ทั้งนี้ ภายหลังจากบริษัทที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)ได้นำเสนอแผนกลยุทธ์แล้ว ในวันที่ 20 ก.พ.จะมีนำเสนอคณะกรรมการจัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน(FIDF)เพื่อพิจารณา และคาดว่าจะมีการลงนามในสัญญาจ้างFAในวันที่ 28 ก.พ.นี้

" ขั้นตอนหลังจากลงนามแล้ว ทางFAต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่า การเข้าตลาดหลักทรัพย์แล้ว FIDF จะได้อะไร ผู้ถือหุ้นได้ประโยชน์อย่างไร และบสก.จะมีสภาพในเรื่องของโครงการสร้างและลักษณะของบสก.จะเป็นเอกชนหรือรัฐวิสาหกิจ กองทุนฯจะถือ 49% หรือ มากกว่านี้ เพราะแต่ละรูป จะมีผลต่อเรื่องการเงิน สิทธิประโยชน์ที่ควรพึ่งได้ คาดว่า โจทย์นี้น่าจะใช้กระบวนการในการให้คำตอบประมาณ 3 เดือน นับจากเซ็นสัญญาว่าจ้างFA และหลังจากนั้นคงเป็นเรื่องจังหวะของการกระจายหุ้น ซึ่งเราคิดว่า น่าจะเป็นการขายแบบปกติ คือ ไอพีโอ มากกว่า เฉพาะเจาะจง แต่เราก็คิดว่า จะมีส่วนของหุ้นจำนวนมากที่จะมีนักลงทุนเข้ามาลงทุน ซึ่งนี้ ก็เป็นโจทย์ของFAว่า พาร์เนอร์ต่างชาติจะอยู่ในโครงสร้างเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่า หุ้นที่บสก.จะกระจายนั้น โอเวอร์ซัพพลายแน่ ยอดจองหลายเท่าตัว "นาย กฤษณ์กล่าว

โดยแผนการดำเนินงานในปี 2556 ประมาณรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายทรัพย์รวม 13,735 ล้านบาท กำไรสุทธิ 3,602 ล้านบาท สูงกว่าปี 55 ประมาณ 10% ขณะที่ได้วางเป้าหมายเพิ่มขนาดสินทรัพย์ของเอ็นพีแอลและเอ็นพีเอ ประมาณ 18,000 ล้านบาท เป็นการประมูลซื้อทรัพย์จากสถาบันการเงินต่างๆ และการขายทอดตลาดที่กรมบังคับคดีให้เร็วขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา บสก.มีรายได้จากการปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายทรัพย์รวมทั้งสิ้น 13,612 ล้านบาท (ประมาณ 88% เป็นพอร์ตที่บสก.รับซื้อมาเพิ่ม) คิดเป็น 113.43% ของเป้า 12,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 3,257 ล้านบาท หนี้สินต่อทุน 1.5 เท่า โดยจะพยายามบริหารจัดการไม่ให้เกิน 2 เท่า มีกำไรสะสมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ ขณะนี้อยู่ที่ 13,000 ล้านบาท

ส่วนของการเพิ่มขนาดสินทรัพย์ ในปีที่ผ่านมา ได้รับซื้อรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL) และทรัพย์สินรอการขาย (NPA) จากสถาบันการเงินรวม 154,669 ล้านบาท เป็นการรับซื้อจากบรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) สูงถึงจำนวน 135,388 ล้านบาท และปัจจุบัน บสก. มี NPL อยู่ในความดูแลทั้งสิ้น 55,857 ราย คิดเป็นมูลค่า 369,919 ล้านบาท ขณะที่มี NPA จำนวน 12,923 รายการ คิดเป็นมูลค่า 37,997 ล้านบาท

"ปีนี้ บสก.เน้นการเจริญเติบโตของธุรกิจแบบยั่งยืน คาดว่าปี 2556 จะมีผลการดำเนินงานเติบโตอย่างต่อเนื่อง และการที่เป็นองค์กรของรัฐ ต้องทำอะไรที่คืนกลับไปให้แก่รัฐบาล เช่น หนี้เสีย ก็ต้องมาพิจารณว่า จะบริหารแล้วคุ้มกับสินเชื่อหรือไม่ ส่วนเอ็นพีเอ แยกเป็นกลุ่ม หากเป็นของพรีเมียมควรจะขายในราคาที่ดีและสูง ของไม่ดี เราก็ปรับปรุง ใส่เงินเข้าไปบ้าง เพื่อให้ทรัพย์มีคุณภาพ ซึ่งในปีนี้ หน่วยงานของโครงการพิเศษ ได้เตรียมงบไว้ 200 ล้านบาทในการบริหารจัดการทรัพย์ต่างๆให้มีสภาพที่พร้อมจะขาย "
กำลังโหลดความคิดเห็น