xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ล้มเจ้า.......เช้านี้ Free SOMYOT=Free ล้มในหลวง?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -หลังศาลอาญามีคำพิพากษาสั่งจำคุก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสารวอยซ์ ออฟ ทักษิณ( VOICE OF TAKSIN) และแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตย 10 ปีโดยไม่รอลงอาญา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ พระราชินีและองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้มีความเคลื่อนไหวไม่เห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลอย่างต่อเนื่อง และในหลากหลายรูปแบบ

ทั้งนี้ หนึ่งในแคมเปญสำคัญที่รังสรรค์ขึ้นมาจากมันสมองของกลุ่มดังกล่าวและถูกปลุกเร้าในโลกสังคมออนไลน์ของคนเสื้อแดงและกลุ่มต่อต้านมาตรา 112 อย่างกว้างขวางก็คือ Free SOMYOT

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ทำให้แคมเปญ Free SOMYOT เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้นรายการ “เรื่องเล่าเช้านี้” ของสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ที่มี “สรยุทธ์ สุทัศนะจินดา” นักเล่าข่าวชื่อดังที่ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดฐานร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ยักยอกเงินค่าโฆษณาของ อสมท ไปเป็นจำนวนถึง 138 ล้านบาท เมื่อปรากฏภาพหมู่พิธีกร “รายการเรื่องเล่าเช้านี้” ประกอบด้วย นายสรยุทธ สุทัศนะจินดา, นายเจริญพร อ่อนละม้าย หรือ โก๊ะตี๋ อารามบอย และ นางสาวพิชญทัฬห์ จันทร์พุฒ หรือ น้องไบร์ท ซึ่งถ่ายภาพพร้อมกับประชาชนที่เข้ามาชมการจัดรายการสดที่ริมกว๊านพะเยา อ.เมือง จ.พะเยา เมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยหนึ่งในแฟนคลับของนายสรยุทธ์ได้มีการชูป้ายข้อความ “112 Free SOMYOT” พร้อมลายเซ็นนายสรยุทธ์โชว์หราอย่างเด่นชัด

ภาพดังกล่าวทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เป็นเพียงการถ่ายภาพกับผู้ชมที่จัดรายการสดเพียงอย่างเดียว หรือ นายสรยุทธ มีแนวคิดสนับสนุนให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาทหรือไม่ เพราะนายสรยุทธเซ็นชื่อตัวเองในแผ่นกระดาษที่ระบุถึงข้อเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงได้เคลื่อนไหวเรียกร้องก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ ยังมีความพยายามของเครือข่าย Free SOMYOT ไปรวบรวมและไล่ล่าแสวงหาผู้ที่ไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในต่างประเทศเพื่อสนับสนุนยาวเป็นหางว่าว

ประมาณว่า การลงโทษนายสมยศที่กระทำความผิดในข้อหาหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีและองค์รัชทายาทเป็นสิ่งที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นอย่างฉกาจฉกรรจ์ ทั้งๆ ที่ความจริงก็คือ นายสมยศใช้เสรีภาพในการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุดของปวงชนชาวไทยอย่างชัดเจน

หรือความหมายของคำว่า Free SOMYOT มีความหมายเท่ากับ Free จาบจ้วงในหลวง!?

**ช่อง 3 -สรยุทธ์ ต้องประกาศจุดยืนต่อสถาบัน

กล่าวสำหรับกรณี Free SOMYOT กับนายสรยุทธ์และรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ได้ก่อให้เกิดคำถามต่อสังคมมากมายว่า แท้ที่จริงแล้ว นายสรยุทธ์ ตลอดรวมถึงช่อง 3 มีทัศนคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร

เพราะโทษทัณฑ์ที่นายสมยศ พฤกษาเกษมสุขได้รับนั้น ศาลพิพากษาเอาไว้ชัดเจนว่า หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 มีโทษจำคุก 10 ปีโดยไม่รอลงอาญา

ทั้งนี้ แม้การชูป้ายข้อความ “112 Free SOMYOT” ของนายกวินวุฒิ (ขอสงวนนามสกุล) นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดพะเยานั้น ได้มีการอธิบายจากผู้ใช้นามแฝง “Ikkyu Ungkokuji” ระบุว่า ผู้ใช้นามแฝง “Banlang Chang” ได้ไปถามเด็กที่ชูป้าย ได้คำตอบมาว่า “น้องเขาให้สรยุทธเซ็นก่อน แล้วเขียน 112 FREE SOMYOT ทีหลัง” แต่ปรากฏว่า ภายหลัง ผู้ใช้นามแฝง “Burn Noppachai” ได้โพสต์ข้อความที่อ้างว่ามาจากนายกวินวุฒิ ซึ่งเป็นเจ้าของรูป ระบุว่า 1.เรื่องลายเซ็น ผมเขียนคำว่าฟรีสมยศก่อน และเมื่อถึงเวลาที่ทีมงานเปิดโอกาสให้แฟนรายการได้ขอลายเซ็น ผมจึงให้คุณสรยุทธ เซ็นครับ ดังนั้น ประเด็นเขียนฟรีสมยศ ก่อนหรือหลัง ผมจึงเขียนก่อนครับ

2.ผู้ที่ถ่ายรูป คือทีมงานเรื่องเล่าเช้านี้

3.ผมไม่ได้เป็นคนแชร์ โดยผมนำรูปนี้ขึ้นเป็นภาพคัฟเวอร์ ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม โดยผมไม่ว่าอะไรหากเพื่อนในเฟซผมแชร์ เพราะเค้าไม่มีทางบิดเบือนอะไร แต่สำหรับผู้อื่น เพจอื่น คณะบุคคล หรือเพจใดๆ ที่นำไปแชร์ และบิดเบือน ใส่ร้าย แต่งเติม โดยไม่คำนึงถึงปัญหาสิทธิมนุษยชน ที่กำลังเกิดขึ้นกับคนไทย ที่คิดต่าง และ ไม่เข้าใจถึงปัญหากระบวนการยุติธรรมของไทย โดยหากเขาเหล่านั้นนำไปแต่งเติมเอง ผมขอเรียนว่า ผม ไม่เต็มใจให้ใครหรือเพจใด นำไปใช้เพื่อประโยชน์ของตนเองโดยไม่คำนึงถึงปัญหาที่แท้จริงที่เกิดขึ้นกับผู้คนที่คิดต่างในประเทศนี้

4.หากคุณสรยุทธ หรือบุคคลในภาพ ที่เกี่ยวข้อง ประสงค์ให้ผมลบรูป หรือ ขอโทษ ผมพร้อมปฏิบัติตาม และรับผิดชอบในสิ่งที่ผมกระทำ [โดยมิใช่ทำไปโดยความคึกคะนอง ดังที่อาจมีคนคิดเองเออเอง]

ดังนั้น เมื่อข้อมูลที่เผยแพร่ต่อสังคมไม่ตรงกันและไปกันคนละทิศละทาง คำชี้แจงจากทางนายสรยุทธ์และช่อง 3 จึงเป็นสิ่งจำเป็น ทว่า นับตั้งแต่เกิดกรณีดังกล่าวขึ้นมา ก็ยังไม่เคยมีใครเคยเห็นคำชี้แจงจากทางนายสรยุทธ์หรือช่อง 3 แต่ประการใด ทั้งๆ ที่เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แต่เป็นเรื่องที่กระทบกระเทือนต่อความรู้สึกอันละเอียดอ่อนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพเทิดทูนสูงสุดของปวงชนชาวไทย

ที่สำคัญคือ นี่ไม่ใช่การคิดต่าง หรือเป็นเรื่องปัญหาสิทธิมนุษยชนดังที่หลายฝ่ายพยายามให้คำอธิบาย หากแต่เป็นคดีอาญาที่นายสมยศกระทำการหมิ่นประมาทและแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์

และถ้านายสรยุทธ์และช่อง 3 ไม่ชี้แจงอย่างเป็นทางการ สังคมสามารถเข้าใจได้หรือไม่ว่า นายสรยุทธ์และช่อง 3 มีจุดยืนเช่นเดียวกับกลุ่มที่เรียกร้องให้ปล่อยตัวนายสมยศ และกลุ่มต่อต้านมาตรา 112

**Free SOMYOT=Free ล้มในหลวง?

อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ยังไม่มีคำตอบอย่างเป็นทางการจากนายสรยุทธ์และช่อง 3 แล้ว แนวรบของขบวนการ Free SOMYOT ยังได้อาศัยจังหวะคำพิพากษาคดีนายสมยศเคลื่อนไหวต่อต้านมาตรา 112 อย่างหนักหน่วง

วันที่ 25 มกราคม ที่บริเวณหน้าศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เครือข่ายกิจกรรมสังคมประชาธิปไตย หรือ กลุ่มคนต่อต้านไม่เอามาตรา 112 กว่า 20 คน ได้เดินทางมาทำกิจกรรมประท้วงกรณีศาลพิพากษาจำคุก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการนิตยสาร “วอยซ์ ออฟ ทักษิณ” เป็นเวลา 10 ปี โทษฐานหมิ่นเบื้องสูง โดยกลุ่มดังกล่าวได้ทำกิจกรรมเผาตำรากฎหมายเชิงสัญลักษณ์ โดยนำสำเนาประมวลกฎหมายอาญามาจุดไฟเผา รวมทั้งชูป้ายข้อความประท้วง เช่น พูดไม่ได้บ้าใบ้อย่างเดียว, กฎหมาย 112 เพื่อเหยียบหัวประชาชน

นอกจากนี้ยังมีการอ่านแถลงการณ์ เนื้อหาสรุปว่า “การจัดกิจกรรมครั้งนี้เป็นการรวมตัวกันของกลุ่มคนที่มีที่มาหลากหลาย แต่มีจุดร่วมเหมือนกัน คือ ไม่เห็นด้วยกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และอดทนไม่ได้กับความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ากับผู้ต้องขังในคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็น การพิจารณาคดี ของ น.ส.ดารณี หรือ “ดาร์ตอปิโด” กรณี นายธันย์ฐวุฒิ ทรีวโรดม หรือ หนุ่มเรดนนท์ ที่ถูกกล่าวหาเป็นเว็บมาสเตอร์ของเว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ กรณี นายอำพล ตั้งนพกุล หรือ อากง เอสเอ็มเอส ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้ส่งข้อความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ และล่าสุดกับกรณี นายสมยศ โดยไม่มีการพิสูจน์ให้สิ้นสงสัยในเรื่องเจตนากระทำผิด อันเป็นพื้นฐานของคดีอาญา ยังไม่ต้องพูดถึงสิทธิในการประกันตัว อันเป็นสิทธิพื้นฐานตามหลักสากล แต่สำหรับประเทศไทยเรานี้ ต้องเป็นอภิสิทธิชนเท่านั้นจึงจะเข้าถึงสิทธินี้ได้””

ที่ต้องขีดเส้นใต้เอาไว้ก็คือ เครือข่ายกิจกรรมสังคมประชาธิปไตย หรือ กลุ่มคนต่อต้านไม่เอามาตรา 112 มิได้เคลื่อนไหวเฉพาะกรณีนายสมยศเท่านั้น หากแต่พวกเขาเห็นว่า ดาร์ ตอปิโด หนุ่ม เรดนนท์ อากง ก็ไม่ได้กระทำความผิดเช่นกัน

แน่นอน คำถามที่กลุ่มรณรงค์แคมเปญ Free SOMYOT และกลุ่มต่อต้านมาตรา 112 ต้องตอบก็คือ แคมเปญ Free SOMYOT หมายความว่า การกระทำความผิดของนายสมยศ ดาร์ ตอปิโด หนุ่ม เรดนนท์และอากง เป็นสิ่งที่ถูกต้องกระนั้นหรือ

และแคมเปญ Free SOMYOT หมายความว่า การหมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาท สามารถกระทำได้โดยอิสระบนแผ่นดินไทยเช่นนั้นหรือ

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ก็ต้องบอกว่านี่คือกระบวนทัศน์ของขบวนการล้มเจ้าที่อันตรายยิ่ง เพราะพวกเขามิได้คำนึงถึงมูลฐานแห่งความผิดที่พวกเขาเหล่านั้นได้กระทำและศาลได้ชี้แจงเอาไว้ในคำพิพากษาอย่างชัดแจ้ง หากแต่ใช้ทัศนคติที่เป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เหมารวมว่า กฎหมายอาญามาตรา 112 เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ขณะที่บรรดาแถลงการณ์ขององค์กรระหว่างประเทศที่แสดงความไม่เห็ฯด้วยกับคำพิพากษาที่นายยศได้รับ ก็เป็นแถลงการณ์ขององค์กรที่มิได้เข้าใจขนบธรรมเนียม ประเพณีและวัฒนธรรมของราชอาณาจักรไทย

ทั้งคณะผู้แทนของสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย

ทั้งนางนาวี พิลเลย์ ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

ทั้งนางอิซาเบล อาร์ราดอน ผู้อำนวยการองค์การนิรโทษกรรมสากลประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เพราะความจริงก็คือความผิดของนายสมยศมิใช่เป็นสิ่งที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น แต่เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่เลยเถิดไปจากสิ่งที่กฎหมายกำหนดเอาไว้

เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นที่ล่วงละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของปวงชนชาวไทย และนี่คือการกระทำความผิดที่ร้ายแรง ซึ่งสมควรอย่างยิ่งที่จะถูกใส่โซ่ตรวนในฐานะอาชญากรร้ายแรง

เพราะความจริงก็คือความผิดของนายสมยศมิใช่เป็นสิ่งที่ละเมิดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หากเป็นการทำความผิดต่อมาตรา 112 ซึ่งถือว่าเป็นมาตราที่สำคัญมีผลกระทบความมั่นคง เป็นมาตราที่ประชาชนละเมิดไม่ได้

ที่สำคัญคือถ้าหากองค์กรเหล่านั้น ติดตามอ่านนิตยสารของคนเสื้อแดงฉบับนี้อย่างต่อเนื่อง ก็จะเข้าใจได้ทันทีถึงทัศนคติของนิตยสารที่มีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้เป็นอย่างดี เพราะมีเจตนาที่จะกระทบกระเทียบสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างต่อเนื่อง โดยพยายามใช้ภาพ คำและสื่อสัญลักษณ์สะท้อนแก่นแกนความคิดที่ชัดเจนเสียยิ่งกว่าชัดเจน

ไม่ใช่แค่บทความ 2 บทความของ “จิตร พลจันทร์” หรือนายจักรภพ เพ็ญแข ที่ศาลมีคำพิพากษาลงโทษนายสมยศเท่านั้น

ยกตัวอย่างเช่นนิตยสารเสียงทักษิณ (Voice of Taksin) ปีที่ 1 ฉบับที่ 16 ปักษ์แรก มีนาคม 2553 ซึ่งเป็นฉบับเดียวกับที่ศาลมีคำพิพากษาให้นายสมยศติดคุก บนปกมีข้อความระบุว่า “ปิดหน้าปล้น แตกหัก” พร้อมทั้งลงภาพพญาครุฑถูกปิดหน้าด้วยรังผึ้ง ขณะที่บนโปรยด้านล่าง ระบุข้อความว่า “โหด 6 ตุลาแห่งปี 53 ... บ้านจะดีต้องเริ่มที่พ่อ ... GT200 เครื่องจับแรงกดดันอนุพงษ์” ซึ่งหลังจากวางแผงได้มีเสียงวิจารณ์ดังตามมาทั้งแผ่นดินว่า กองบรรณาธิการนิตยสารเสียงทักษิณมีความต้องการจะสื่ออะไรที่กระทบไปยังสถาบันเบื้องสูงหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับภาพพญาครุฑถูกปิดหน้า เนื่องจาก “พญาครุฑ” นั้นถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ของไทยที่มีมาแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยตราครุฑเป็นสัญลักษณ์แทนพระมหากษัตริย์ ดังที่ปรากฏอยู่ในดวงตราหรือพระราชลัญจกรประจำพระองค์ ประจำแผ่นดิน ประจำราชวงศ์ และประจำรัชกาล เป็นต้น

แถมปกหลังยังตีพิมพ์รูป พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีผู้โกงชาติและนักโทษหลบหนีโทษจำคุก 2 ปี พร้อมคำแปลโคลงศรีปราชญ์เป็นภาษาอังกฤษระบุว่า “This land bears witness. We are student of great guru. We do wrong, we deserve punishment. We did not, but punished, may this sword be returned” ซึ่งแปลมาจากโคลงบทสุดท้ายของศรีปราชญ์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ได้กล่าวออกอากาศหลังได้รับทราบคำพิพากษายึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาท เมื่อวันศุกร์ที่ 26 ก.พ. ที่ผ่านมาความว่า

ธรณีนี่นี้ เป็นพยาน
เราก็ศิษย์มีอาจารย์ หนึ่งบ้าง
เราผิดท่านประหาร เราชอบ
เราบ่ผิดท่านมล้าง ดาบนั้นคืนสนอง

นอกจากนี้เมื่อพลิกมาอ่านในส่วนปกหน้าด้านในของนิตยสารเล่มดังกล่าว ก็ปรากฎภาพ ศาลพระภูมิที่ถูกประดับด้วยข้อความว่า “ถิ่นกาขาว” เครื่องบินเด็กเล่น 1 ลำ ปืนกลปลอม 2 กระบอก และ ข้อความว่า “ศาลสถิตอยุติธรรม ณ ทุ่งผีปอบ” โดยข้างล่างเป็นบนกวีแสดงความดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรมของประเทศอย่างชัดเจน

ขณะที่ในหน้าที่ 10 ก็ปรากฏข้อความว่า “ตุลาการภิวัฒน์ ได้กลายเป็นตุลาการวิบัติไปแล้ว 'ศาล' ได้สูญเสียต้นทุนทางสังคมที่ประชาชนเคยเชื่อมั่นมาก่อนนับตั้งแต่ 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมา การวินิจฉัยของตุลาการภิวัฒน์เพื่อเป็นเครื่องมือทำลายล้างทางการเมืองนั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดวิกฤตการณ์การเมืองอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้เกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดขึ้นมา เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 51 ในช่วงที่ศาลอาญามีคำพิพากษาคดีเลี่ยงภาษีหุ้นชินคอร์ปฯ จำคุก 'หญิงอ้อ-บรรณพจน์' 3 ปี นั้นมีผึ้งหลวงจำนวนมากมาทำรังปิดหน้าองค์ครุฑซึ่งเป็นตราสัญลักษณ์ของแผ่นดินสยาม ทำให้มีการตีความกันว่า การที่พญาผึ้งปิดหน้าองค์ครุฑ หมายถึงการที่ตุลาการได้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับระบอบอำมาตย์และแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนของบรรดาตุลาการ มากกว่าการทำหน้าที่ผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรมในสังคม อันนำมาซึ่งการเสื่อมทรามในกระบวนการยุติธรรม ...” หนังสือเสียงทักษิณอ้าง

และในตอนท้ายของนิตยสารฉบับดังกล่าวเป็นบทสัมภาษณ์พิเศษของพระมหาโชว์ ทัศนีโย แห่งวัดชนะสงคราม ที่ประกาศตัวว่าเป็นผู้ที่ออกมาแสดงจุดยืนข้างคนเสื้อแดง โดยปรากฎตัวบนสื่อและเวทีปราศรัยของ นปช. หลายครั้ง ซึ่งช่วงหนึ่งเมื่อถูกถามถึงความเห็นเกี่ยวกับกรณีศาลตัดสินยึดทรัพย์ 4.6 หมื่นล้านบาทของ พ.ต.ท.ทักษิณ พระมหาโชว์ได้ให้สัมภาษณ์ดูหมิ่นกระบวนการยุติธรรม

นอกจากนี้ ยังมีปกนิตยสารเสียงทักษิณ ที่วางช่วงต้นปี 53 ปักษ์แรกเดือนมกราคม ที่มีการหยิบยกเอาภาพอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บริเวณวงเวียนใหญ่ ขึ้นมาเป็นภาพปกหน้า และมีข้อความโปรยว่า “กงกรรมประวัติศาสตร์ TAKSIN RETURNS” ส่วนปกหลังเป็นภาพ “ทักษิณ” กล่าวอวยพรปีใหม่ให้ลิ่วล้อคนเสื้อแดง ซึ่งเนื้อหาภายในที่เขียนโดย “นายทหารเอก กรุงธน” นั้น ยังได้พยายามหยิบยกเหตุกรณีการสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ซึ่งระบุว่า น่าเสียดายที่พระองค์ถูกแย่งชิงอำนาจด้วยการทำรัฐประหาร ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนัก ว่า มีเจตนาหวังผลทางการเมืองในปัจจุบัน เพื่อปลุกระดมมวลชน หวังสร้างความแตกแยก ที่สำคัญจงใจมุ่งทำลาย “ราชวงศ์จักรี” อย่างที่สุด

นอกจากสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว นิตยสารฉบับดังกล่าวยังมีเจตนาที่จะกระทบกระเทียบต่อผู้ที่ถวายงานรับใช้สถาบัน

เช่น นิตยสารฉบับที่ 15 ที่มีภาพปก “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรี ในภาพกราฟิกการ์ตูน ใส่หน้ากากคล้ายโจร พร้อมข้อความโปรยปก ว่า “ยิงข้ามรุ่นกับแผนนองเลือด” “ยึด 7.6 หมื่นล้าน ดาบนี้คืนสนอง” “คดีนูเรมเบิร์กลงทัณฑ์ศาลชั่ว”

หรือแม้แต่ฉบับที่ 14 ภาพปกล้อเลียน “พล.อ.เปรม” แต่งตัวเป็นซูสีไทเฮา และ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในลักษณะของคนเจ็บที่นั่งรถเข็น โดยมีข้อความบนโปรยปกว่า “องคมนตรี..อดสู” ต้นแบบ 2 มาตรฐาน และ “ระเบิดเอ็ม 79 จากเปรมถึงป๊อก” รวมทั้ง “คนบุญล้านนา...ครูบาศรีวิชัย” ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเจตนาต้องการโจมตีองคมนตรี เพื่อหวังบั่นทอนความน่าเชื่อถือของคนไปยังสถาบันเบื้องสูง

ทั้งนี้ ถ้าหากนายสมยศมีทัศนคติที่เป็นบวกต่อสถาบันพระมหากษัตริย์จริง คำถามที่นายสมยศและผองเพื่อนต้องตอบก็คือ ทำไมถึงปล่อยให้บทความของนายจักรภพที่มีเนื้อหา หมิ่นประมาท ดูหมิ่นและแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์ และองค์รัชทายาทลงต่อเนื่องกันถึง 2 ตอน

และถ้ากลุ่มไม่เอามาตรา 112 และกลุ่มรณรงค์แคมเปญ Free SOMYOT ไม่ได้มีทัศนคติอันเป็นลบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ก็ย่อมจะต้องเข้าใจบริบทของกฎหมายแห่งราชอาณาจักรไทยว่าเป็นเช่นไร ดังเช่นที่ “นายทวี ประจวบลาภ” อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา ชี้แจงเอาไว้ว่า “ในการพิจารณาคดีของศาลอาญานั้นมีหลักการพิจารณาเป็นสากลเหมือนกับศาลยุติธรรมอื่นทั่วโลก คือ พิจารณาตามตัวบทกฎหมายที่มีบัญญัติเอาไว้ และพิจารณาว่าจำเลยมีความผิดตามที่กฎหมายบัญญัติไว้หรือไม่ โดยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ก็บัญญัติไว้ว่าเป็นความผิดตามกฎหมายของประเทศไทย และการที่นายสมยศนำบทความดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งแม้จะเป็นบทความของคนอื่นมาตีพิมพ์เผยแพร่ ก็เข้าข่ายเป็นความผิดตามมาตรา 112 ของกฎหมายไทย และในรายละเอียดข้อต่อสู้คดีก็แสดงให้เห็นว่าบทความที่นายสมยศนำมาเผยแพร่ไม่ใช่การแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ อย่างกรณีของกลุ่มนิติราษฎร์ ซึ่งก็ไม่มีความผิดแต่อย่างใด แต่บทความของนายสมยศเป็นข้อความที่มีลักษณะดูหมิ่นเหยียดหยาม ทำให้สถาบันฯ ได้รับความเสียหาย

พร้อมย้ำด้วยว่า การมองว่าต่างประเทศไม่มีกฎหมายลักษณะนี้นั้น ถือ เป็นเรื่องธรรมดา เพราะสภาพขนบธรรมเนียมของแต่ละประเทศย่อมไม่เหมือนกัน อาทิ ประเทศอื่นก็มีกฎหมายที่ประเทศไทยไม่มี ยกตัวอย่างเช่น มาเลเซีย ก็มีกฎหมายเกี่ยวกับเพศ ซึ่งประเทศไทยก็ไม่มี เเต่การที่จะมองว่ากฎหมายหรือศาลไทยเป็นองค์กรทำหน้าที่พิทักษ์หรือปกป้องกษัตริย์ ก็เป็นมุมมองเเค่ฝ่ายเดียว

ถามว่า กลุ่ม Free SOMYOT ได้คำนึงถึงเหตุผลเหล่านี้บ้างหรือไม่

ถามว่า นายสุชาติ สวัสดิ์ศรี อดีตบรรณาธิการบริหาร "สังคมศาสตร์ปริทัศน์", "โลกหนังสือ", บานไม่รู้โรย", "ช่อการะเกด", สนานจิตต์ บางสพาน นักวิจารณ์ภาพยนตร์และคอลัมนิสต์, เวียง-วชิระ บัวสนธ์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์สามัญชน, อธิคม คุณาวุฒิ บรรณาธิการบริหารนิตยสาร Way, นิวัต พุทธประสาท บรรณาธิการสำนักพิมพ์เม่นวรรณกรรม, ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล บรรณาธิการสำนักพิมพ์สมมติ, เรืองกิตติ์ รักกาญจนันท์ บรรณาธิการสำนักพิมพ์ผจญภัย ที่ออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ได้เคยพินิจพิเคราะห์เนื้อหาของนิตยสารเสียงทักษิณบ้างหรือไม่ว่า จัดทำขึ้นมาด้วยวัตถุประสงค์เช่นไร

ถ้าเคยอ่าน ก็ต้องถามว่า ทำไมถึงแถลงการณ์ 4 ข้อข้างล่างนี้ออกมา

1.คณะบรรณาธิการ นักเขียน และผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน เคารพในการวินิจฉัยและคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในคดีนี้ แต่เราเห็นว่าเป็นการขยายความและขอบเขตของมาตรา 112 ออกไปเกินกว่าความหมายที่แท้จริง ทั้งที่จำเลยมิได้กระทำความผิดด้วยตนเอง นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ 2550 ได้มีบทบัญญัติยกเลิกพระราชบัญญัติการพิมพ์ พ.ศ.2484 จำเลยในฐานะบรรณาธิการจึงควรได้รับประโยชน์จากกฎหมายใหม่ที่เป็นคุณกว่ากฎหมายเดิม ด้วยการไม่ถือเป็นผู้กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 2 วรรค 2

2.ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการแสดงความคิดเห็น เราขอยืนยันในหลักการว่าสิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็นทางการเมือง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองในอารยประเทศ การสร้างบรรยากาศแห่งความกลัวด้วยกรรมวิธีใดก็ตาม ย่อมขัดแย้งกับหลักพื้นฐานดังกล่าว

3.ความผิดอันสืบเนื่องมาจากความคิด ไม่ควรได้รับการลงทัณฑ์เยี่ยงอาชญากรคดีอุกฉกรรจ์

4.ผู้ต้องหาคดีการเมืองทุกคนควรได้รับการประกันตัวระหว่างสู้คดีโดยเสมอหน้ากันในทุกชั้นศาล เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมืองไทยที่ได้รับการรับรองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ตลอดจนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

5.เราขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายอดทนอดกลั้นกับความคิดเห็นที่แตกต่าง การใช้ความรุนแรงไม่ว่าทางวาจา ข่มขู่คุกคามด้วยกำลัง หรือใช้มาตรการรุนแรงทางกฎหมาย รังแต่จะก่อให้เกิดการขยายวงลุกลามบานปลาย ไม่เป็นผลดีต่อทุกฝ่าย

เหตุผลทั้ง 5 ข้อข้างต้นมิได้สมเหตุสมผลเลยแม้แต่น้อย เพราะการกระทำผิดของนายสมยศที่ศาลชี้ชัดแล้วว่า การกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 มิใช่การกระทำผิดตามพระราชบัญญัติจดแจ้งการพิมพ์ 2550 และเป็นการทำผิดซ้ำที่ต่อเนื่องถึง 2 ครั้ง 2 คราด้วยความตั้งใจ ซึ่งมิใช่เป็นการใช้เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นโดยปกติ หากแต่กระทำด้วยความอาฆาตมาดร้าย

หรือความหมายของคำว่า Free SOMYOT มีความหมายเท่ากับ Free จาบจ้วงในหลวง!?



กำลังโหลดความคิดเห็น