ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถึงนาทีนี้ ยังหาความชัดเจนและหาความคืบหน้าใดๆ ไม่ได้กรณีมือมืดลอบยิงรถข่าวเอเอสทีวี ทั้งที่เหตุการณ์เกิดขึ้นมาหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันเสาร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเหมือนแทบทุกครั้งที่มีเหตุร้ายคุกคามสื่อเอเอสทีวีที่มักจบลงแบบว่าเรื่องราวเงียบหายไปกับสายลม จับมือใครดมไม่ได้
งานนี้ เมื่อถูกกดดันหนักเข้า เจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย “บิ๊กแจ๊ด” พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ก็ทำทีสั่งจำลองเหตุการณ์ ควานหาหลักฐานไปเรื่อยเปื่อย เฉื่อยแฉะ ซ้ำยังมีพวกออกมาแขวะซ้ำอีกว่าเป็นเพราะASTVผู้จัดการโจทก์เยอะจึงสืบสาวเรื่องราวหาเบาะแสของผู้ลงมือลอบยิงได้ยาก ขณะเดียวกันก็มีหลายคนตั้งข้อสงสัยว่าเป็นฝีมือของบิ๊กทหารที่เพิ่งมีเรื่องราว ความไม่เข้าใจกันกับASTVผู้จัดการ ผ่านไปหมาดๆ
เมื่อพวกหวังดีประสงค์ร้ายเปิดยุทธการเสี้ยมASTVผู้จัดการชนกับบิ๊กทหาร นายจิตตนาถ ลิ้มทองกุล ซีอีโอเอASTVผู้จัดการ ต้องออกมาฟันโช๊ะว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ฝีมือทหารเพราะเคลียร์เรื่องจบกันไปแบบลูกผู้ชายแล้ว
“งานนี้คนที่สงสัย คือ “ไอ้ปื๊ด” ลูกน้องผู้มีอิทธิพลมากกว่า ไม่รู้จะใช่คนเดียวกับสมัยคลับทเวนตี้หรือไม่ ตอนนี้ไอ้ปื๊ดคงเปลี่ยนนายใหม่แล้ว รู้แต่ว่าตอนนี้ไอ้ปื๊ดคอยคุมเด็กแว้นอยู่ ว่ากันว่านายไอ้ปื๊ดใหญ่สุดๆ ชั่วโมงนี้ ยอมเป็นขี้ข้าคนคนเดียว แต่อยู่เหนือคนเกือบทั้งประเทศ ผมว่าระดับ ผบ.ตร. หรือ ผบช.น. ยังไม่กล้าหือละกัน”
“แต่ก็อย่างที่บอกครับ ทางเรารู้อยู่แล้วว่างานนี้เป็นลายเซ็นต์ของใคร เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เจอกับลายเซ็นต์นี้ ตอนนี้มันคนละลายเซ็นต์กับคดี 200 นัดของคุณสนธิ” ซีอีโอเอเอสทีวี เคลียร์ชัดๆ งานนี้ทหารไม่เกี่ยว
ไอ้ปื้ด - พ่อไอ้ปื้ด - แก๊งเด็กแว้น เกี่ยวอะไรกัน หากยังสงสัย ต้องไปคลิกหาความเชื่อมโยงในโลกออนไลน์ในชื่อ “โอรสออนไลน์” ก็จะพบข้อมูลที่น่าพิศวงกับตัวละครชื่อ “ก็อตพ่อเหลิม” ที่ถูกนำไปอวดโอ่ข่ม “แก๊งอันธพาล” อีกฝ่ายว่าตัวเองมี “แบ็คดี” ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค้ายาเสพติด หรือทำสิ่งผิดกฎหมายใดก็ตามก็ไม่มีทางโดนจับ เพราะหากมีการจับกุมก็จับแต่ “แก๊งฝ่ายตรงข้าม” เท่านั้น เหมือนกับกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตกับการจับกุม “แก๊งขนมหวาน” โดยหัวโจกเจอรวบยกชุดเมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ผ่านมา
ส่วนที่ว่า “ก๊อตพ่อเหลิม” ที่มีการโพสต์ใบหน้าท่านฯ รองเหลิม ยิ้มแป้นขึ้นไว้หราด้วยนั้น ท่านรองฯ เหลิม จะเกี่ยวข้อง รู้เห็นเป็นใจ หรือเพียงถูกดึงมาอวดข่มคู่แค้น เรื่องนี้ไม่มีการยืนยันว่าจริงแท้แน่นอนแค่ไหน รู้แต่ว่ามันได้ผลในเชิงข่มขวัญคู่ต่อสู้ ซ้ำยังมีการจับจริงแก๊งฝ่ายตรงข้ามโชว์อีกด้วย
การจับกุมอดีตสมาชิก “แก๊งโอรส” ที่แตกคอไปตั้งแก๊งใหม่ในชื่อ “แก๊งขนมหวาน” นั้น มีความสำคัญถึงขั้นที่ “เดอะแจ๊ด” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวการจับกุมด้วยตัวเอง ซึ่งนอกจากบิ๊กแจ๊ดแล้ว ยังปรากฏภาพของพล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 (บก.น.9) ที่รับผิดชอบพื้นที่ฝั่งธนบุรี ยืนเคียงข้าง ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รองสารวัตรศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง สว.ศฝร.บช.น.) ลูกชาย ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่บิ๊กแจ๊ดเพิ่งเซ็นคำสั่งย้าย ให้ไปนั่งเป็นนายเวรรวมอยู่ด้วย
นั่นเป็นเรื่องของแก๊งเด็กแว้น ส่วนเรื่องราวของ "ไอ้ปื้ด" นั้น ย้อนกลับไปในอดีตชื่อของ “ไอ้ปื้ด” ได้สร้างตำนานกระฉ่อนเมืองในคดีฆ่า “ดาบยิ้ม” ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุต เมื่อกลางดึกคืนที่ 29 ตุลาคม 2544 ที่ทเวนตี้คลับ โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ผับดังย่านรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นคืนที่นายดวงเฉลิม อยู่บำรุง, นายวันเฉลิม อยู่บำรุง พี่ชายและลูกน้องพากันไปเที่ยวหาความสำราญ โดยมี “ไอ้ปื้ด” เป็นคนขับรถ
เมื่อเกิดเหตุร้ายแรงถึงขั้นฆ่ากันตายขึ้นมา ร.ต.อ.เฉลิม ได้ยืนยันความบริสุทธิ์ของลูกชาย โดยอ้างว่าคนที่ยิงดาบยิ้มคือ นายเฉลิมชนม์ บุริสมัย หรือ “ไอ้ปื้ด” อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุนายดวงเฉลิม หลบหนีอยู่ 4 เดือน จึงเข้ามอบตัวและสู้คดี สุดท้ายศาลอาญามีคำพิพากษายกฟ้องโดยยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย และอัยการมีความเห็นไม่ยื่นอุทธรณ์ ภรรยาหม้ายของดาบยิ้มก็ถอยไม่อุทธรณ์เช่นกัน คดีดังกล่าวจึงสิ้นสุดที่ศาลชั้นต้นเท่านั้น
ชื่อของไอ้ปื้ดจึงโด่งดังขึ้นมาเพราะร.ต.อ.เฉลิม ที่ใครๆ ยกให้เป็น "พ่อไอ้ปื้ด" ด้วยเหตุนี้แค่ซีอีโอASTVผู้จัดการ ตั้งข้อสงสัยว่ามือมืดลอบกัดนั้นเป็นไอ้ปื้ดหรือไม่เท่านั้น ท่านรองนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง ถึงกับออกอาการจนเห็นได้ชัด
“มาแขวะผม ถ้าผมเป็นผู้ทำจริงและผมจะได้ประโยชน์อะไรกลับมา ทำเป็นมาแขวะถึงไอ้ปื๊ด ทำให้สังคมสับสน เอาอย่างนี้ผมพูดตรงๆ คำว่าสื่อถูกคุกคามและสื่อมันมีกี่ที่ ไทยรัฐ มติชน ข่าวสด ประชาชาติ กรุงเทพธุรกิจ เดลินิวส์ บางกอกโพสต์ ไทยโพสต์ โพสต์ทูเดย์ เนชั่น แล้วสื่อเหล่านั้นเขามีปัญหาไหม ….ไม่ว่าใครโดนก็ต้องสืบสวนจับกุมกันไป ผมกับสนธิรักกันนะ ผมไม่คิดร้ายกับท่านหรอก ไอ้ที่ออกมาแถลงข่าวผมเห็นมาตั้งแต่นุ่งขาสั้น แล้วไปแขวะไอ้ป้งไอ้ปื๊ด ไม่มี ไร้สาระ”
“ผมยืนยันไม่เคยคิดร้ายกับนายสนธิ ถ้าพรรคพวกนายสนธิ คิดแบบนั้นคิดผิด และสนธิก็รู้ว่าผมเป็นคนขี้ปอดขี้กลัวจะตาย ไปไหนมาไหนกลัว ไม่ใจร้ายหรอกผม จริงๆ หนูไปบอกสนธิจากเพื่อนรักถึงเพื่อนรัก” รองฯ เฉลิม เสแสร้งตีฝีปาก
ขณะที่ “พ่อไอ้ปื้ด” แสดงอาการร้อนรนจนน่าสงสัยในคดีลอบยิงรถข่าวASTVผู้จัดการ อีกทางหนึ่งก็มีลูกน้องนายใหญ่ในคราบกรรมาธิการฯ สภาผู้แทนราษฎร ผู้ทรงเกียรติ ร้อนรุ่มกับการทำหน้าที่สื่อของ ASTVผู้จัดการ ที่ใช้คำ "นช." เรียกขานนักโทษชาย (นช.) ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้หลบหนีคดีอาญาไปอยู่ต่างประเทศ ทั้งที่ความจริงเป็นเช่นนั้น
ลูกน้องที่ฉวยโอกาสสร้างราคาออกมาปกป้องนายใหญ่คราวนี้ คือ นายธนิก มาศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ที่รับไม่ได้และตำหนิว่าการปฏิบัติหน้าที่ของASTVผู้จัดการ นั้นมีความไม่เป็นกลาง และมีอคติ อย่างเช่นกรณีที่มีการใช้คำนำหน้า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยคำว่า นช. จึงอยากให้ทางเอเอสทีวีตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง
ASTVผู้จัดการ ปฏิบัติหน้าที่ของสื่อด้วยจุดยืนเช่นไรนั้น คำตอบจากซีอีโอASTVผู้จัดการ ชัดเจนว่า “ASTV นั้นก็จะมุ่งมั่นทำหน้าที่ต่อไปอย่างยืนหยัดมั่นคง และตรงไปตรงมา เทียบเราได้กับทุกสื่อ เราแทบจะเป็นสื่อเดียวที่กล้านำเสนอข่าวในทุกมิติ และเราเป็นสื่อเดียวในประเทศไทยที่เผชิญการคุกคามมาตลอดและหนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์ การโดนคุกคามแต่ละครั้งก็เหมือนเราได้รับรางวัลออสการ์ให้เป็นที่ประจักษ์ต่อมาตรฐานวิชาชีพของสื่อ ตอนนี้รางวัลสื่อโดนคุกคามเต็มตู้ไปหมดแล้ว”
สำหรับความคืบหน้าของคดีที่จะวัดฝีมือของ "บิ๊กแจ๊ด" นั้น หลังจากการจำลองเหตุการณ์จริง การสอบปากคำพยานแวดล้อม พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า พยานแวดล้อมให้ปากคำตรงกันว่าได้ยิงเสียงดังแป๊ะๆ เท่านั้นโดยไม่ได้ยินเสียงดังคล้ายปืน กระทั่งตำรวจมาอยู่ในที่เกิดเหตุจึงทราบว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น สำหรับคนร้ายลงมือก่อเหตุอาจเป็นฝ่ายตรงข้ามหรือเป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้นมาหรือไม่นั้นยังไม่สามารถสรุปได้
การจำลองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจุดเกิดเหตุเพื่อตรวจสอบช่วงเวลาที่เกิดเหตุว่ามีแสงไฟส่องสว่างมากน้อยแค่ไหน ความเคลื่อนไหวของประชาชนที่ใช้ชีวิตในย่านดังกล่าวเป็นอย่างไร คนร้ายน่าจะยิงปืนจากจุดใดและลักษณะการยิง อาทิ เดินไปยิงไป หรือหยุดอยู่กับที่แล้วรัวยิงทีเดียว ซึ่งต้องรอผลตรวจจาก พฐ.ว่าวิถีกระสุนเป็นอย่างไร รวมทั้งกระสุนเป็นขนาดใด แต่คาดว่าน่าจะเป็นกระสุนปืนขนาด .22
ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดสามารถจับภาพชายต้องสงสัยไว้ได้แล้ว ยังจับภาพรถแท็กซี่และจักรยานยนต์ที่ผ่านมาในช่วงเวลาที่เกิดเหตุ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ติดต่อคนขับรถแท็กซี่มาให้ปากคำได้เพียงคนเดียว โดยให้การว่าขับรถมาส่งชาวต่างชาติแล้วหลงทางอยู่ในบริเวณดังกล่าว สำหรับคนที่ขับขี่จักรยานยนต์ใกล้เวลาเกิดเหตุยังไม่สามารถติดตามตัวมาสอบปากคำได้ อย่างไรก็ตาม ชายต้องสงสัยตามภาพวงจรปิดยังไม่ได้มีการขออนุมัติศาลออกหมายจับแต่อย่างใด เนื่องจากภาพที่ได้มายังไม่ชัดเจนและไม่เห็นแสงไฟที่ปรากฏออกมาจากปลายกระบอกอาวุธปืน แต่ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดตามบ้านเรือนของประชาชนบริเวณโดยรอบเพื่อหาหลักฐานเพิ่มเติมต่อไป โดยยังไม่ตัดประเด็นต่างๆ ทิ้ง
ในเวลาต่อมา พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ระบุว่า งานนิติวิทยาศาสตร์ที่ไปตรวจสอบ พบว่า กระสุนมาจากจุดเดียวกัน และข้อสรุปคาดว่าน่าจะนั่งรถเก๋งมาแล้วยิง ส่วนคนที่เดินผ่านมาในกล้องนั้นไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะมุมการยิงมันไม่ให้ ซึ่งเป็นข้อสรุปจากทางนิติวิทยาศาสตร์
ความเชื่องช้าในการติดตามตัวผู้ต้องสงสัยในคดี ไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมายเท่าใดนัก
“คงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก เพราะนายเขาไม่ได้มีวันนี้เพราะเอเอสทีวีให้ ก็คงว่ากันไปตามเนื้อผ้าหน้าเสื่อกันไป ขอแค่รีบเคลียร์เรื่องออกจากทหารก็พอ เดี๋ยวบางคนจะซวย โดยเฉพาะนครบาลยิ่งไม่ต้องไปหวังถ้าอยู่คนละขั้วกับพรรคเพื่อไทย ถ้าคุณเป็นโจทก์หรือผู้เสียหาย แต่ถ้าคุณเป็นจำเลยละก็รับรองว่างานนี้จะเข้าคุณรวดเร็วอย่างน่าตกใจ เพราะ ผบช.น.คนปัจจุบันเขาก็ประกาศจุดยืนชัดเจนอยูแล้ว” นายจิตตนาถ ระบุ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรก และอาจจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่ ASTVผู้จัดการ ถูกข่มขู่คุกคามตราบใดที่ยังทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของผู้มีอำนาจ มีอิทธิพล และตรวจสอบโดยไม่เลือกหน้าไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล
แต่การข่มขู่คุกคามในทุกรูปแบบ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่เผชิญมา บ่งบอกตัวตนของ ASTVผู้จัดการ ได้อย่างชัดเจนว่าสื่อค่ายนี้ไม่ได้หวั่นไหว ไม่เคยหวาดกลัว เพราะ ASTVผู้จัดการ ไม่ใช่ขี้ข้าใคร ไม่ได้มีวันนี้เพราะพี่ให้ หรือใครให้ แต่ที่ยืนหยัดอยู่ได้เพราะเราเป็นสื่อของประชาชน