“เรื่องนี้ยังไม่ทราบ การที่จะเอา ร.ต.อ.ดวง ไปเป็นนายเวรก็ขึ้นกับทางผู้บังคับการเอ”" คุณพ่อตัวอย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเรื่องที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. เซ็นคำสั่งขอตัว “ผู้กองดวง” ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รองสารวัตรศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง สว.ศฝร.บช.น.) ลูกชายรองนายกฯ เฉลิม ไปช่วยราชการในตำแหน่งนายเวร พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 โดยมีคำสั่งตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 55 แต่เพิ่งปูดออกมาเป็นข่าวเมื่อวันที่ 8 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา
ขณะที่คุณพ่อตัวอย่างบอกยังไม่ทราบเรื่อง แต่สำหรับคุณลูก “ผู้กองดวง” ทราบคำสั่งดังกล่าวและไปรายงานตัวมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที
การดันก้นลูกขึ้นเป็นใหญ่ ใกล้ศูนย์อำนาจและเข้าถึงข้อมูลทั้งลับและไม่ลับในเขตกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ที่คุมพื้นที่เลือกตั้งของตัวเอง โดยไม่แคร์สื่อ ไม่สนกระแสสังคมว่าจะมองแบบไหน เป็นสิ่งที่คุณพ่อตัวอย่างทำเป็นเรื่องปกติวิสัย โดยเฉพาะช่วงนี้อยู่ในช่วงเวลาน้ำขึ้นรีบตัก มีอำนาจล้นฟ้า คุมตำรวจอยู่ในมือ มีหรือจะปล่อยให้โอกาสอันงามหลุดลอยไป
แน่นอน ผู้เป็นพ่อย่อมมองการณ์ไกล เมื่อขึ้นเป็นนายเวรได้ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ อีกไม่นานก็คงเห็น “ลูกดวง” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้กำกับการ ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ อย่างรวดเร็วถ้าไม่มีอะไรพลิกผันไปเสียก่อน เป็นเรื่องสุด amazing หาดูที่ไหนไม่ได้นอกจากไทยแลนด์แดนสยามในยามที่ “พ่อเหลิม” ถวายตัวรับใช้เป็นขี้ข้านายใหญ่ที่ยังระหกระเหินอยู่ในต่างแดน
แต่จะแปลกประหลาดอะไรไปมากมายเล่า ขนาด “พี่แจ๊ด” คนเซ็นคำสั่ง ก็ยังได้ดิบได้ดี “มีวันนี้เพราะพี่ (ทักษิณ) ให้” ไม่ต่างกันกับลูกดวงที่มีวันนี้เพราะพ่อให้ เช่นกัน
ถามถึงเหตุผลและความเหมาะสมในการโอนย้ายครั้งนี้ “พี่แจ๊ด” ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ไม่เหมือนคราวที่ขอโอนย้าย “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” จากทหารมาเป็นตำรวจที่มีการอวดถึงคุณสมบัติอันเยี่ยมยอดว่า “แม่นปืน” จึงต้องการให้มาเป็นครูฝึกสอนตำรวจ
ในหนังสือที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ลงนามตามหนังสือ บช.น. ที่ 0015.112/4311 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ถึง ผบก.น.9 ผบก.อก.บช.น. และผกก.ศฝร. เพื่อให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รองสารวัตรศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง สว.ศฝร.บช.น.) ไปช่วยราชการในตำแหน่งนายเวร พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ตามหนังสือ บก.น.9 ที่ 0015.(บก.น.9) สง./37 ลง 27 ธันวาคม 2555 เสนอ บช.น. เพื่อขออนุมัติให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รอง สว.ศฝร. ปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นว.(สบ 1) ผบก.น.9 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติเป็นต้นไป เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการที่ได้รับมอบหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดตามความมุ่งหมายต่อทางราชการ
“ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการในฐานะเป็นอธิบดี หรือแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งการให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รอง สว.ศฝร. ปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นว.(สบ 1) ผบก.น.9 นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึง 30 ก.ย. 56 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”
น่าสงสัยว่า แท้ที่จริงแล้วการโอนย้าย “ลูกดวง” ครั้งนี้ เพื่อตอบสนองประโยชน์สูงสุดตามความมุ่งหมายต่อทางราชการ หรือความมุ่งหมายของ “พ่อเหลิม” กันแน่
หากมองย้อนกลับไปไม่นาน “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” และ “พี่แจ๊ด” คนนี้ เพิ่งสร้างความฮือฮาให้สังคมไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2555 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีโอนข้าราชการ เพื่อให้ ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ผู้บังคับหมวด กองร้อยสารวัตรทหาร กองพันสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม ไปสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการโอนย้ายมาเป็น รอง สว. ศฝร.บช.น. และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้เหตุผลขณะที่รับโอนตัวมาว่า ร.ต.อ.ดวงยิงปืนแม่น จึงต้องการนำมาเป็นครูฝึกให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
คราวนั้นมีการโอนย้ายกันอย่างฉับพลันทันใจภายใน 17 วัน โดย “พ่อเหลิม” ออกมายืนยันรับประกันความโปร่งใสว่าเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีเส้นมีสาย ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ย้ายลูกชายข้ามสังกัดอย่างที่มีข้อครหานินทากัน ที่สำคัญตนเองนั้นไม่ระแคะระคายเรื่องการโอนย้ายข้ามกระทรวงของลูกชายมาก่อนเล้ย...จริงๆ ร.ต.อ.เฉลิมยังย้ำว่า ที่สามารถย้ายได้รวดเร็วทันใจนั้นไม่ใช่เรื่องเส้นสายแต่เป็นเพราะ “ลูกชายยิงปืนแม่น”
ขณะที่ “ลูกดวง” ก็ออกมาเคลียร์ต่อสังคมว่า “ผมไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์หรือได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่ออย่างที่ถูกกล่าวหา ผมไม่ได้ก้าวกระโดดมาอย่างรวดเร็ว การโอนย้ายเป็นไปตามขั้นตอน ตามระบบ และไม่อยากให้ฝ่ายค้านนำไปเป็นประเด็นการเมืองโยงไปถึงพ่อ ผมโตแล้ว ทำตามกติกา และเป็นความประสงค์ส่วนตัวที่อยากย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจ พอผมทำเรื่องย้ายเรียบร้อยแล้วถึงได้ปรึกษาคุณพ่อ ซึ่งท่านก็เห็นด้วย และขอให้ตั้งใจทำงาน แต่ผมคงไม่ไปเป็นนายตำรวจติดตามพ่อ ส่วนจะไปทำงานในส่วนไหน ก็คงต้องแล้วแต่ท่านผู้บัญชาการ (ผบช.น.) จะมอบหมายครับ”
ในวันข้ามห้วยมารับตำแหน่งใน สตช.คราวนั้น วันที่ “ลูกดวง” แต่งกายในชุดเครื่องแบบตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ ร.ต.ท.แบบเต็มยศ เดินทางเข้ามารายงานตัวต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานั้น มีนายตำรวจระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการตบเท้าให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับ “ร.ต.ท.” คนนี้กันอย่างคึกคัก
ประเด็นสำคัญในการโอนย้ายแบบพิสดารพันลึกครั้งนั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงเรื่อง “หลักจริยธรรม” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากตามกฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือกฎ ก.ตร.ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการ พ.ศ. 2547 นั้นระบุว่า ต้องไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
ขณะที่เมื่อย้อนกลับไปดูวีรกรรมของ “ลูกดวง” จะพบว่าเขามีเรื่องฉาวโฉ่โด่งดังไปทั้งประเทศ โดยตกเป็น “ผู้ต้องหาคดีฆ่าดาบยิ้ม” ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุติ จากเหตุทะเลาะวิวาทในผับกลางกรุง ในขณะที่เขารับราชการทหารติดยศร้อยโท หลังจากเกิดเหตุแทนที่เขาจะเข้ามอบตัวสู้คดี กลับหลบหนีออกไปนอกประเทศนานถึง 6 เดือน จึงติดต่อขอเข้ามอบตัวที่ประเทศมาเลเซีย สุดท้ายศาลตัดสินยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
นอกจากนั้น ร.ต.ท.ดวงยังมีคดีติดตัวอีก 1 คือตกต้องหาคดีอาญา ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ซึ่งศาลแขวงพระโขนงพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุก ให้รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์
ความจริงแล้ว “ลูกดวง” หมดอนาคตทางราชการนับแต่ถูกกระทรวงกลาโหมถอดยศและสั่งพักราชการไปนานถึง 7 ปี หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่า “ดาบยิ้ม” แต่เป็นเพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่นเองที่เซ็นคำสั่งคืนยศ ร.ต. ให้ “ลูกดวง” และมีคำสั่งแต่งตั้งให้นายดวงเฉลิม บุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งขณะนั้นรั้งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับเข้ารับราชการ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ในยศร้อยตรี สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โดยให้เหตุผลว่า คดีความสิ้นสุดแล้วและเป็นเรื่องที่กองทัพเสนอเรื่องขึ้นมาให้พิจารณา
จากประโยคโด่งดังที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่คับเมือง “มึงรู้ไหมกูลูกใคร” มาถึง “มีวันนี้เพราะพ่อให้” สะท้อนว่า “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ (ผู้คุม) ตำรวจไทยทำไม่ได้”
และไม่ใช่แค่ “ลูกดวง” เท่านั้นที่ “พ่อเหลิม” เที่ยวสรรหาตำแหน่งมาให้ในยามที่ตนเองเรืองอำนาจ “ลูกวัน” นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.สอบตก ก็ได้รับการตบรางวัลแทบทุกครั้งด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ฝากฝังลูกชายนายวันให้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ “มิสเตอร์แฮปปี้ ทอยเลต” หรือ “มิสเตอร์ส้วม”
ต่อมา ในช่วงนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวันก็ขยับจากมิสเตอร์ส้วม เป็น Mr. Airport Link ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) จนมาถึงตำแหน่ง “เจ้าพ่อวินมอเตอร์ไซค์” ในโมงยามที่มานั่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ลูกชายทั้งสอง ทั้ง “ลูกวัน” และ “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” ล้วนแต่ “มีวันนี้เพราะพ่อให้” ซึ่งไม่รู้ว่าสังคมควรยินดีกับพฤติกรรมของพ่อตัวอย่างสุดที่รักของลูก หรือว่าควรร่ำไห้เพราะการใช้เส้นสาย ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของพ่อเพื่อผลักดันให้ลูกมีบทบาท มีอำนาจ มีตำแหน่ง โดยไม่สนความถูก ผิด ชอบ ชั่ว ดี??
ขณะที่คุณพ่อตัวอย่างบอกยังไม่ทราบเรื่อง แต่สำหรับคุณลูก “ผู้กองดวง” ทราบคำสั่งดังกล่าวและไปรายงานตัวมาเรียบร้อยแล้ว พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที
การดันก้นลูกขึ้นเป็นใหญ่ ใกล้ศูนย์อำนาจและเข้าถึงข้อมูลทั้งลับและไม่ลับในเขตกองบังคับการตำรวจนครบาล 9 ที่คุมพื้นที่เลือกตั้งของตัวเอง โดยไม่แคร์สื่อ ไม่สนกระแสสังคมว่าจะมองแบบไหน เป็นสิ่งที่คุณพ่อตัวอย่างทำเป็นเรื่องปกติวิสัย โดยเฉพาะช่วงนี้อยู่ในช่วงเวลาน้ำขึ้นรีบตัก มีอำนาจล้นฟ้า คุมตำรวจอยู่ในมือ มีหรือจะปล่อยให้โอกาสอันงามหลุดลอยไป
แน่นอน ผู้เป็นพ่อย่อมมองการณ์ไกล เมื่อขึ้นเป็นนายเวรได้ง่ายดายดุจพลิกฝ่ามือ อีกไม่นานก็คงเห็น “ลูกดวง” ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้กำกับการ ผู้บังคับการ ผู้บัญชาการ อย่างรวดเร็วถ้าไม่มีอะไรพลิกผันไปเสียก่อน เป็นเรื่องสุด amazing หาดูที่ไหนไม่ได้นอกจากไทยแลนด์แดนสยามในยามที่ “พ่อเหลิม” ถวายตัวรับใช้เป็นขี้ข้านายใหญ่ที่ยังระหกระเหินอยู่ในต่างแดน
แต่จะแปลกประหลาดอะไรไปมากมายเล่า ขนาด “พี่แจ๊ด” คนเซ็นคำสั่ง ก็ยังได้ดิบได้ดี “มีวันนี้เพราะพี่ (ทักษิณ) ให้” ไม่ต่างกันกับลูกดวงที่มีวันนี้เพราะพ่อให้ เช่นกัน
ถามถึงเหตุผลและความเหมาะสมในการโอนย้ายครั้งนี้ “พี่แจ๊ด” ไม่ได้อธิบายอะไรมาก ไม่เหมือนคราวที่ขอโอนย้าย “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” จากทหารมาเป็นตำรวจที่มีการอวดถึงคุณสมบัติอันเยี่ยมยอดว่า “แม่นปืน” จึงต้องการให้มาเป็นครูฝึกสอนตำรวจ
ในหนังสือที่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ลงนามตามหนังสือ บช.น. ที่ 0015.112/4311 เรื่องข้าราชการตำรวจปฏิบัติราชการ ถึง ผบก.น.9 ผบก.อก.บช.น. และผกก.ศฝร. เพื่อให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รองสารวัตรศูนย์ฝึกอบรม กองบัญชาการตำรวจนครบาล (รอง สว.ศฝร.บช.น.) ไปช่วยราชการในตำแหน่งนายเวร พล.ต.ต.ชยุต รัตนอุบล ผบก.น.9 ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2555 ที่ผ่านมา ระบุว่า “ตามหนังสือ บก.น.9 ที่ 0015.(บก.น.9) สง./37 ลง 27 ธันวาคม 2555 เสนอ บช.น. เพื่อขออนุมัติให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รอง สว.ศฝร. ปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นว.(สบ 1) ผบก.น.9 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ได้รับอนุมัติเป็นต้นไป เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการที่ได้รับมอบหมายเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดตามความมุ่งหมายต่อทางราชการ
“ดังนั้น อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 74 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ระเบียบ ก.ต.ช.ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติราชการของผู้บัญชาการในฐานะเป็นอธิบดี หรือแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2551 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2555 และระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยการสั่งการให้ข้าราชการตำรวจไปปฏิบัติราชการภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2552 จึงให้ ร.ต.อ.ดวง อยู่บำรุง รอง สว.ศฝร. ปฏิบัติราชการในตำแหน่ง นว.(สบ 1) ผบก.น.9 นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป ถึง 30 ก.ย. 56 หรือจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง”
น่าสงสัยว่า แท้ที่จริงแล้วการโอนย้าย “ลูกดวง” ครั้งนี้ เพื่อตอบสนองประโยชน์สูงสุดตามความมุ่งหมายต่อทางราชการ หรือความมุ่งหมายของ “พ่อเหลิม” กันแน่
หากมองย้อนกลับไปไม่นาน “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” และ “พี่แจ๊ด” คนนี้ เพิ่งสร้างความฮือฮาให้สังคมไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 27 ก.ค. 2555 พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้มีหนังสือถึงปลัดกระทรวงกลาโหม กรณีโอนข้าราชการ เพื่อให้ ร.ท.ดวง อยู่บำรุง ผู้บังคับหมวด กองร้อยสารวัตรทหาร กองพันสารวัตรทหาร สารวัตรยุทธบริการทหาร สังกัดกระทรวงกลาโหม ไปสังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีการโอนย้ายมาเป็น รอง สว. ศฝร.บช.น. และมีผลตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2555 เป็นต้นไป ซึ่ง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ให้เหตุผลขณะที่รับโอนตัวมาว่า ร.ต.อ.ดวงยิงปืนแม่น จึงต้องการนำมาเป็นครูฝึกให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจ
คราวนั้นมีการโอนย้ายกันอย่างฉับพลันทันใจภายใน 17 วัน โดย “พ่อเหลิม” ออกมายืนยันรับประกันความโปร่งใสว่าเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้มีเส้นมีสาย ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ย้ายลูกชายข้ามสังกัดอย่างที่มีข้อครหานินทากัน ที่สำคัญตนเองนั้นไม่ระแคะระคายเรื่องการโอนย้ายข้ามกระทรวงของลูกชายมาก่อนเล้ย...จริงๆ ร.ต.อ.เฉลิมยังย้ำว่า ที่สามารถย้ายได้รวดเร็วทันใจนั้นไม่ใช่เรื่องเส้นสายแต่เป็นเพราะ “ลูกชายยิงปืนแม่น”
ขณะที่ “ลูกดวง” ก็ออกมาเคลียร์ต่อสังคมว่า “ผมไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์หรือได้รับการช่วยเหลือจากคุณพ่ออย่างที่ถูกกล่าวหา ผมไม่ได้ก้าวกระโดดมาอย่างรวดเร็ว การโอนย้ายเป็นไปตามขั้นตอน ตามระบบ และไม่อยากให้ฝ่ายค้านนำไปเป็นประเด็นการเมืองโยงไปถึงพ่อ ผมโตแล้ว ทำตามกติกา และเป็นความประสงค์ส่วนตัวที่อยากย้ายจากทหารมาเป็นตำรวจ พอผมทำเรื่องย้ายเรียบร้อยแล้วถึงได้ปรึกษาคุณพ่อ ซึ่งท่านก็เห็นด้วย และขอให้ตั้งใจทำงาน แต่ผมคงไม่ไปเป็นนายตำรวจติดตามพ่อ ส่วนจะไปทำงานในส่วนไหน ก็คงต้องแล้วแต่ท่านผู้บัญชาการ (ผบช.น.) จะมอบหมายครับ”
ในวันข้ามห้วยมารับตำแหน่งใน สตช.คราวนั้น วันที่ “ลูกดวง” แต่งกายในชุดเครื่องแบบตำรวจชั้นสัญญาบัตรยศ ร.ต.ท.แบบเต็มยศ เดินทางเข้ามารายงานตัวต่อ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชานั้น มีนายตำรวจระดับผู้บัญชาการและรองผู้บัญชาการตบเท้าให้การต้อนรับและร่วมแสดงความยินดีกับ “ร.ต.ท.” คนนี้กันอย่างคึกคัก
ประเด็นสำคัญในการโอนย้ายแบบพิสดารพันลึกครั้งนั้น ก่อให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงเรื่อง “หลักจริยธรรม” ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เนื่องจากตามกฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือกฎ ก.ตร.ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการ พ.ศ. 2547 นั้นระบุว่า ต้องไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
ขณะที่เมื่อย้อนกลับไปดูวีรกรรมของ “ลูกดวง” จะพบว่าเขามีเรื่องฉาวโฉ่โด่งดังไปทั้งประเทศ โดยตกเป็น “ผู้ต้องหาคดีฆ่าดาบยิ้ม” ด.ต.สุวิชัย รอดวิมุติ จากเหตุทะเลาะวิวาทในผับกลางกรุง ในขณะที่เขารับราชการทหารติดยศร้อยโท หลังจากเกิดเหตุแทนที่เขาจะเข้ามอบตัวสู้คดี กลับหลบหนีออกไปนอกประเทศนานถึง 6 เดือน จึงติดต่อขอเข้ามอบตัวที่ประเทศมาเลเซีย สุดท้ายศาลตัดสินยกฟ้องเนื่องจากหลักฐานไม่เพียงพอ
นอกจากนั้น ร.ต.ท.ดวงยังมีคดีติดตัวอีก 1 คือตกต้องหาคดีอาญา ข้อหาร่วมกันทำร้ายร่างกายผู้อื่น ซึ่งศาลแขวงพระโขนงพิพากษาลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท โดยโทษจำคุก ให้รอลงอาญา 2 ปี ซึ่งคดีนี้ยังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์
ความจริงแล้ว “ลูกดวง” หมดอนาคตทางราชการนับแต่ถูกกระทรวงกลาโหมถอดยศและสั่งพักราชการไปนานถึง 7 ปี หลังจากตกเป็นผู้ต้องหาในคดีฆ่า “ดาบยิ้ม” แต่เป็นเพราะนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมนั่นเองที่เซ็นคำสั่งคืนยศ ร.ต. ให้ “ลูกดวง” และมีคำสั่งแต่งตั้งให้นายดวงเฉลิม บุตรชายของ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งขณะนั้นรั้งตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กลับเข้ารับราชการ สังกัดกองบัญชาการทหารสูงสุด ในยศร้อยตรี สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ โดยให้เหตุผลว่า คดีความสิ้นสุดแล้วและเป็นเรื่องที่กองทัพเสนอเรื่องขึ้นมาให้พิจารณา
จากประโยคโด่งดังที่แสดงถึงความยิ่งใหญ่คับเมือง “มึงรู้ไหมกูลูกใคร” มาถึง “มีวันนี้เพราะพ่อให้” สะท้อนว่า “ภายใต้ดวงอาทิตย์นี้ ไม่มีสิ่งใดที่ (ผู้คุม) ตำรวจไทยทำไม่ได้”
และไม่ใช่แค่ “ลูกดวง” เท่านั้นที่ “พ่อเหลิม” เที่ยวสรรหาตำแหน่งมาให้ในยามที่ตนเองเรืองอำนาจ “ลูกวัน” นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.สอบตก ก็ได้รับการตบรางวัลแทบทุกครั้งด้วยเช่นกัน เช่น เมื่อครั้งที่ ร.ต.อ.เฉลิมนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ก็ฝากฝังลูกชายนายวันให้ไปเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข จนได้เป็นพรีเซ็นเตอร์ “มิสเตอร์แฮปปี้ ทอยเลต” หรือ “มิสเตอร์ส้วม”
ต่อมา ในช่วงนายกิตติศักดิ์ หัตถสงเคราะห์ เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายวันก็ขยับจากมิสเตอร์ส้วม เป็น Mr. Airport Link ทำหน้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์ให้แก่รถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตเรลลิงก์) จนมาถึงตำแหน่ง “เจ้าพ่อวินมอเตอร์ไซค์” ในโมงยามที่มานั่งเป็นที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม
ลูกชายทั้งสอง ทั้ง “ลูกวัน” และ “ลูกดวง” ของ “พ่อเหลิม” ล้วนแต่ “มีวันนี้เพราะพ่อให้” ซึ่งไม่รู้ว่าสังคมควรยินดีกับพฤติกรรมของพ่อตัวอย่างสุดที่รักของลูก หรือว่าควรร่ำไห้เพราะการใช้เส้นสาย ใช้อำนาจบาตรใหญ่ของพ่อเพื่อผลักดันให้ลูกมีบทบาท มีอำนาจ มีตำแหน่ง โดยไม่สนความถูก ผิด ชอบ ชั่ว ดี??