ภาพ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่โรงแรมเจดับบลิว แมริออท กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย จากเฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit
“มันชักจะเกินไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างไปไกลเกินกว่าที่เราคิด ปัญหาไฟใต้ทำให้สิ่งต่างๆ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้แตกต่างออกไป ผู้คนอยู่ด้วยความหวาดระแวง ร้านค้าต่างๆ ปิดเร็วขึ้น ไม่มีใครไว้ใจใคร ทุกคนต้องชะโงกดูหน้าบ้านตัวเองเมื่อมีรถผ่าน เมื่อคุณขับรถไปตามถนน คุณไม่รู้ว่าจะมีระเบิดอยู่ใต้ถนนหรือเปล่า หรือเมื่อคุณออกจากบ้านตอนเช้า คุณก็ไม่รู้ว่าคุณจะกลับมาเห็นหน้าครอบครัวคุณในตอนเย็นหรือไม่
รวมทั้งคนที่จะแก้ไขปัญหาก็ไปไกลเกินจะกู่กลับ คุณเฉลิมไม่สามารถแก้ไขปัญหาไฟใต้ได้ด้วยไวน์ การที่ผู้คนดื่มไวน์เพราะพวกเขาต้องการจะมีความรู้สึกสนุกสนาน หรือต้องการเลี้ยงฉลอง หรือแม้กระทั่งต้องการซึมซับถึงรสชาติของไวน์ว่ามาจากประเทศไหน แหล่งไหน ไร่โน้น ไร่นี้ ปีนั้นองุ่นดี ไม่มีฝนตกมากเกินไป ทำให้องุ่นมีรสชาติที่ดี ทำให้ไวน์รสชาติดีไปด้วย
แต่ไม่มีใครดื่มไวน์เพราะต้องการแก้ไขปัญหาหนักหน่วง อย่างปัญหาชายแดนภาคใต้ ไม่มีใครจะมาร่วมวงดื่มไวน์ในขณะที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันกับที่พี่น้อง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้รู้สึก ไม่มีใครเลี้ยงฉลองไวน์เพราะมีระเบิด เช่นเดียวกันกับที่ไม่มีใครเลี้ยงฉลองไวน์เพราะแม่ตัวเองตาย การที่เราแสดงความเคารพมันเป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่ง ไม่ใช่เพื่อตัวเราเอง แต่เป็นการแสดงให้เห็นต่อญาติสนิทมิตรสหาย ครอบครัว เพื่อให้ได้รู้สึกและได้เห็นว่า ตัวเราเคารพ ดังนั้นการดื่มไวน์ การฉลองไวน์ ในสถานการณ์ที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นแบบนี้ ไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง
คุณเฉลิมอาจจะไม่แคร์ เพราะคุณเฉลิมชอบดื่มไวน์ แต่อย่างน้อยคุณเฉลิมจะต้องเข้าใจความรู้สึกของคนไทยทั้งประเทศต่อปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ว่านี่เป็นสิ่งที่แกจะต้องจริงจังต่อการแก้ไขปัญหาของประเทศ ไม่ใช่ไปพักร้อน ไปเลี้ยงฉลอง หรือไปงานเทศกาล
คุณเป็นคนของประชาชน จะอ้างว่าเจอพรรคพวกเพื่อนฝูงก็ควรไปกินในที่ลับ ถ้าจะดื่มจริงๆ ต้องดื่มในห้องแล้วเข้านอนเลย จะมาอ้างว่ากินหลังเวลาปฏิบัติภารกิจ แต่ออกมาเดินเมาออกสื่อมันไม่ได้ มันไม่ใช่ข้ออ้างของคนที่ทำงานเพื่อประชาชน ในขณะที่บ้านเมืองกำลังระส่ำระสายกำลังเผชิญปัญหาร้ายแรงที่ต้องแก้ไข
หากเปรียบไป สมมติถ้านายกฯ เสร็จภารกิจแล้วจะไปเที่ยวกินเหล้าตามผับตามเธคก็ย่อมทำไม่ได้ นายกฯ ก็ต้องรักษาภาพลักษณ์ไม่ว่าจะในเวลาหรือนอกเวลา ฉันใดฉันนั้น คุณเฉลิมเป็นรองนายกฯ ดูแลตำรวจ ก็ควรจะต้องรักษาภาพลักษณ์ให้มีระเบียบวินัย คุณมีตำแหน่งใหญ่โตคุมตำรวจ หรือว่ากฎระเบียบ วินัย จรรยาบรรณมันใช้เฉพาะเวลาทำงานหรืออย่างไร?
คุณเฉลิมคงทนไม่ไหว คุณเฉลิมคงเปรี้ยวปาก คุณเฉลิมเพียงแค่หาเรื่องฉลองเท่านั้น แล้วจะมาโทษผู้สื่อข่าวว่าไม่แฟร์ ไอ้คนที่ไม่แฟร์คือคุณเฉลิมมากกว่า ผมต้องขอบคุณผู้สื่อข่าวที่เป็นคนถ่ายภาพนี้มาเผยแพร่เสียด้วยซ้ำ ประชาชนจะได้เห็นว่าบุคคลอย่างคุณเฉลิมจะแก้ไขปัญหาไฟใต้ได้หรือไม่?
คุณเฉลิมต้องแคร์สายตาประชาชนบ้าง แล้วระดับคุณเฉลิมคงไม่กินไวน์ถูกๆ แล้วจะรู้ได้ไงว่าจะต้องเจอเพื่อน? หรือสรุปแล้วที่ไปมาเลเซียนี่เพราะนัดเพื่อนกินไวน์หรือเปล่า? แล้วกินไปตั้ง 8 ขวด จะกินเผื่อ...หรืออย่างไร? (จงเติมคำในช่องว่าง)”
ข้างต้นคือข้อความที่ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้เขียนลงหน้าวอลล์เฟซบุ๊กส่วนตัวในชื่อ ชูวิทย์ I’m No.5 วิพากษ์วิจารณ์ภาพหลุดที่เกิดจากการกระทำของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีอาการมึนเมาขณะเดินทางไปเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-10 ม.ค.ที่ผ่านมา เพื่อหารือกับรัฐบาลมาเลเซียเกี่ยวกับการแก้วิกฤตไฟใต้
ความจริงไม่ใช่แค่ชูวิทย์เท่านั้นที่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์ แต่แซดกันไปหมดทั้งในโซเชียลมีเดีย สภากาแฟ รวมถึงในแวดวงสภาหินอ่อน โดยเฉพาะฝ่ายค้านอย่างประชาธิปัตย์ไล่เรียงตั้งแต่หัวแถวยันหางแถว มีหรือจะไม่กระโจนเข้าร่วมฟัดกับเขาด้วย แต่ต้องยอมรับว่าคนชี้ประเด็นได้ไม่ด้อยกว่าชูวิทย์ก็คือ เจ๊ะอาหมิง โต๊ะตาหยง ส.ส.นราธิวาส ที่ยกเอากรณีโลกมุสลิมวิพากษ์ ร.ต.อ.เฉลิมทำตัวไม่เหมาะสมมานำเสนอได้แหลมคม (http://www.manager.co.th/South/ViewNews.aspx?NewsID=9560000004672)
ภาพหลุดที่ ร.ต.อ.เฉลิมเมาแอ๋อวดมาเลเซียที่สื่ออาวุโสเก็บมาฝากครั้งนี้ จะว่าเป็นความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจของเจ้าตัวที่ตกเป็นข่าวครึกโครมไปแล้วก็ยากจะทราบได้ แต่ที่แน่ๆ เป็นเรื่องธรรมด๊า..ธรรมดา..เอามากๆ สำหรับรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคงที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลแก้วิกฤตไฟใต้คนนี้!!
เพราะภายหลังที่รู้ว่าตัวเองถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์หนัก ร.ต.อ.เฉลิมก็สามารถออกมายอมรับอย่างหน้าตาเฉยได้แบบไม่ยี่หระว่า ในฐานะรองนายกฯ ที่นำคณะไปเยือนประเทศมุสลิมอย่างเป็นทางการเที่ยวนี้ ได้มีการนัดแนะเพื่อนเก่าทั้งชาวมาเลย์และสิงคโปร์ ซึ่งซี้ปึกขนาดช่วยเหลือกันมาสมัยหนีหัวซุกหัวซุนกรณี รสช.จนเรียกได้ว่าเป็น 5 เสือไปฟาดไวน์กันถึง 8 ขวด
จะว่าไปแล้วก็ไม่ต่างจากภาพหลุดก่อนหน้าที่ฮ่องกง ในฐานะรองนายกฯ ที่ยอมรับว่าตัวเองเป็นขี้ข้านักโทษหนีคุก ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นเจ้านาย ร.ต.อ.เฉลิมก็ยังหอบเอาครอบครัวไปร่วมงานเลี้ยงที่เจ้านายจัดขึ้นที่นั่น ช่วงแรกที่เป็นข่าวก็ทำปากแข็ง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมรับเมื่อจนมุมกับภาพเมากล่ำหน้าแดงยืนส่งทักษิณ
เช่นเดียวกับเคยมีภาพ ร.ต.อ.เฉลิมตอบโต้และป่วนการอภิปรายของพรรคฝ่ายค้านในสภา ป่วนไปป่วนมาก็ปรี่เข้าไปหา รังสิมา รอดรัศมี ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์ จนถูกประจานว่าเมาป่วนสภาและเสนอให้มีการตรวจแอลกอฮอล์ แต่แล้วก็ใช้วิธีแก้เก้อด้วยการบิดประเด็นไปว่า ไม่ได้เมาเหล้า แต่เมารัก (http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=u2kITdR3-iw#!)
ไม่เพียงเท่านั้น ร.ต.อ.เฉลิมยังเคยอยู่ในสภาพเมามายขึ้นโรงพัก สน.ทองหล่อ กรณีดวงเฉลิม อยู่บำรุง ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนถูกกล่าวหาว่าก่อเรื่องทะเลาะวิวาท แล้วแสดงความไม่พอใจเอากับเจ้าหน้าที่ตำรวจและผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดลินิวส์ (http://www.youtube.com/watch?v=bWHaC8uDJJI)
แต่ความธรรมด๊า..ธรรมดา..ของ ร.ต.อ.เฉลิม ในทางลึกกลับไม่น่าจะใช่เรื่องธรรมดาสามัญสำหรับเจ้านายอย่างทักษิณ เพราะถึงวันนี้สังคมคงได้เข้าใจกันถ่องแท้แล้วว่า การเชิดให้นั่งตำแหน่งรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง แถมมอบหมายให้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และโยนภารกิจสำคัญอย่างการดับไฟใต้ไปให้อีกด้วยนั้น ทักษิณย่อมมีวาระและเป้าหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิมดำเนินการอย่างมิพักต้องสงสัย
อย่างน้อยที่ผ่านมา ร.ต.อ.เฉลิมก็ประกาศให้สาธารณชนรับรู้มาตลอดว่า ตนมีภารกิจที่จะต้องช่วยลบล้างโทษทัณฑ์และนำทักษิณกลับบ้านอย่างสมเกียรติความเป็นอดีตนายกรัฐมนตรีขวัญใจคนเสื้อแดง ส่วนเรื่องการสร้างกระแสเพื่อกลบเกลื่อนหรือบิดเบือนความสนใจของผู้คนจากเรื่องราวคาวๆ สำคัญๆ ของทั้งรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หรือของทักษิณเองนั้น ก็เป็นเรื่องที่สังคมรับรู้ได้มาตลอดอยู่แล้ว
ทว่าในมุมกลับกัน สำหรับทักษิณแล้วคงถือเป็นเรื่องธรรมด๊า..ธรรมดา..เอามากๆ กับกรณีที่มีภาพปรากฏในทำนองปล่อยให้ ร.ต.อ.เฉลิมใช้แอลกอฮอล์ไปราดดับไฟใต้!!
เนื่องเพราะที่ผ่านมา ทักษิณเองในฐานะคนที่จุดไม้ขีดก้านแรกให้เกิดการคุโชนของไฟใต้ระลอกใหม่ และเมื่อเกิดความปั่นป่วนก็เขาเองนั่นแหละที่เอาน้ำมันเบนซินไปราดดับ รวมถึงให้ผู้คนในระบอบทักษิณจัดการกับภารกิจดับไฟใต้ในลักษณ์เยี่ยงนี้มาจนเดี๋ยวนี้
ก็ไม่รู้ว่าผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงคนส่วนใหญ่ของประเทศจะเห็นด้วยกับเรื่องเหล่านี้หรือไม่??!!