ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจเผยความคืบหน้าติดตามคนร้ายก่อเหตุยิงรถข่าวเอเอสทีวี คาดน่าจะยิงมาจากรถเก๋ง ส่วนกมธ.การเมือง การสื่อสารฯ เรียกเอเอสทีวีแจงกรณีทหารบุกสำนักงาน "ตุลย์"เผยถูกข่มขู่มาโดยตลอด แต่ยังเดินหน้าผ่าความจริง ขณะที่คนเพื่อไทยได้ที ขออย่าเขียนคำว่า "นช." นำหน้าชื่อทักษิณ
วานนี้ (30 ม.ค.) คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีที่มีนายทหารกว่า 50 นาย บุกไปยังสำนักงานเอเอสทีวี โดยมีเพียงตัวแทนจากเอเอสทีวีเข้าชี้แจงเพียงฝ่ายเดียว
นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการว่า ทางเอเอสทีวีปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มีสิทธิเสรีภาพตามหลักรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าเอเอสทีวีไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของใคร เป็นสื่อที่สนับสนุนโดยประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา เอเอสทีวีได้ถูกคุกคามมาโดยตลอด อาทิ โดนลอบยิงที่ตัวอาคารสำนักงาน รวมถึงล่าสุดได้ถูกลอบยิงรถข่าว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ แต่ทางเอเอสทีวีก็ยังทำหน้าที่ยึดหลักตามอุดมการณ์โดยไม่ย่อท้อต่อการถูกคุกคามแต่อย่างใด
ทางด้านนายธนิก มาศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการคนที่ 1แสดงความเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเอเอสทีวีมีความไม่เป็นกลาง และมีอคติ อย่างเช่นกรณีที่มีการใช้คำนำหน้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยคำว่า นช. จึงอยากให้ทางเอเอสทีวีตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ มีความเห็นว่า เนื่องจากทางฝ่ายทหารไม่ได้เดินทางเข้ามาชี้แจง จึงยังไม่จำเป็นที่ต้องพิจารณาหาบทสรุปในกรณีดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องพิสูจน์หาความจริง ต่อกรณีที่เอเอสทีวีถูกลอบยิงและคุกคาม เพื่อดูแลสื่อมวลชนให้ปฏิบัติหน้าที่ตามสิทธิเสรีภาพ
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิงรถข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา และตึกอนุรักษ์ ภายในบ้านเจ้าพระยา เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นต่างๆ ขณะนี้รอตรวจสอบข้อมูลจากที่เกิดเหตุก่อน ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดด้วย แต่ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด โดยงานนิติวิทยาศาสตร์ที่ไปตรวจสอบพบว่ากระสุนมาจากจุดเดียวกัน และข้อสรุปคาดว่าน่าจะนั่งรถเก๋งมาแล้วยิง
ส่วนคนที่เดินผ่านไปมาในกล้องนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะมุมการยิงมันไม่ให้ ซึ่งเป็นข้อสรุปจากทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไปแล้วหลายปาก ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปต้องรอทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นัดอีกครั้ง ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอยู่
วานนี้ (30 ม.ค.) คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองการสื่อสารมวลชนและการมีส่วนร่วมของประชาชนสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย ศรีหล้า เป็นประธานคณะกรรมาธิการ ได้เชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในกรณีที่มีนายทหารกว่า 50 นาย บุกไปยังสำนักงานเอเอสทีวี โดยมีเพียงตัวแทนจากเอเอสทีวีเข้าชี้แจงเพียงฝ่ายเดียว
นายตุลย์ ศิริกุลพิพัฒน์ บรรณาธิการหนังสือพิมพ์เอเอสทีวีผู้จัดการ ได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการว่า ทางเอเอสทีวีปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย มีสิทธิเสรีภาพตามหลักรัฐธรรมนูญ และยืนยันว่าเอเอสทีวีไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจของใคร เป็นสื่อที่สนับสนุนโดยประชาชน ซึ่งที่ผ่านมา เอเอสทีวีได้ถูกคุกคามมาโดยตลอด อาทิ โดนลอบยิงที่ตัวอาคารสำนักงาน รวมถึงล่าสุดได้ถูกลอบยิงรถข่าว และทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำผิดได้ แต่ทางเอเอสทีวีก็ยังทำหน้าที่ยึดหลักตามอุดมการณ์โดยไม่ย่อท้อต่อการถูกคุกคามแต่อย่างใด
ทางด้านนายธนิก มาศรีพิทักษ์ ผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมาธิการคนที่ 1แสดงความเห็นว่า การปฏิบัติหน้าที่ของเอเอสทีวีมีความไม่เป็นกลาง และมีอคติ อย่างเช่นกรณีที่มีการใช้คำนำหน้าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ด้วยคำว่า นช. จึงอยากให้ทางเอเอสทีวีตระหนักถึงการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง
ทั้งนี้ ทางคณะกรรมาธิการฯ มีความเห็นว่า เนื่องจากทางฝ่ายทหารไม่ได้เดินทางเข้ามาชี้แจง จึงยังไม่จำเป็นที่ต้องพิจารณาหาบทสรุปในกรณีดังกล่าว จึงเป็นหน้าที่ของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะต้องพิสูจน์หาความจริง ต่อกรณีที่เอเอสทีวีถูกลอบยิงและคุกคาม เพื่อดูแลสื่อมวลชนให้ปฏิบัติหน้าที่ตามสิทธิเสรีภาพ
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายยิงรถข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ บริเวณหน้าบ้านเจ้าพระยา และตึกอนุรักษ์ ภายในบ้านเจ้าพระยา เมื่อกลางดึกวันที่ 26 ม.ค.ที่ผ่านมานั้น ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. ได้กล่าวถึงความคืบหน้าว่า เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นต่างๆ ขณะนี้รอตรวจสอบข้อมูลจากที่เกิดเหตุก่อน ซึ่งบริเวณดังกล่าวมีกล้องวงจรปิดด้วย แต่ไม่ได้ครอบคลุมทั้งหมด โดยงานนิติวิทยาศาสตร์ที่ไปตรวจสอบพบว่ากระสุนมาจากจุดเดียวกัน และข้อสรุปคาดว่าน่าจะนั่งรถเก๋งมาแล้วยิง
ส่วนคนที่เดินผ่านไปมาในกล้องนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง เพราะมุมการยิงมันไม่ให้ ซึ่งเป็นข้อสรุปจากทางนิติวิทยาศาสตร์ อย่างไรก็ตาม ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำไปแล้วหลายปาก ซึ่งการประชุมครั้งต่อไปต้องรอทาง พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. นัดอีกครั้ง ขณะนี้ให้ฝ่ายสืบสวนเร่งติดตามหาพยานหลักฐานเพิ่มเติมอยู่