xs
xsm
sm
md
lg

"เสรีพิศุทธ์"รอพลังเงียบ วอนสื่อจัดหนักขึ้นหน้า1

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"วีรบุรุษนาแก" ไม่วิตก ที่คะแนนนิยมยังตาม 2 ผู้สมัครพรรคใหญ่ วอนสื่อให้ความสำคัญผู้สมัครอิสระด้วย ชี้ขณะนี้ประชาชนไม่ตัดสินใจเพียบ พร้อมลุยหาเสียงต่อ ติงระบบพรรคทำงานไม่เต็มที่ มีโกง ถอนทุน ด้าน"สุขุมพันธุ์" พบจุฬาราชมนตรี ถกแก้ปัญหายาเสพติด "พงศพัศ" สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์วัดภูเขาทอง ชูแผนฟื้นรถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์ "ยะใส" ชี้ผู้สมัคร 2 พรรค มีคะแนนจัดตั้งสูสี ต้องชี้ขาดกันที่นโยบาย ใครจะกระตุกพลังเงียบออกไปโหวตได้มากกว่า

วานนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ย่านบางแค และกล่าวถึงผลการสำรวจคะแนนนิยมของโพลที่ระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ยังมีคะแนนตามหลัง 2 ผู้สมัครจากพรรคการเมืองค่อนข้างมาก ว่า เป็นเรื่องปกติ ตนไม่ได้วิตกกังวลใดๆ เพราะทราบดีว่า ผู้สมัครซึ่งมาจากพรรคการเมืองย่อมได้เปรียบ และเป็นที่สนใจ เพียงแต่ขอเรียกร้องไปยังสื่อมวลชน ในการทำหน้าที่เสนอข่าว ที่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้สมัครคนอื่นๆด้วย อาจจะไม่ต้องครบทั้ง 25 คน เพราะบางคนก็ต้องยอมรับว่า เป็นไม้ประดับจริงๆ โดยอยากให้ความสำคัญกับผู้สมัครอิสระ ที่มีความตั้งใจจริง ซึ่งมีอยู่หลายคนบ้าง
"สื่อต้องช่วยเสนอข่าว หรือนำภาพขึ้นหน้าหนึ่งบ้าง ที่ผ่านมาเห็นมีนำเสนออยู่แค่ 2 ท่าน ที่มาจากพรรคใหญ่ ซึ่งถือว่าไม่ค่อยเป็นธรรม อยากจะขอโอกาสให้คนอื่นได้ขึ้นหน้าหนึ่ง เพื่อติดในกระแสบ้าง" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์ผลโพลที่ออกมา ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคการเมืองมีฐานเสียงที่แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนตนนั้นไม่ได้มีฐานเสียงเดิม คะแนนที่ออกมาถือเป็นกลุ่มคนที่ต้องการเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่จริงๆ อีกทั้งยังมีผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจอีกถึงกว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงกับเสียงตอบรับจากการลงพื้นที่ ที่พบว่าประชาชนเบื่อตัว แทนจากพรรคการเมือง ต้องการผู้ว่าฯกทม.ที่มีความเป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองมากกว่า

ส่วนกลยุทธ์หาเสียงของตนในขณะนี้ ก็จะเน้นการลงพื้นที่สัมผัสประชาชนโดยตรงเป็นหลัก รวมทั้งให้ทีมงานคอยติดตามตรวจสอบสถานการณ์หรือผลการสำรวจที่ออกมาโดยตลอด

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เน้นจุดขายภาพลักษณ์ส่วนตัว มากกว่าการนำเสนอนโยบาย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรื่องแนวนโยบายนั้น ตนเชื่อว่าไม่เป็นรองใคร แต่ยึดหลักที่ว่า การคิดกับการลงมือทำนั้นแตกต่างกัน จึงเน้นเรื่องการพูดจริง ทำได้จริง ตรวจสอบได้ และวัดผลได้ เนื่องจากผู้สมัครหลายคน มีลักษณะดีแต่พูด แต่ก็ทำไม่สำเร็จให้เห็นอยู่ตลอด โดยเฉพาะผู้ที่มาจากพรรคการเมือง ซึ่งต้องอิงระบบพรรค หรือต้องฟังต้นสังกัด ที่แม้แต่ทีมงานผู้บริหาร ยังตัดสินใจเองไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องการแสวงหาประโยชน์ ที่หากได้รับเลือกตั้ง ต้องเข้ามาเอาทุนคืน แล้วมีคดีติดตัวก็มีให้เห็นกันอยู่ จุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่า ผู้สมัครอิสระจะมีความได้เปรียบมากกว่า หากได้โอกาสเข้าไปทำงาน

" กรุงเทพฯ ผ่านมาแล้ว 231 ปี ต้องมีการเปลี่ยนแปลง และต้องนำคนที่จริงจัง จริงใจ เข้ามาทำงาน ประชาชนจึงต้องศึกษาประวัติของผู้ที่จะเข้ามาทำงานให้ดี รวมไปถึงทีมงานผู้บริหารที่ตัดสินใจและคัดเลือกมาด้วยตัวเองด้วย" พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุ

ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 11 ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีกระบวนการก่อกวนตน โดยส่งคนมาหาเรื่องผ่านทางสังคมออนไลน์ มีการตั้งข้อสังเกตที่ไม่ตรงกับความจริง และถามคำถามเรื่องเดิม ซ้ำๆ อาทิ เรื่องการเป็นนอมินี หรือถูกส่งลงมาตัดคะแนนใคร ซึ่งเรื่องนี้ตนยืนยันได้ว่า ไม่เป็นความจริง และมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนให้ตรวจสอบในทุกเรื่องๆ ได้ตลอด รวมไปถึงการตอบข้อซักถาม ที่ตนจะติดตามและตอบคำถามในบางเรื่องที่ทีมงานไม่สามารถตอบได้ด้วยตนเอง

อย่างไรก็ตาม มองว่าขบวนการพยายามก่อกวนดังกล่าว ถือเป็นเรื่องไม่ปกติ ในส่วนของการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่นั้นเบื้องต้นได้กำหนดไว้ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ ที่สวนลุมพินี ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อม และยอมรับว่าเสียเปรียบผู้สมัครของพรรคการเมืองในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมือ อุปกรณ์เวทีต่างๆ จึงอาจจะไม่สามารถจัดปราศรัยแบบมืออาชีพได้เหมือน 2 พรรคใหญ่ ที่สามารถทำได้ในทันที มีระบบจัดการนำมวลชนมารับฟังการปราศรัย

** "สุขุมพันธุ์"พบจุฬาราชมนตรี

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปหาเสียง ที่ศูนย์บริหารกิจการอิสลามแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ เขตหนองจอก และได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี โดยมีนายกษิต ภิรมย์ อดีตรมว.ต่างประเทศ และ นายกนก วงษ์ตระหง่าน ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมคารวะ

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เปิดเผยว่า จุฬาราชมนตรี ได้ขอให้ดูแลในเรื่องยาเสพติด และการศึกษาของคนรุ่นใหม่ชาวมุสลิม ซึ่งในส่วนของยาเสพติดนั้นจะได้ทำการติดตั้งกล้องซีซีทีวี เพื่อให้เฝ้าระวังปัญหายาเสพติด รวมทั้งจะให้ชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการเฝ้าระวัง โดยจากเดิมมี 10 ชุมชนให้ขยายเป็น200 ชุมชน ส่วนในด้านการศึกษา จะขยายหลักสูตรอิสลามศึกษา จาก 80 แห่ง เพิ่มเป็น 100 แห่ง โดยจะยกระดับศูนย์ฝึกอาชีพ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับพี่น้องชาวมุสลิมในการสร้างอาชีพ ให้เพิ่มหลักสูตรการสอนภาษาอังกฤษ ภาษาจีน และภาษามลายู ซึ่งขณะนี้ได้สั่งโอนวิทยาลัยชุมชน มาอยู่ในความดูแลของกทม.แล้ว

** "จูดี้"จะฟื้นรถรางเกาะรัตนโกสินทร์

ด้านพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. พรรคเพื่อไทย ได้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่วัดภูเขาทอง ในช่วงเช้า โดยเดินขึ้นพระบรมบรรพตภูเขาทอง พร้อมสั่นระฆังลั่นฆ้อง3ครั้ง ก่อนไปสักการะพระบรมธาตุเจดีย์ และพระบรมสารีริกธาตุ ถวายเครื่องสังฆทานจำนวน 5 ชุด ก่อนทำพิธีถวายผ้าห่มองค์พระเจดีย์ภูเขาทอง

พล.ต.อ. พงศพัศ กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่านักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยี่ยมชมเกาะรัตนโกสินทร์ มีจำนวน 25 ล้านคนต่อปี และที่วัดภูเขาทอง ก็มีนักท่องเที่ยวมากันเยอะมาก ซึ่งเกาะรัตนโกสินทร์นั้น แต่เดิมผู้ว่าฯกทม. ก็พยายามจะรื้อฟื้นรถรางรอบเกาะรัตนโกสินทร์กลับมา แต่ก็ยังไม่มีใครทำสำเร็จ ซึ่งหากตนได้รับเลือกเข้ามา ก็พร้อมที่จะสานต่อโครงการรถราง ทั้งสายสีแดง และสายสีเหลือง ที่เคยได้วางโครงการไว้ รวมถึงจะดูในส่วนของพื้นที่เศรษฐกิจ อย่างเยาวราชด้วย ซึ่งในส่วนของสถานี และระยะทางจะเป็นอย่างไร ก็คงจะมีการพิจารณากันอีกครั้ง ทั้งนี้เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวและลดมลพิษเพื่อสิ่งแวดล้อม

พล.ต.องพงศพัศ ยังกล่าวถึงผลโพลระบุว่ามีคะแนนนิยมนำ ที่นำ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่เมื่อเจาะตามกลุ่มนักธุรกิจ และนักศึกษา ยังเป็นรองว่า จะต้องดูรายละเอียดของผลโพลทั้งหมดที่ออกมา และนำมาศึกษาเพื่อลงพื้นที่เสนอนโยบายกับทุกกลุ่มอย่างตั้งใจ ส่วนตัวมีความมั่นใจ และพร้อมที่จะทำงานรับใช้ประชาชน

**"คุณชาย"เป็นรอง"จูดี้"ด้านการตลาด

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน กล่าวว่า ต้องจับตาการหาเสียงโค้งสุดท้ายที่จะมีการแข่งขันกันดุเดือดจนอาจมีการเล่นนอกกติกา หรือทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง เพราะการแข่งขันครั้งนี้มีคะแนนนิยมสูสีกันมาก ระหว่างม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ จากปชป. กับ พล.ต.อ.พงศพัศ จากพท.

โอกาสของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ในฐานะแชมป์เก่า ครั้งนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะชัยชนะจากครั้งที่แล้ว 9 แสนกว่าคะแนน ต่อนายยุรนันท์ ภมรมนตรี ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ที่ได้ 6 แสนกว่าคะแนนนั้น ต้องยอมรับว่า ในช่วงนั้นปชป. เป็นรัฐบาลใหม่ๆ ก็ย่อมได้เปรียบคู่แข่ง แต่ครั้งนี้คู่แข่งกลับมาเป็นตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรครัฐบาล และสถานการณ์พรรคเพื่อไทยวันนี้ แข็งแกร่งกว่าเพื่อไทย เมื่อปี 52

นอกจากนี้ พล.ต.อ.พงศพัศ ยังสร้างภาพลักษณ์ที่โดนใจ ใหม่กว่า สดกว่า อาจจะได้รับโอกาสจากคนกลางๆ และการเมืองไทยในช่วงหลังปฏิเสธไม่ได้ว่า การตลาดทางการเมืองเริ่มมาเป็นตัวแปรสำคัญมากขึ้น

ผลงานของ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ที่ผ่านมา อาจไม่เพียงพอที่จะรักษาแชมป์ได้ หาก ปชป.หวังแค่ 9 แสนคะแนนเท่าเดิม อาจจะไม่ชนะ ต้องมากกว่านั้น ในขณะที่ พล.ต.อ.พงศพัศ มีฐานเดิมของเพื่อไทย 6 แสนกว่าคะแนน ซึ่งรอบนี้ไม่มีใครมาตัดคะแนนเหมือนครั้งที่แล้ว ที่โดนหม่อมปลื้ม มล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล ตัดไป 3 แสนกว่าคะแนน

ในส่วนของผู้สมัครอิสระ แม้คะแนนนิยมจะยังค่อนข้างตามหลังอยู่ห่าง แต่ก็ถือว่ายังไม่หมดโอกาส ถ้าออกนโยบาย และการเคมเปญที่สามารถกระตุกพลังเงียบได้มากกว่านี้

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ผลแพ้ชนะ จะไม่ใช่คะแนนจัดตั้งเหมือนปีที่แล้ว เพราะคะแนนจัดตั้งของทั้ง 2 พรรครอบนี้สูสีกันมาก ตัวแปรจะอยู่นโยบายใหม่ๆ ที่จะเปลี่ยนกรุงเทพฯได้จริง และโดนใจสามารถดึงพลังเงียบออกไปโหวตได้ เพราะครั้งที่แล้วไปใช้สิทธิ์แค่ 51% เท่านั้น.
กำลังโหลดความคิดเห็น