“วีรบุรุษนาแก” ชี้มือยิงสื่อต้องพิเศษจริงถึงกล้าทำ จี้จับตัวคนร้าย รับไม่ใช่หน้าที่ผู้ว่าฯ กทม. แต่ต้องช่วยปรามเหตุ คาดไว้แล้วโพลให้ตาม 2 ผู้สมัครพรรคใหญ่ แนะสื่อให้ความสำคัญผู้สมัครอิสระด้วย ยก ปชช.ไม่ตัดสินใจเพียบพร้อมลุยหาเสียงต่อ ติงระบบพรรคทำงานไม่เต็มที่ มีโกงถอนทุน เผยมีพวกเล่นสกปรกดิสเครดิต ยันไม่ลงมาตัดคะแนนใคร แจงได้ทุกกรณี ยันมีปราศรัยใหญ่ รับไม่อลังการเท่าพรรคใหญ่-ลุยบางแคขอคะแนน รอถก "ศ.เสรี" นั่งรองผู้ว่าฯอีกรอบ
วันนี้ (27 ม.ค.) พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้สมัครเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามอิสระกล่าวถึงเหตุคนร้ายปืนยิงรถข่าวของสำนักข่าวเอเอสทีวีผู้จัดการ บริเวณหน้าสำนักงานบนถนนพระอาทิตย์ เมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 25 ม.ค.ที่ผ่านมาว่า สื่อมวลชนมีความสำคัญในสังคมไทย การคุ้มครองดูแลก็ต้องมีความสำคัญเช่นเดียวกับความปลอดภัยของพี่น้องประชาชน ซึ่งการเฝ้าระวังป้องกันเหตุมีความสำคัญที่สุด ซึ่งแม้ผู้ว่าฯ กทม.จะไม่ได้มีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวนจับกุมโดยตรง แต่ก็จะเข้ามาเสริมในส่วนของการป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น รวมไปถึงการดูแลความปลอดภัยของประชาชน ทั้งจากเหตุการณ์นี้หรือก่อนหน้านี้ที่มีคนร้ายปล้นบ้านประชาชนที่อยู่ใกล้ๆ บ้านผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.รายหนึ่งด้วย
“คนที่กล้ายิงสื่อต้องพิเศษกว่าคนอื่น เพราะสื่อคงไม่ไปมีปัญหากับคนจน ผู้ที่ไม่มีอำนาจ หรือตาสีตาสา อีกทั้งทราบกันดีว่าหลายปีที่ผ่านมาเอเอสทีวีก็ค่อนข้างมีปัญหากับหลายกลุ่มจากการทำหน้าที่สื่อมวลชน ดังนั้นผู้รับผิดชอบและเจ้าหน้าที่ต้องเร่งในการสืบสวนสอบสวนจับกุมโดยเร็ว และเพิ่มความเข้มงวดในการดูแลความปลอดภัยไม่ให้เกิดขึ้นอีก” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุ
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังได้เปิดเผยในระหว่างการลงพื้นที่หาเสียงที่ย่านบางแค ถึงผลการสำรวจคะแนนนิยมของโพลที่ระบุว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ยังมีคะแนนตามหลัง 2 ผู้สมัครจากพรรคการเมืองค่อนข้างมากกว่า ถือเรื่องปกติ โดยตนไม่ได้วิตกกังวลใดๆ เพราะทราบดีว่าผู้สมัครซึ่งมาจากพรรคการเมืองย่อมได้เปรียบและเป็นที่สนใจ เพียงแต่ขอเรียกร้องไปยังสื่อมวลชนในการทำหน้าที่นเสนอข่าว ที่ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ผู้สมัครคนอื่นๆด้วย อาจจะไม่ต้องครบทั้ง 25 คน เพราะบางคนก็ต้องยอมรับว่าเป็นไม้ประดับจริงๆ โดยอยากให้ความสำคัญกับผู้สมัครอิสระที่มีความตั้งใจจริง ซึ่งมีอยู่หลายคนบ้าง
“สื่อต้องช่วยเสนอข่าว หรือนำภาพขึ้นหน้าหนึ่งบ้าง ที่ผ่านมาเห็นมีนำเสนออยู่แค่ 2 ท่านที่มาจากพรรคใหญ่ ซึ่งถือว่าไม่ค่อยเป็นธรรม อยากจะขอโอกาสให้คนอื่นได้ขึ้นหน้าหนึ่งเพื่อติดในกระแสบ้าง” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าว
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวอีกว่า จากการวิเคราะห์ผลโพลที่ออกมาก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรคการเมืองมีฐานเสียงที่แน่นอนอยู่แล้ว ส่วนตนนั้นไม่ได้มีฐานเสียงเดิม คะแนนที่ออกมาถือเป็นกลุ่มคนที่ต้องการเลือกตนเข้ามาทำหน้าที่จริงๆ อีกทั้งยังมีผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจอีกถึงกว่า 40-50 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งตรงกับเสียงตอบรับจากการลงพื้นที่ที่พบว่าประชาชนเบื่อตัวแทนจากพรรคการเมือง ต้องการผู้ว่าฯ กทม.ที่มีความเป็นอิสระจากฝ่ายการเมืองมากกว่า ส่วนกลยุทธ์หาเสียงของตนในขณะนี้นั้นก็จะเน้นการลงพื้นที่สัมผัสประชาชนโดยตรงเป็นหลัก รวมทั้งให้ทีมงานคอยติดตามตรวจสอบสถานการณ์หรือผลการสำรวจที่ออกมาโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์เน้นจุดขายภาพลักษณ์ส่วนตัวมากกว่าการนำเสนอนโยบาย พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์กล่าวตอบว่า เรื่องแนวนโยบายนั้นตนเชื่อว่าไม่เป็นรองใคร แต่ยึดหลักที่ว่าการคิดกับการลงมือทำนั้นแตกต่างกัน จึงเน้นเรื่องการพูดจริง ทำได้จริง ตรวจสอบได้ และวัดผลได้ เนื่องจากผู้สมัครหลายคนมีลักษณะดีแต่พูด แต่ก็ทำไม่สำเร็จให้เห็นอยู่ตลอด โดยเฉพาะผู้ที่มาจากพรรคการเมือง ซึ่งต้องอิงระบบพรรคหรือต้องฟังต้นสังกัด ที่แม้แต่ทีมงานผู้บริหารยังตัดสินใจเองไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีในเรื่องการแสวงหาประโยชน์ ที่หากได้รับเลือกตั้งต้องเข้ามาเอาทุนคืน แล้วมีคดีติดตัวก็มีให้เห็นกันอยู่ จุดนี้เป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าผู้สมัครอิสระจะมีความได้เปรียบมากกว่า หากได้โอกาสเข้าไปทำงาน
“กรุงเทพฯ ผ่านมาแล้ว 231 ปีต้องมีการเปลี่ยนแปลง และต้องนำคนที่จริงจังจริงใจเข้ามาทำงาน ประชาชนจึงต้องศึกษาประวัติของผู้ที่จะเข้ามาทำงานให้ดี รวมไปถึงทีมงานผู้บริหารที่ตัดสินใจและคัดเลือกมาด้วยตัวเองด้วย” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ระบุ
ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.หมายเลข 11 ยังกล่าวด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีกระบวนการก่อกวนตน โดยส่งคนมาหาเรื่องผ่านทางสังคมออนไลน์ มีการตั้งข้อสังเกตที่ไม่ตรงกับความจริง และถามคำถามเรื่องเดิมซ้ำๆ อาทิ เรื่องการเป็นนอมินีหรือถูกส่งลงมาตัดคะแนนใคร ซึ่งเรื่องนี้ตนยืนยันว่าได้ว่าไม่เป็นความจริง และมีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนให้ตรวจสอบในทุกเรื่องๆ ได้ตลอด รวมไปถึงการตอบข้อซักถามที่ตนจะติดตามและตอบคำถามในบางเรื่องที่ทีมงานไม่สามารถตอบได้ด้วยตนเอง
อย่างไรก็ตาม มองว่าขบวนการพยายามก่อกวนดังกล่าวถือเป็นเรื่องไม่ปกติ ในส่วนของการตั้งเวทีปราศรัยใหญ่นั้นเบื้องต้นได้กำหนดไว้ในวันที่ 8 ก.พ.นี้ ที่สวนลุมพินี ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อม และยอมรับว่าเสียเปรียบทางผู้สมัครของพรรคการเมืองในเรื่องเครื่องไม้เครื่องมืออุปกรณ์เวทีต่างๆ จึงอาจจะไม่สามารถจัดปราศรัยแบบมืออาชีพได้เหมือน 2 พรรคใหญ่ ที่สามารถทำได้ในทันที มีระบบจัดการนำมวลชนมารับฟังการปราศรัย
ขณะที่ในวันนี้พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ตลาดบางแค และห้างซีคอนสแควร์ บางแค โดยได้เดินตรวจเยี่ยมตลาด ซึ่งพบว่ายังมีความสะอาดไม่เพียงพอ อีกทั้งยังไม่มีการจัดระเบียบแผงลอยขายของ ซึ่งพร้อมที่จะเข้ามาจัดระเบียบหากได้รับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตลอด 1 อาทิตย์ของการลงพื้นที่หาเสียงที่ผ่านมา ได้รับทราบปัญหาของประชาชนมากพอสมควร และอยู่ในขั้นเตรียมจัดปราศรัยใหญ่เช่นเดียวกับผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง
ส่วนกรณีที่ศาสตราจารย์เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านชลประทาน ยืนยันว่าไม่ร่วมเป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ตามที่ได้แถลงข่าวเปิดตัวไปแล้วนั้น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ ระบุว่า ก่อนหน้าที่จะมีการแถลงข่าวเปิดตัวได้มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์แล้วว่าพร้อมร่วมเป็นทีมงาน แต่เมื่อเปิดตัวแล้วอาจถูกกดดันจากผู้ร่วมลงสมัครทำให้สับสนและไม่สามารถเข้าร่วมงานด้วยได้ ทั้งนี้ขอกลับไปพูดคุยกับศาสตราจารย์เสรี อีกครั้งก่อนที่จะให้ข้อมูลอีกครั้งถึงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร