xs
xsm
sm
md
lg

"ปานศิริ"ลั่นตรวจสำนวนใหม่-หลังหน.อุทยานฯจวกอุ้มตร.ล่าสัตว์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ปานศิริ"ลั่นตรวจสำนวนสั่งไม่ฟ้อง "พ.ต.ท.ธีรยุทธ" คดีล่าสัตว์ในป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ย้ำสตช.ไม่มีนโยบายช่วยตร.ทำผิด โดยเฉพาะคดีทำลายทรัพยากรธรรมชาติยอมไม่ได้ ด้านผู้ว่าฯเพชรบุรีออกอาการป้อง ระบุฝ่ายปกครองพิจารณาตามเอกสารหลักฐานของตำรวจ ลั่นหาก "ชัยวัฒน์" มีหลักฐานเพิ่มให้ส่งตำรวจทำสำนวนได้ทันที

วานนี้(24 ม.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(รองผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีพนักงานสอบสวนสภ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี สรุปสํานวนสั่งไม่ฟ้องพ.ต.ท.ธีรยุทธ เกตุมั่งมี สว.สส.สภ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ในข้อหาร่วมกันล่าและมีสัตว์ป่าคุ้มครอง(กบทูต)ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต มีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต พกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยไม่มีเหตุจำเป็นอันเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ และนำอาวุธปืนเข้าไปในเขตอุทยานโดยไม่ได้รับอนุญาต ใช้อาวุธปืนยิงสัตว์ป่าในระหว่างพระอาทิตย์ตก และพระอาทิตย์ขึ้น นำสัตว์ออกไป หรือกระทำด้วยประการใดๆ ให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ว่าสตช.ไม่มีนโยบายช่วยเหลือข้าราชการตํารวจที่กระทําผิด โดยเฉพาะการกระทําผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้ เพราะเป็นตํารวจมีหน้าที่ต้องดูแล ปกป้องทรัพยากรธรรมชาติอยู่แล้ว

"การสรุปสำนวนคดีดังกล่าวเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน ซึ่งมีฝ่ายปกครองเป็นหัวหน้า ไม่ใช่ตํารวจเพียงฝ่ายเดียว แต่เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และความชัดเจนกับทุกฝ่าย ผมได้สั่งการให้พนักงานสอบสวน นําสํานวนทั้งหมดมาตรวจสอบอีกครั้ง โดยผมจะตรวจสอบด้วยตนเอง คาดว่าจะดําเนินการได้ภายใน 1-2 วัน เพื่อตรวจสอบดูว่าขั้นตอนการสอบสวนมีการสอบครบถ้วนเพียงใดหรือไม่"

ด้านนายมณเฑียร ทองนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายสอบสวน ที่มีอัยการจังหวัดเป็นผู้กลั่นกรองสำนวนของพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง ก่อนส่งให้ศาลเป็นผู้พิจารณาตัดสิน ซึ่งกระบวนการยุติธรรมมีหลายขั้นตอน ตำรวจมีดุลพินิจในการสอบสวนเบื้องต้นจากพยานหลักฐานที่ได้มา ซึ่งในชั้นนี้เท่าที่ดูสำนวน พบว่าพ.ต.ท.ธีรยุทธไม่มีอาวุธปืน ไม่ได้ร่วมอยู่ทีมเดียวกัน กล่าวคือต่างคนต่างไปแล้วไปเจอกันในนั้น ก็เลยไม่มีข้อหา ตำรวจสั่งไม่ฟ้อง ซึ่งตรงนี้องเคารพดุลพินิจของตำรวจท้องที่ซึ่งทำสำนวนมา

"อย่างไรก็ตามเมื่อเรื่องถึงสำนักงานอัยการจังหวัดเพชรบุรี คงจะมอบหมายท่านอัยการท่านใดท่านหนึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลสำนวน ถ้ามีช่อง มีข้อสงสัย ก็อาจจะให้เสาะหาพยานและสอบสวนเพิ่มเติ่ม ซึ่งความเห็นของอัยการจังหวัดนั้น จะสั่งฟ้องหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่ อาจจะเป็นไปได้ว่าเห็นสอดคล้องกับตำรวจ หรือเห็นขัดแย้งกันก็สั่งฟ้อง ต้องชั่งน้ำหนักกันในชั้นอัยการจังหวัดต่อไป"

ผู้สื่อข่าวถามว่า สำหรับกรณีที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จะนำภาพถ่ายทั้งหมดมาให้ผู้ว่าราชการจังหวัด เพื่อยื่นต่ออัยการจังหวัดต่อไปทำได้หรือไม่ นายมณเฑียร กล่าวว่า นายชัยวัฒน์ควรจะนำไปมอบให้ตำรวจมากกว่า เพราะถ้ามอบให้ตน ก็ต้องส่งกลับสภ.แก่งกระจาน ซึ่งถ้ามีหลักฐานเพิ่มเติม หรือได้ข้อมูลใหม่ ก็ให้ผู้รับผิดชอบสำนวนไปประกอบการพิจารณา ในกรณีที่อัยการอาจสั่งให้สอบเพิ่มเติม เพื่อให้สำนวนมีความรัดกุมยิ่งขึ้น

นายมณเฑียร ยังกล่าวถึงการทำงานของฝ่ายปกครองที่ร่วมสอบสวนคดีนี้ว่า ฝ่ายปกครองมีนายอำเภอแก่งกระจานร่วมสอบสวน เพราะมีหนังสือสั่งการของกระทรวงมหาดไทย ว่าคดีที่เกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายอำเภอควรจะต้องเข้าไปควบคุมคดี เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ตัดไม้ทำลายป่า ล่าสัตว์ในเขตอุทยานเป็นต้น ดังนั้นคดีพวกนี้นายอำเภอเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวน แต่การที่นายอำเภอไม่ได้เข้าไปร่วมจับกุมเป็นเรื่องธรรมดา จะให้เข้าไปร่วมจับด้วยทุกพื้นที่ ทุกคดีไม่ได้ จึงต้องดูจากเอกสารพยานหลักฐานที่ตำรวจรวบรวมมา ดูจากสำนวน การสอบสวนครบทุกปากทุกประเด็นไหมหรือไม่ ถ้าไม่ทำถือเป็นข้อบกพร่องด้วยซ้ำไป

"หลังจากมีข่าวผมได้โทรศัพท์คุยกับนายสุทธิพงษ์ ตันบุญยศิริเดช นายอำเภอแก่งกระจาน ว่าเข้าไปเป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนหรือเปล่า เพราะเกรงว่าหากไม่เป็นจะบกพร่องต่อหน้าที่ และได้ถามว่าได้ให้ความเป็นธรรมเพียงพอหรือไม่ ซึ่งตรงนี้ผมถือว่าเป็นดุลพินิจของนายอำเภอ"
กำลังโหลดความคิดเห็น