"มาร์ค" ลุยสวนลุมฯ ช่วย "สุขุมพันธุ์" หาเสียง อ้อนประชาชนแห่ไปให้กำลังใจในวันนี้ที่จะเปิดรับสมัครด้วย ดับฝัน วอนกกต.ใหญ่ ช่วย กกต.กทม.ดูภาพรวมเลือกตั้ง หวั่นมีการใช้อำนาจรัฐแทรกแซง หลัง "ทักษิณ" คุยโว "พงศพัศ" ชนะแน่ ด้านพรรคเพื่อไทยก็ระดมแกนนำพรรค ไปให้กำลังใจ "จูดี้" พร้อมช่วยหาเสียง เปิดเวทีที่ลานคนเมือง
เมื่อเวลา 06.30 น. วานนี้ (20 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงบริเวณสวนลุมพินี โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงบรรยากาศการหาเสียง ผู้ว่าฯกทม. ก่อนถึงวันเปิดรับสมัคร ในวันนี้ ( 21 ม.ค.) ว่า ตนได้สนับสนุนการณรงค์หาเสียงให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ที่มีการเปิดรับสมัครตนจะไม่ได้ไปด้วย เพราะติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นนัดหมายล่วงหน้านานแล้ว จึงขอแจ้งให้ประชาชนทราบจะได้ไม่สงสัย ว่าหายไปไหน
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหา หรือขัดแย้งกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และเชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบาย ที่พรรคจะพยายามเปิดนโยบายหลัก และลงรายละเอียดในแต่ละเรื่อง ทั้งเรื่องการขนส่งมวลชน การป้องกันภัยพิบัติ การจราจร ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่พี่น้องชาวกทม. มีความคาดหวังมากที่สุด ขณะเดียวกันงานด้านสังคม ก็เน้นเป็นพิเศษทั้งการศึกษา และสาธารณสุข ความปลอดภัย รวมถึงเรื่องยาเสพติด โดยจะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทุกวัน เพื่อให้สัมพันธ์กับการเปิดตัวนโยบายด้วย
ส่วนที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินว่า จะมีการแข่งขันกันค่อนข้างเข้มข้น ระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่นั้น ตนเห็นว่า การแข่งขันที่เข้มข้น ไม่จำเป็นต้องเป็นการแข่งขันที่มีปัญหา หากผู้สมัครทุกราย แข่งขันกันอย่างมีน้ำใจเป็นนักกีฬา
จึงขอเรียกร้องไปยังผู้สมัครทุกคน ทุกพรรค รวมถึงผู้สมัครอิสระ ให้แข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ ครั้งที่แล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับเลือกตั้ง ไม่มีการร้องเรียนเลย จึงอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เหมือนกับคราวที่แล้ว ซึ่งเป็นการหาเสียงที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ จะมีความเข้มข้นแต่ก็ขอให้อยู่ภายใต้กติกา โดยตนยืนยันแทน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และพรรคได้ว่า เรายึดแนวทางในการนำเสนอนโยบายเป็นหลัก เดินเข้าหาประชาชน และจะมีการปราศรัยในวันศุกร์ที่ 25 ม.ค. นี้
"การสมัครในวันที่ 21 ม.ค. ก็ขอให้ประชาชนไปให้กำลังใจกันมากๆ ผมคิดว่าหากมีการแข่งขันอย่างคึกคักเข้มข้น ก็จะทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์กันมาก ทั้งนี้ไม่ได้ระบุว่า อยากจะได้เบอร์อะไรเป็นพิเศษ แต่ยึดหลักเอาเบอร์ที่ชนะ ซึ่งจะทราบว่าเบอร์ไหนชนะได้ในวันนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** หวั่นรัฐบาลใช้อำนาจรัฐแทรกแซง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อธิบายคำขวัญ ไร้รอยต่อเพื่อเชื่อมการทำงานของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคกับรัฐบาล ว่า เป็นสิทธิในการหาเสียง แต่ก็ต้องระมัดระวัง อย่าใช้อำนาจรัฐในการหาเสียงเพราะจะผิดกฎหมาย โดยกกต.จะต้องเป็นผู้ดูแล
ทั้งนี้ยืนยันว่า กทม.เป็นท้องถิ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และมีการกระจายอำนาจ จึงต้องมีความเป็นอิสระซึ่งไม่ได้หมายความว่า ต้องมีความขัดแย้ง แต่ความเป็นอิสระจะช่วยเป็นหลักประกันให้กับคนในทุกชุมชนและท้องถิ่น ว่า เขาสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้
" การที่พยายามจะบอกว่า ท้องถิ่นต้องอยู่พรรคเดียวกับรัฐบาล ก็เท่ากับไม่ยอมรับการกระจายอำนาจ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีการเลือกตั้งทำไม ถ้าวัตถุประสงค์ของท้องถิ่นคือ การทำงานให้กับรัฐบาล ก็คงให้เป็นการแต่งตั้งไปแล้ว แต่นี่เป็นการเลือกโดยประชาชน"
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า 4 ปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่มีความขัดแย้ง และวิกฤตภัยพิบัติ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยืนบนความเป็นตัวของตัวเองในส่วนกทม. แต่ไม่ขัดแย้งกับคนที่ทำงานด้วย ไม่ว่าใครจะชวนทะเลาะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ไม่ได้ไปทะเลาะด้วย แต่อะไรจะกระทบผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ ก็ต้องยืนยัน เช่น ช่วงน้ำท่วมก็มีจุดยืนรักษาประโยชน์กทม.เป็นหลัก
"หากวันนั้นไม่มีจุดยืน แต่ทำงานแบบไร้รอยต่อกับรัฐบาล กทม.ก็คงจมน้ำไปแล้ว"
นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ทุกคน ย่อมทราบดีว่าต้องทำงานร่วมกับรัฐบาล แต่เรื่องใดที่เป็นอำนาจหน้าที่ของกทม. ก็ต้องมีแนวคิดเป็นของตัวเอง ที่สำคัญคือ ต้องรักษาผลประโยชน์ของคน กทม.ได้ด้วย จึงไม่คิดว่าการนำประเด็นไร้รอยต่อมาเป็นจุดขายของพรรคเพื่อไทย จะทำให้คนกรุงเทพฯ เกิดความหวาดกลัว จนหันไปเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ว่าฯกทม.
"ผมคิดว่า คนกทม.ทราบดีว่าเราเป็นท้องถิ่นที่มีการกระจายอำนาจ เลือกตั้งมาเกือบ 30 ปีแล้ว และที่ผ่านมา กทม.หลายยุคหลายสมัย ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผู้ว่าฯกทม. เป็นคนละพรรคกับรัฐบาล และไม่แปลกใจที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะแสดงความมั่นใจว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะชนะการเลือกตั้ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คงมีความมั่นใจในอำนาจรัฐเพราะเป็นคนเชื่อเรื่องอำนาจ แต่ผมเชื่อในเรื่องอำนาจของผู้เลือกตั้งมากกว่าที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ และผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในกทม. จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จะไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบ หรือไม่ถูกต้อง"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นอำนาจของกกต. กทม. แต่เห็นว่า กกต.ใหญ่ ก็มีหน้าที่ต้องติดตามด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องการแบ่งความรับผิดชอบในแง่การปฏิบัติ โดย กกต. ยังมีหน้าที่ต้องดูแลภาพรวมด้วย
**เชื่อคนกรุงไม่เบื่อ"สุขุมพันธุ์"
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวขอบคุณประชาชน ที่ให้กำลังใจจำนวนมาก ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะทำงานมา 4 ปี ก็ต้องปรับปรุง เร่งรัด ต่อยอดด้วย แต่ในภาพรวมก็ได้รับการตอบรับที่ดี จึงไม่คิดว่าประชาชนจะเบื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะทุกพื้นที่ที่ไปหาเสียง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนมาโดยตลอด ส่วนทีมรองผู้ว่าฯกทม. ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกันในรายละเอียด เมื่อเริ่มรณรงค์ไประยะหนึ่งแล้วจะจัดทีมมาพิจารณาในเรื่องการจัดสรรคนลงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลักในการวางตัวผู้บริหารจะยึดตามบรรทัดฐานของพรรคที่ดำเนินการมาแล้ว คือคนที่เคยถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาแล้ว ก็ต้องให้คดีจบเสียก่อนจึงจะเข้ามาเป็นผู้บริหารได้
**ระดมทีมงานในกำลังใจ"สุขุมพันธุ์"
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรค กล่าวถึงความพร้อมในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ในวันนี้ (21ม.ค.) จะเป็นวันเปิดรับสมัคร และจับสลากเบอร์ ขอยันว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเต็มร้อย พร้อมช่วยกันรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยจะระดม ส.ส.- ส.ก.- ส.ข. และผู้ช่วยหาเสียง อาสาสมัครอีกประมาณ 500 คน ซึ่งทั้งหมดนี้จะกระจายลงไปทั่วทุกพื้นที่กทม. ไปรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้ช่วยสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร โดยได้เน้นให้บุคลากรของพรรคทุกระดับ ยึดแนวทาง นำข้อมูล นโยบาย กระจายทั่วทั้งพื้นที่ เลือกคนดี คนสุจริต เป็นผู้ว่าฯกทม. ตนเชื่อว่าหากประชาชนได้รับแนวนโยบาย แนวคิด และเห็นความตั้งใจของพรรคแล้ว จะนำไปสู่การตัดสินใจได้ในวันที่ 3 มี.ค. ว่าจะสนับสนุนคนของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. อีกสมัยหนึ่ง
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนนำผู้สมัครอื่นๆ อยู่ในขณะนี้ ส่วนตนในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า ใครมีคะแนนนำ เพราะการหาเสียงเลือกตั้งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ประมาท เนื่องจากผลการประเมินอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หนทางเดียวที่เราจะมีโอกาสกลับมาบริหารกทม. อีกครั้งก็คือ การทำงานหนักในของทุกภาคส่วน เพื่อที่จะให้พี่น้องชาวกทม. มีความมั่นใจในตัวผู้สมัครของพรรค
ทั้งนี้ สิ่งที่เรามีความวิตกกังวล เนื่องจากผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้กล่าวไว้ในวันแรกที่เปิดตัวว่า จะไม่มีวันแพ้ จะมีแต่ชนะลูกเดียว และขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาพูดชัดเจนว่า จะสามารถเอาชนะได้ อะไรที่ทำให้สองคนนี้มั่นใจสูง ถึงกล้าประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า จะสามารถชนะได้ ทั้งๆที่จะชนะหรือแพ้ ตัวตัดสินอยู่ที่ประชาชนเท่านั้น จึงวิตกกังวลว่า รัฐบาลจะใช้อำนาจรัฐที่อยู่ในมือ กรุยทางไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ตนหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรมโดยไม่ใช้อำนาจโดยมิชอบแต่อย่างใด โดยในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า จะมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมที่จะช่วยกันรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
**อัดนโยบายไร้รอยต่อชี้นำให้เลือกข้าง
นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายหาเสียงไร้รอยต่อ ของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทย ว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดพรรคเพื่อไทย ที่ส่งเสริมให้มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน และยังสะท้อนให้เห็นว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำงานกับใครก็ตามที่มีความเห็นแตกต่างกับพวกตัวเองคิดได้ ซึ่งแนวคิดเรื่องการเลือกข้างของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีการส่งเสริมพฤติกรรม และความคิดการเรื่องระบบการบริหารราชการ รวมถึงระบบการตรวจสอบที่ผิดให้ ส.ส.รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการทำลายระบบ และทัศนะคติที่ดีทางการเมือง เพราะหน้าที่ของ ส.ส. ที่แท้จริงคือการตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ทำมาตลอดครึ่งปีหลัง เห็นได้ชัดว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ตรวจสอบรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็จะเข้าไปตรวจสอบส่วนงานที่พรรคประชาธิปัตย์ทำอยู่
นอกจากนั้น ยังสะท้อนแนวคิดการบริหารความขัดแย้ง หรือความแตกต่างไม่ได้ เพราะหากวันนี้พรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่า หากได้ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากพรรคอื่น จะเกิดปัญหาการทำงานในอนาคต ก็สะท้อนว่า ไม่สามารถบริหารความแตกต่างได้ ทั้งที่การบริหารท้องถิ่น หรือในระดับประเทศ สิ่งที่รัฐบาลควรทำอย่างยิ่งคือ การบริหารความแตกต่าง
** พท.ระดมแกนนำพรรคเชียร์"จูดี้"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การรับสมัครฯ ผู้ว่าฯกทม. ในวันนี้ (21 ม.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพร้อมกับประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งกทม.ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 โซน คือ ตัวนายจารุพงศ์เอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นอกจากนี้ยังมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ แกนนำพรรคเพื่อไทย น.ส. ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะพาพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ไปสมัคร ซึ่งหลังจากที่สมัคร และได้เบอร์แล้ว จะไปคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ นับถือ พร้อมกับเดินหาเสียง ที่ศาลหลักเมือง หลังจากนั้นจะเดินทางไปหาเสียงต่อที่ กทม. 2
จากนั้นเวลา 16.00 น. จะเปิดเวทีหาเสียงที่ ลานคนเมืองกทม. ซึ่งจะมีบรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทย พร้อมประธาน กทม.ทั้ง 3 โซนมาร่วมด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้จะให้ตัวแทนพรรค ที่เดินทางไปร่วมการหาเสียง ลาราชการให้เรียบร้อย อย่าห่วงว่าการไปช่วยหาเสียงครั้งนี้ จะใช้เวลาราชการ
** กทม.พร้อมเปิดรับสมัครวันนี้
นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.ทถ.กทม.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม การรับสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ได้เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอ เพราะถนนรอบศาลาว่าการกทม.แคบ และเป็นย่านชุมชน หากมีกองเชียร์ผู้สมัครมามาก อาจจะเกิดปัญหาจราจรได้ แต่กทม.จะพยายามดำเนินการให้ดีที่สุด
ในส่วนของว่าที่ผู้สมัครฯนั้นหากยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสารที่จะยื่นสมัคร เพราะมั่นใจว่าครบถ้วน ถูกต้องแล้ว แต่ก็สามารถยื่นขอตรวจเอกสารได้ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.ได้อีกครั้ง ทั้งนี้ เราจะอนุญาตให้ผู้สมัครฯ สามารถมีผู้ติดตามเข้ามาที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.ได้เพียง 2 คน รวมตัวผู้สมัครเป็น 3 คน ส่วนกองเชียร์ ให้อยู่บริเวณลานคนเมือง
สำหรับขั้นตอนการรับสมัครนั้น เมื่อผู้สมัครมาถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. ให้แจ้งความประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ณ โต๊ะลงทะเบียน บริเวณด้านหน้าห้องรัตนโกสินทร์ จากนั้นให้นั่งรอในบริเวณที่จัดไว้ให้ จนกว่าจะถึงเวลารับสมัคร คือ เวลา 08.30 น. เมื่อถึงเวลา 08.30 น. ทาง ผอ.กกต.ทถ.กทม. จะเปิดการรับสมัครอย่างเป็นทางการ และเชิญผู้ประสงค์จะสมัคร ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเวลา 08.30 น. มาตกลงกันว่า ใครจะลงสมัครก่อน หลัง ถ้าตกลงกันไม่ได้จะใช้วิธีจับสลาก 2 ครั้ง โดยการจับสลากครั้งที่ 1 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครเป็นผู้จับสลากเพื่อให้ทราบว่า ผู้ลงทะเบียนไว้คนใดจะเป็นผู้มีสิทธิจับสลากครั้งที่ 2 ก่อนหลัง ส่วนการจับสลากครั้งที่ 2 จะให้ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ตามลำดับที่จับสลากได้ในครั้งแรก เป็นผู้จับสลากด้วยตนเอง ซึ่งผลการจับสลากครั้งที่ 2 คือ ลำดับในการยื่นใบสมัคร และใช้เป็นหมายเลขประจำตัวผู้สมัครต่อไป
ส่วนเจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้อง จะมาประจำการตั้งแต่เวลา 07.00 น. และคาดว่าการรับสมัครจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะแล้วเสร็จในเวลาไม่ 12.00 น. หรืออย่างเร็วที่เวลาประมาณ 10.30 น. เพราะสามารถยื่นใบสมัครได้ครั้งละ 5 คน
ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประสานขออนุญาต เพื่อเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกทม. พร้อมทั้งเดินแนะนำตัวต่อข้าราชการ ลูกจ้างกทม. ขณะที่ในช่วงเย็น ทางผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ขออนุญาตใช้ลานคนเมืองปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอใช้ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.นี้.
เมื่อเวลา 06.30 น. วานนี้ (20 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นที่ช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ หาเสียงบริเวณสวนลุมพินี โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงบรรยากาศการหาเสียง ผู้ว่าฯกทม. ก่อนถึงวันเปิดรับสมัคร ในวันนี้ ( 21 ม.ค.) ว่า ตนได้สนับสนุนการณรงค์หาเสียงให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ซึ่งก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชน
อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ที่มีการเปิดรับสมัครตนจะไม่ได้ไปด้วย เพราะติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นนัดหมายล่วงหน้านานแล้ว จึงขอแจ้งให้ประชาชนทราบจะได้ไม่สงสัย ว่าหายไปไหน
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า ไม่ได้มีปัญหา หรือขัดแย้งกับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และเชื่อว่าการแข่งขันจะเข้มข้นมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของนโยบาย ที่พรรคจะพยายามเปิดนโยบายหลัก และลงรายละเอียดในแต่ละเรื่อง ทั้งเรื่องการขนส่งมวลชน การป้องกันภัยพิบัติ การจราจร ปัญหาน้ำท่วม ซึ่งเป็นปัญหาที่พี่น้องชาวกทม. มีความคาดหวังมากที่สุด ขณะเดียวกันงานด้านสังคม ก็เน้นเป็นพิเศษทั้งการศึกษา และสาธารณสุข ความปลอดภัย รวมถึงเรื่องยาเสพติด โดยจะมีการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทุกวัน เพื่อให้สัมพันธ์กับการเปิดตัวนโยบายด้วย
ส่วนที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประเมินว่า จะมีการแข่งขันกันค่อนข้างเข้มข้น ระหว่างสองพรรคการเมืองใหญ่นั้น ตนเห็นว่า การแข่งขันที่เข้มข้น ไม่จำเป็นต้องเป็นการแข่งขันที่มีปัญหา หากผู้สมัครทุกราย แข่งขันกันอย่างมีน้ำใจเป็นนักกีฬา
จึงขอเรียกร้องไปยังผู้สมัครทุกคน ทุกพรรค รวมถึงผู้สมัครอิสระ ให้แข่งขันกันอย่างสร้างสรรค์ ครั้งที่แล้ว ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับเลือกตั้ง ไม่มีการร้องเรียนเลย จึงอยากให้การเลือกตั้งครั้งนี้ เหมือนกับคราวที่แล้ว ซึ่งเป็นการหาเสียงที่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แม้ว่าการแข่งขันครั้งนี้ จะมีความเข้มข้นแต่ก็ขอให้อยู่ภายใต้กติกา โดยตนยืนยันแทน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ และพรรคได้ว่า เรายึดแนวทางในการนำเสนอนโยบายเป็นหลัก เดินเข้าหาประชาชน และจะมีการปราศรัยในวันศุกร์ที่ 25 ม.ค. นี้
"การสมัครในวันที่ 21 ม.ค. ก็ขอให้ประชาชนไปให้กำลังใจกันมากๆ ผมคิดว่าหากมีการแข่งขันอย่างคึกคักเข้มข้น ก็จะทำให้ประชาชนตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์กันมาก ทั้งนี้ไม่ได้ระบุว่า อยากจะได้เบอร์อะไรเป็นพิเศษ แต่ยึดหลักเอาเบอร์ที่ชนะ ซึ่งจะทราบว่าเบอร์ไหนชนะได้ในวันนี้" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
** หวั่นรัฐบาลใช้อำนาจรัฐแทรกแซง
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อธิบายคำขวัญ ไร้รอยต่อเพื่อเชื่อมการทำงานของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ของพรรคกับรัฐบาล ว่า เป็นสิทธิในการหาเสียง แต่ก็ต้องระมัดระวัง อย่าใช้อำนาจรัฐในการหาเสียงเพราะจะผิดกฎหมาย โดยกกต.จะต้องเป็นผู้ดูแล
ทั้งนี้ยืนยันว่า กทม.เป็นท้องถิ่นใหญ่ที่สุดของประเทศไทย และมีการกระจายอำนาจ จึงต้องมีความเป็นอิสระซึ่งไม่ได้หมายความว่า ต้องมีความขัดแย้ง แต่ความเป็นอิสระจะช่วยเป็นหลักประกันให้กับคนในทุกชุมชนและท้องถิ่น ว่า เขาสามารถกำหนดอนาคตของตัวเองได้
" การที่พยายามจะบอกว่า ท้องถิ่นต้องอยู่พรรคเดียวกับรัฐบาล ก็เท่ากับไม่ยอมรับการกระจายอำนาจ เพราะไม่เช่นนั้นจะมีการเลือกตั้งทำไม ถ้าวัตถุประสงค์ของท้องถิ่นคือ การทำงานให้กับรัฐบาล ก็คงให้เป็นการแต่งตั้งไปแล้ว แต่นี่เป็นการเลือกโดยประชาชน"
นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า 4 ปีที่ผ่านมา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่า ท่ามกลางบรรยากาศการเมืองที่มีความขัดแย้ง และวิกฤตภัยพิบัติ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ยืนบนความเป็นตัวของตัวเองในส่วนกทม. แต่ไม่ขัดแย้งกับคนที่ทำงานด้วย ไม่ว่าใครจะชวนทะเลาะ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ไม่ได้ไปทะเลาะด้วย แต่อะไรจะกระทบผลประโยชน์ของคนกรุงเทพฯ ก็ต้องยืนยัน เช่น ช่วงน้ำท่วมก็มีจุดยืนรักษาประโยชน์กทม.เป็นหลัก
"หากวันนั้นไม่มีจุดยืน แต่ทำงานแบบไร้รอยต่อกับรัฐบาล กทม.ก็คงจมน้ำไปแล้ว"
นายอภิสิทธิ์ ยังย้ำว่า ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ทุกคน ย่อมทราบดีว่าต้องทำงานร่วมกับรัฐบาล แต่เรื่องใดที่เป็นอำนาจหน้าที่ของกทม. ก็ต้องมีแนวคิดเป็นของตัวเอง ที่สำคัญคือ ต้องรักษาผลประโยชน์ของคน กทม.ได้ด้วย จึงไม่คิดว่าการนำประเด็นไร้รอยต่อมาเป็นจุดขายของพรรคเพื่อไทย จะทำให้คนกรุงเทพฯ เกิดความหวาดกลัว จนหันไปเลือกพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ว่าฯกทม.
"ผมคิดว่า คนกทม.ทราบดีว่าเราเป็นท้องถิ่นที่มีการกระจายอำนาจ เลือกตั้งมาเกือบ 30 ปีแล้ว และที่ผ่านมา กทม.หลายยุคหลายสมัย ก็ไม่ได้มีปัญหาเรื่องผู้ว่าฯกทม. เป็นคนละพรรคกับรัฐบาล และไม่แปลกใจที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะแสดงความมั่นใจว่า พล.ต.อ.พงศพัศ จะชนะการเลือกตั้ง เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คงมีความมั่นใจในอำนาจรัฐเพราะเป็นคนเชื่อเรื่องอำนาจ แต่ผมเชื่อในเรื่องอำนาจของผู้เลือกตั้งมากกว่าที่จะเป็นผู้ตัดสินใจ และผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนในกทม. จากประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา จะไม่ยอมรับการใช้อำนาจที่เป็นการเอารัดเอาเปรียบ หรือไม่ถูกต้อง"
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.จะเป็นอำนาจของกกต. กทม. แต่เห็นว่า กกต.ใหญ่ ก็มีหน้าที่ต้องติดตามด้วยเช่นเดียวกัน เพราะเป็นเรื่องการแบ่งความรับผิดชอบในแง่การปฏิบัติ โดย กกต. ยังมีหน้าที่ต้องดูแลภาพรวมด้วย
**เชื่อคนกรุงไม่เบื่อ"สุขุมพันธุ์"
นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวขอบคุณประชาชน ที่ให้กำลังใจจำนวนมาก ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ก็ต้องทำงานหนักขึ้นเพราะทำงานมา 4 ปี ก็ต้องปรับปรุง เร่งรัด ต่อยอดด้วย แต่ในภาพรวมก็ได้รับการตอบรับที่ดี จึงไม่คิดว่าประชาชนจะเบื่อ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เพราะทุกพื้นที่ที่ไปหาเสียง ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากประชาชนมาโดยตลอด ส่วนทีมรองผู้ว่าฯกทม. ในขณะนี้ยังไม่ได้มีการหารือกันในรายละเอียด เมื่อเริ่มรณรงค์ไประยะหนึ่งแล้วจะจัดทีมมาพิจารณาในเรื่องการจัดสรรคนลงตำแหน่งอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งหลักในการวางตัวผู้บริหารจะยึดตามบรรทัดฐานของพรรคที่ดำเนินการมาแล้ว คือคนที่เคยถูกป.ป.ช.ชี้มูลความผิดมาแล้ว ก็ต้องให้คดีจบเสียก่อนจึงจะเข้ามาเป็นผู้บริหารได้
**ระดมทีมงานในกำลังใจ"สุขุมพันธุ์"
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ของพรรค กล่าวถึงความพร้อมในการหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ในวันนี้ (21ม.ค.) จะเป็นวันเปิดรับสมัคร และจับสลากเบอร์ ขอยันว่า ตอนนี้พรรคประชาธิปัตย์พร้อมเต็มร้อย พร้อมช่วยกันรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. โดยจะระดม ส.ส.- ส.ก.- ส.ข. และผู้ช่วยหาเสียง อาสาสมัครอีกประมาณ 500 คน ซึ่งทั้งหมดนี้จะกระจายลงไปทั่วทุกพื้นที่กทม. ไปรณรงค์เชิญชวนประชาชนให้ช่วยสนับสนุน ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร โดยได้เน้นให้บุคลากรของพรรคทุกระดับ ยึดแนวทาง นำข้อมูล นโยบาย กระจายทั่วทั้งพื้นที่ เลือกคนดี คนสุจริต เป็นผู้ว่าฯกทม. ตนเชื่อว่าหากประชาชนได้รับแนวนโยบาย แนวคิด และเห็นความตั้งใจของพรรคแล้ว จะนำไปสู่การตัดสินใจได้ในวันที่ 3 มี.ค. ว่าจะสนับสนุนคนของพรรคประชาธิปัตย์ ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. อีกสมัยหนึ่ง
นายองอาจ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้นักวิเคราะห์ต่างประเมินว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ มีคะแนนนำผู้สมัครอื่นๆ อยู่ในขณะนี้ ส่วนตนในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง ยืนยันว่า ยังไม่สามารถประเมินได้ว่า ใครมีคะแนนนำ เพราะการหาเสียงเลือกตั้งเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น ทั้งนี้ในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่ประมาท เนื่องจากผลการประเมินอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา หนทางเดียวที่เราจะมีโอกาสกลับมาบริหารกทม. อีกครั้งก็คือ การทำงานหนักในของทุกภาคส่วน เพื่อที่จะให้พี่น้องชาวกทม. มีความมั่นใจในตัวผู้สมัครของพรรค
ทั้งนี้ สิ่งที่เรามีความวิตกกังวล เนื่องจากผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย ก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ได้กล่าวไว้ในวันแรกที่เปิดตัวว่า จะไม่มีวันแพ้ จะมีแต่ชนะลูกเดียว และขณะเดียวกัน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ออกมาพูดชัดเจนว่า จะสามารถเอาชนะได้ อะไรที่ทำให้สองคนนี้มั่นใจสูง ถึงกล้าประกาศต่อหน้าสาธารณะชนว่า จะสามารถชนะได้ ทั้งๆที่จะชนะหรือแพ้ ตัวตัดสินอยู่ที่ประชาชนเท่านั้น จึงวิตกกังวลว่า รัฐบาลจะใช้อำนาจรัฐที่อยู่ในมือ กรุยทางไปสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้
อย่างไรก็ดี ตนหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะดำเนินไปอย่างสุจริต และเที่ยงธรรมโดยไม่ใช้อำนาจโดยมิชอบแต่อย่างใด โดยในขณะนี้ประชาชนส่วนใหญ่ยังเชื่อว่า จะมีการซื้อเสียงในการเลือกตั้งในครั้งนี้ โดยทางพรรคประชาธิปัตย์ จะดำเนินการทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย และพร้อมที่จะช่วยกันรณรงค์ให้มีการเลือกตั้งอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม
**อัดนโยบายไร้รอยต่อชี้นำให้เลือกข้าง
นายณัฏฐ์ บรรทัดฐาน รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงนโยบายหาเสียงไร้รอยต่อ ของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคเพื่อไทย ว่า เป็นการสะท้อนแนวคิดพรรคเพื่อไทย ที่ส่งเสริมให้มีการเลือกข้างอย่างชัดเจน และยังสะท้อนให้เห็นว่า ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยไม่สามารถทำงานกับใครก็ตามที่มีความเห็นแตกต่างกับพวกตัวเองคิดได้ ซึ่งแนวคิดเรื่องการเลือกข้างของพรรคเพื่อไทย ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในช่วงเลือกตั้งครั้งนี้ เพราะก่อนหน้านี้มีการส่งเสริมพฤติกรรม และความคิดการเรื่องระบบการบริหารราชการ รวมถึงระบบการตรวจสอบที่ผิดให้ ส.ส.รุ่นใหม่ ซึ่งเป็นการทำลายระบบ และทัศนะคติที่ดีทางการเมือง เพราะหน้าที่ของ ส.ส. ที่แท้จริงคือการตรวจสอบการทำหน้าที่ของฝ่ายบริหาร แต่สิ่งที่พรรคเพื่อไทย ทำมาตลอดครึ่งปีหลัง เห็นได้ชัดว่า หากพรรคประชาธิปัตย์ตรวจสอบรัฐบาล พรรคเพื่อไทยก็จะเข้าไปตรวจสอบส่วนงานที่พรรคประชาธิปัตย์ทำอยู่
นอกจากนั้น ยังสะท้อนแนวคิดการบริหารความขัดแย้ง หรือความแตกต่างไม่ได้ เพราะหากวันนี้พรรคเพื่อไทย ยังยืนยันว่า หากได้ผู้ว่าฯ กทม. ที่มาจากพรรคอื่น จะเกิดปัญหาการทำงานในอนาคต ก็สะท้อนว่า ไม่สามารถบริหารความแตกต่างได้ ทั้งที่การบริหารท้องถิ่น หรือในระดับประเทศ สิ่งที่รัฐบาลควรทำอย่างยิ่งคือ การบริหารความแตกต่าง
** พท.ระดมแกนนำพรรคเชียร์"จูดี้"
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การรับสมัครฯ ผู้ว่าฯกทม. ในวันนี้ (21 ม.ค.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย จะเดินทางไปพร้อมกับประธานคณะกรรมการอำนวยการเลือกตั้งกทม.ของพรรคเพื่อไทย ทั้ง 3 โซน คือ ตัวนายจารุพงศ์เอง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และน.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
นอกจากนี้ยังมีนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ แกนนำพรรคเพื่อไทย น.ส. ศันสนีย์ นาคพงศ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยจะพาพล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.ไปสมัคร ซึ่งหลังจากที่สมัคร และได้เบอร์แล้ว จะไปคารวะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ พล.ต.อ.พงศพัศ นับถือ พร้อมกับเดินหาเสียง ที่ศาลหลักเมือง หลังจากนั้นจะเดินทางไปหาเสียงต่อที่ กทม. 2
จากนั้นเวลา 16.00 น. จะเปิดเวทีหาเสียงที่ ลานคนเมืองกทม. ซึ่งจะมีบรรดาแกนนำของพรรคเพื่อไทย พร้อมประธาน กทม.ทั้ง 3 โซนมาร่วมด้วย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวด้วยว่า ในวันนี้จะให้ตัวแทนพรรค ที่เดินทางไปร่วมการหาเสียง ลาราชการให้เรียบร้อย อย่าห่วงว่าการไปช่วยหาเสียงครั้งนี้ จะใช้เวลาราชการ
** กทม.พร้อมเปิดรับสมัครวันนี้
นางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกรุงเทพมหานคร(กทม.) ในฐานะผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.ทถ.กทม.) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อม การรับสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. ว่า ได้เตรียมการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอ เพราะถนนรอบศาลาว่าการกทม.แคบ และเป็นย่านชุมชน หากมีกองเชียร์ผู้สมัครมามาก อาจจะเกิดปัญหาจราจรได้ แต่กทม.จะพยายามดำเนินการให้ดีที่สุด
ในส่วนของว่าที่ผู้สมัครฯนั้นหากยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสารที่จะยื่นสมัคร เพราะมั่นใจว่าครบถ้วน ถูกต้องแล้ว แต่ก็สามารถยื่นขอตรวจเอกสารได้ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกทม.ได้อีกครั้ง ทั้งนี้ เราจะอนุญาตให้ผู้สมัครฯ สามารถมีผู้ติดตามเข้ามาที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกทม.ได้เพียง 2 คน รวมตัวผู้สมัครเป็น 3 คน ส่วนกองเชียร์ ให้อยู่บริเวณลานคนเมือง
สำหรับขั้นตอนการรับสมัครนั้น เมื่อผู้สมัครมาถึงสถานที่รับสมัครก่อนเวลา 08.30 น. ให้แจ้งความประสงค์ลงสมัครรับเลือกตั้ง ณ โต๊ะลงทะเบียน บริเวณด้านหน้าห้องรัตนโกสินทร์ จากนั้นให้นั่งรอในบริเวณที่จัดไว้ให้ จนกว่าจะถึงเวลารับสมัคร คือ เวลา 08.30 น. เมื่อถึงเวลา 08.30 น. ทาง ผอ.กกต.ทถ.กทม. จะเปิดการรับสมัครอย่างเป็นทางการ และเชิญผู้ประสงค์จะสมัคร ที่ลงทะเบียนไว้ก่อนเวลา 08.30 น. มาตกลงกันว่า ใครจะลงสมัครก่อน หลัง ถ้าตกลงกันไม่ได้จะใช้วิธีจับสลาก 2 ครั้ง โดยการจับสลากครั้งที่ 1 ผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำท้องถิ่นกรุงเทพมหานครเป็นผู้จับสลากเพื่อให้ทราบว่า ผู้ลงทะเบียนไว้คนใดจะเป็นผู้มีสิทธิจับสลากครั้งที่ 2 ก่อนหลัง ส่วนการจับสลากครั้งที่ 2 จะให้ผู้ที่ลงทะเบียนไว้ตามลำดับที่จับสลากได้ในครั้งแรก เป็นผู้จับสลากด้วยตนเอง ซึ่งผลการจับสลากครั้งที่ 2 คือ ลำดับในการยื่นใบสมัคร และใช้เป็นหมายเลขประจำตัวผู้สมัครต่อไป
ส่วนเจ้าหน้าที่กทม.ที่เกี่ยวข้อง จะมาประจำการตั้งแต่เวลา 07.00 น. และคาดว่าการรับสมัครจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และจะแล้วเสร็จในเวลาไม่ 12.00 น. หรืออย่างเร็วที่เวลาประมาณ 10.30 น. เพราะสามารถยื่นใบสมัครได้ครั้งละ 5 คน
ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ได้ประสานขออนุญาต เพื่อเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกทม. พร้อมทั้งเดินแนะนำตัวต่อข้าราชการ ลูกจ้างกทม. ขณะที่ในช่วงเย็น ทางผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ได้ขออนุญาตใช้ลานคนเมืองปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง ส่วนผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ ขอใช้ช่วงเย็นวันศุกร์ที่ 25 ม.ค.นี้.