xs
xsm
sm
md
lg

เสื้อแดงบีบ “นักโทษแม้ว” ซ่อนเม็ดออกกม.นิรโทษฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**หลังจากที่แกนนำ นปช.กระดี๊กระด๊าโยนศพแดงมาแห่ขยายผลกันอย่างระริกระรี้ที่ศาลมีคำสั่งในการไต่สวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของเหยื่อในเหตุการณ์ชุมนุมเผาเมืองของคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 มา 4 คดี
ว่า เกิดจากอาวุธของเจ้าหน้าที่ทหาร จนนำเอาคดีแรกคือ คดีของนายพัน คำกอง แท็กซี่แดงที่ออกไปเป็นไทยมุงจนถูกลูกหลงตายคาที่มาเป็นหัวเชื้อดำเนินคดีข้อหา “ร่วมกันให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล” กับ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตนายกฯ และรองนายกรัฐมนตรี เพื่อจับเข้าเล้าไก่ขังรวม บีบให้ยอมรับการนิรโทษกรรมคนโกงบ้านเผาเมือง
จนเริ่มติดลมบนแห่งการใช้อำนาจ คิดว่าจะสามารถกำหนด “ความยุติธรรม” ได้ตามอำเภอใจของผู้ชนะนั้น ดูเหมือนว่าเหตุการณ์จะเดินมาถึงจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเสียแล้ว
เพราะเมื่อวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งคดี ช.7/2555 ที่ฝ่ายพนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ว่านายบุญมี เริ่มสุข ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2553 เหตุและพฤติการณ์แห่งการตายสืบเนื่องจากถูกยิงที่บริเวณช่องท้องด้วยกระสุนปืนขนาด.223 (5.56มม.) และแพทย์ลงความเห็นติดเชื้อในกระแสเลือด
**โดยยังไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ ขณะอยู่ที่บริเวณถนนพระราม4
คดีนี้ ศาลพิเคราะห์ตามพยานหลักฐาน และเห็นว่า ผู้ตายเสียชีวิตจากการถูกยิงด้วยกระสุน .223 หรือขนาด 5.56 มิลลิเมตร เข้าที่ช่องท้อง เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 53 และเข้าพักรักษาอาการที่โรงพยาบาลตำรวจ ก่อนจะเสียชีวิตวันที่ 28 ก.ค. 53 ซึ่งแพทย์ผู้ให้การรักษาลงความเห็นว่าผู้ตาย เสียชีวิตจากติดเชื้อในกระแสเลือด แต่ไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ เนื่องจากจากการตรวจสอบพยานหลักฐาน และหัวกระสุนในตัวผู้ตาย พบว่าแม้กระสุนขนาด .223 จะเป็นขนาดเดียวกับอาวุธที่เจ้าหน้าที่ใช้ แต่จากพยานหลักฐานก็ปรากฏ ด้วยว่า มีเจ้าหน้าที่ทหารถูกยิงด้วยหัวกระสุนจริงที่มีลักษณะคล้ายกัน
**จึงเชื่อว่านอกจากเจ้าหน้าที่ทหารที่ใช้กระสุนปืนขนาด .223 แล้ว ยังมีคนที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุม นปช.ใช้กระสุนชนิดเดียวกันยิงตอบโต้เจ้าหน้าที่ด้วย ศาลจึงมีคำสั่งให้การตายของนายบุญมี บริเวณถนนพระราม 4 ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
ข้อเท็จจริงจากคำสั่งศาลในคดีนี้ ถือว่าเป็นคดีแรกที่แตกต่างไปจาก 4 คดีก่อนหน้านี้ ซึ่งศาลมีคำสั่งว่า ผู้เสียชีวิตเกิดจากอาวุธของทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ โดยคดีแรกศาลมีคำสั่งเมื่อวันที่ 17 ก.ย.55 ว่านายพัน คำกอง คนขับรถแท๊กซี่เสียชีวิตจากกระสุนขนาด .223 หรือ 5.56 ม.ม.จากอาวุธทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
ตามติดมาด้วยคดีที่ 2 วันที่ 26 พ.ย.55 ศาลชี้ว่า การเสียชีวิตของนายชาญนรงค์ พลศรีลา เกิดจากกระสุนขนาด .223 หรือ 5.56 ม.ม. จากอาวุธทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ ต่อด้วยคดีที่ 3 ในวันที่ 17 ธ.ค.55 ศาลชี้ว่า นายชาติชาย ชาเหลา เสียชีวิตจากกระสุนชนิดเดียวกันของทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ มาจนถึงคดีที่ 4 น้องซีอา หรือ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ซึ่งศาลมีคำสั่งออกมาในแนวทางเดียวกับ 3 คดีแรก จนทำให้ดีเอสไอ ขู่แล้วขู่อีกว่าจะดำเนินคดีกับ อภิสิทธิ์ และ สุเทพ แบบแยกรายคดีเอากันให้ติดคุกหัวโต ประหารชีวิตซ้ำเป็นสิบครั้งกันไปเลย
สุดท้ายก็เป็นได้แค่ฝันเปียก เพราะความจริงปรากฏชัดจากคำสั่งศาลล่าสุดในคดีของลุงบุญมี ซึ่งเป็นการไต่สวนชันสูตรศพเป็นคดีที่ 5 ว่า “มิอาจชี้ได้ว่าเสียชีวิตจากการกระทำของฝ่ายใด” ที่สำคัญคือ ประเด็นที่ศาลได้ระบุถึงกระสุนที่ปลิดชีพลุงบุญมี ซึ่งเป็นชนิดเดียวกับอีก 4 ศพ ก่อนหน้านี้
คือ .223 หรือ 5.56 ม.ม.นั้น มิใช่ว่าจะมีแต่เพียงทหารฝ่ายเดียวที่มีไว้ในครอบครอง หากยังพบว่ามีกลุ่มติดอาวุธแฝงตัวอยู่ในผู้ชุมนุมใช้อาวุธลั่นกระสุนดังกล่าวเข้าโจมตีทหาร จนได้รับบาดเจ็บด้วยเช่นเดียวกัน
รูปการณ์จึงชี้ชัดว่า การชุมนุมครั้งนี้มิได้สงบปราศจากอาวุธ เหมือนที่แกนนำแดงพยายามจะแถ และมีชายชุดดำติดอาวุธใช้ผู้ชุมนุมเป็นโล่มนุษย์ลอบกัดทหารจริง จึงเป็นการสะท้อนภาพแก้วสามประการของ อริสมันต์ พงษ์เรืองรอง ทั้ง พรรคการเมือง มวลชน และกองกำลังติดอาวุธ ได้เป็นอย่างดีว่า มีจริง ไม่ใช่เป็นแค่เพียงลมปากของ อริสมันต์ ที่จะต้องไปรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเท่านั้น
หากแกนนำเสื้อแดงที่ร่วมยุยงปลุกปั่นจนเกิดเหตุก่อการร้ายขึ้นในบ้านเมือง ย่อมมีส่วนที่จะต้องรับผิดชอบต่อการก่ออาชญากรรมในแผ่นดินเกิดของตัวเองด้วยเช่นเดียวกัน
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมแกนนำเสื้อแดงจึงร้อนรน ออกอาการถึงขั้นเสนอให้รัฐบาลออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรมคนเสื้อแดงที่ทำความผิดในคดีอาญาทั้งหมด รวมถึงแกนนำ ที่อาจได้รับอานิสงส์ไปด้วย
เพราะในกฎหมายดังกล่าวเขียนไว้กว้าง ๆ แต่เพียงว่า ให้เอาผิดกับผู้สั่งการเท่านั้น ซึ่งอาจมีการพลิ้ว แถไถลตามสไตล์เสื้อแดงว่า ไม่มีใครสั่งการ เพราะแนวทางเสื้อแดงแกนนำยึดหลัก สงบ สันติ อหิงสา เพื่อเป็นเกราะคุ้มกันให้ตัวเองรอดจากการกินข้าวแดง ในคุกคาราโอเกะ ที่หลักสี่
**ที่น่าสนใจคือ การติ่งท้ายว่าการนิรโทษกรรมไม่รวมผู้สั่งการนั้น จะเป็นการวางยานักโทษชายทักษิณ หรือไม่ หรือคนเสื้อแดงพยายาม ที่จะต่อรองอะไรกับคนที่สั่งการแบบมีนัยยะสำคัญหรือเปล่า
ว่า “อย่าลอยแพพวกกู ไม่งั้นมึงเดือดร้อน” จึงเสนอกฎหมายนี้เข้ามาต่อรองกับรัฐบาลเพื่อกดดันให้เร่งรัดช่วยคดีคนเสื้อแดง และแกนนำโดยด่วน เพราะทน “ติดร่างแห” รอให้จบพร้อมคดีโกงของทักษิณไม่ได้ เนื่องจากประชาชนจำนวนมากขวาง อีกทั้งคดีก่อการร้ายก็งวดเข้ามาทุกที ส่อเค้าว่าอาจจะต้องเข้าปิ้งกันทั้งที่มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ
**จึงจำเป็นต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ด้วยการชิงออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ให้กับตัวเองเสียก่อน
กำลังโหลดความคิดเห็น