xs
xsm
sm
md
lg

ศาลชี้ “ด.ช.คุณากร” หรืออีซา ถูกลูกหลงดับ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

ศาลชี้ “ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ” หรืออีซา ถูกยิงตายหน้าโรงหนังโอเอ ราชปรารภ เพราะถูกลูกกระสุนปืนลูกหลงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหาร ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่รักษาความสงบช่วงเสื้อแดงชุมนุมป่วนเมือง

ที่ห้องพิจารณา 804 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (20 ธ.ค.) ศาลอ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรศพ คดีหมายเลขดำ อช.3/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 8 ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนสาเหตุการตายของ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ อายุ 14 ปี หรืออีซา เพื่อทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหน เมื่อใด ถึงเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150 ซึ่ง ด.ช.คุณากรถูกยิงจากด้านหลังทะลุเข้าบริเวณท้องเสียชีวิต ที่บริเวณสถานีแอร์พอร์ตลิงก์ ซ.หมอเหล็ง หน้าโรงภาพยนตร์โอเอ ถ.ราชปรารภ เมื่อกลางดึกวันที่ 15 พ.ค. 2553 ช่วงการชุมนุมของกลุ่มนปช.ที่แยกราชประสงค์

คดีนี้ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 12 มีนาคม - 19 พฤษภาคม 2553 กลุ่มประชาชนใช้ชื่อว่า กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลยุบสภา ที่บริเวณสะพานผ่านฟ้าลีลาศ และสี่แยกราชประสงค์ ระหว่างการชุมนุมนั้นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพื่อควบคุมการชุมนุม โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีขณะนั้นเป็นผู้อำนวยการ ต่อมาวันที่ 13 พฤษภาคม 2553 ศอฉ.ได้ออกประกาศห้ามใช้เส้นทางโทรคมนาคมหรือการใช้ยานพาหนะใดๆเข้าหรือออกเส้นทางตรงบริเวณถนนราชปรารภ ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่ แยกมักกะสัน เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานหน้าที่ โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 และกองพันทหารราบที่ 3 ซึ่งได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ปฎิบัติหน้าที่ควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมบริเวณดังกล่าว มีการปิดแผ่นป้ายข้อความว่าเขตใช้กระสุนจริง

จากนั้นในวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลาประมาณ 00.10 น. นายสมร ไหมทอง ขับรถตู้หมายเลขทะเบียน ฮค 8561 กุรงเทพมหานคร ไปตามถนนราชปรารภมุ่งหน้าแยกมักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร มีการวางกำลังทหารอยู่บริเวณบังเกอร์ริมถนนราชปรารภ ใต้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ทั้งสองด้าน เจ้าหน้าที่ทหารใช้เครื่องขยายเสียงประกาศเตือนนายสมรให้ออกจากพื้นที่ แต่นายสมรยังคงขับรถตู้แล่นไปในพื้นที่ควบคุม เจ้าหน้าที่ทหารจึงใช้อาวุธปืนระดมยิงรถตู้หลายนัด กระสุนปืนถูกรถตู้ได้รับความเสียหายและนายสมรได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณลำตัว และ ด.ช.คุณากรถึงแก่ความตาย อันเป็นการตายที่เกิดจากการกระทำของเจ้าพนักงานซึ่งอ้างว่าปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งตาม ป.วิ อาญา มาตรา 150

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ผู้ร้องนำสืบว่า ด.ช.คุณากร ผู้ตายมีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 44 ม.1 แขวงกระทุ่มราย เขตหนองจอก กทม. กระทั่งปี 2547 ย้ายไปอยู่ในความปกครองของสถานสงเคราะห์เด็กกำพร้า องค์กรสงเคราะห์มุสลิมนานาชาติแห่งราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ที่ตั้งอยู่เขตสวนหลวง โดยระหว่างวันที่ 12 มี.ค. - 19 พ.ค. 53 นายอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นได้ออกประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 และจัดตั้งศูนย์อำนายการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.ศอฉ. และ ศอฉ.ได้ออกประกาศควบคุมการใช้เส้นทางคมนาคมเข้าออกถนนราชปรารภ ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำ ถึงสี่แยกมักกะสัน ที่มีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพลที่ 1 รักษาพระองค์ ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาการให้ปฏิบัติหน้าที่ควบคุมพื้นที่ทั้งสองฝั่งถนนและตามแนวบังเกอร์ ประกอบด้วย กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ และจัดวางลวดหนามตั้งแต่บริเวณปากซอยราชปรารภ 6 ถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 เวลา 23.00 น.เศษ นายคมสันติ ทองมาก ผู้สื่อข่าวซึ่งไปทำข่าวเกี่ยวกับผู้ชุมนุม นปช.บริเวณถนนราชปรารภ พบเห็นผู้ตายวิ่งเล่นอยู่บริเวณบังเกอร์ของเจ้าหน้าที่ทหาร ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ฝั่งโรงภาพยนตร์โอเอ ต่อมาเวลาประมาณเที่ยงคืนของวันที่ 14 พฤษภาคม 2553 นายสมร ไหมทอง ได้ขับรถยนต์ตู้หมายเลขทะเบียน ฮค 8561 กรุงเทพมหานคร ออกจากซอยวัฒนวงศ์ แล้วเลี้ยวขวาไปที่สี่แยกมักกะสัน ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมของเจ้าหน้าที่ทหาร ร.อ.เสริมศักดิ์ คำละมูล ซึ่งประจำอยู่บริเวณด้านหน้าร้านอาหารอินเดียฟู้ด จึงแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ชุดตรวจที่อยู่ใกล้ปากซอยให้ประกาศห้ามรถยนต์ตู้ไม่ให้เข้าไปในพื้นที่ควบคุม แต่นายสมรยังคงขับรถยนต์ตู้ต่อไปทางสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เมื่อแล่นผ่านจุดที่ ร.อ.เสริมศักดิ์กับพวกประจำอยู่ มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัดมาจากหลายทิศทาง นายสมรพยายามขับรถยนต์ตู้ต่อไปจนข้ามทางรถไฟไปถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เมื่อสิ้นเสียงปืนก็พบว่านายสมรถูกกระสุนปืนที่เอวและท้อง

นอกจากนี้ยังพบว่า มีผู้ถูกกระสุนปืนยิงใส่อีก 2 คน คือ นายพัน คำกอง และผู้ตาย โดยผู้ตายมีบาดแผลถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ด้านหลังบริเวณกึ่งกลางลำตัวทะลุช่องท้อง ซึ่งพบผู้ตายได้รับบาดเจ็บนอนอยู่ที่พื้นถนนในซอยโรงภาพยนตร์โอเอ ห่างจากปากซอยซึ่งติดถนนราชปรารภประมาณ 20 เมตร ถัดจากปากซอยไปไม่ไกลเป็นจุดที่รถยนต์ตู้คันที่นายสมรขับจอดอยู่ ส่วนนายพัน คำกอง ถูกกระสุนปืนขณะยืนอยู่ตรงบริเวณทางเข้าออกอาคารคอนโดมิเนียมไอดีโอ ตรงกันข้ามเยื้องกับซอยโรงภาพยนตร์โอเอ

สำหรับสาเหตุที่ผู้ตายถูกยิงนั้น ได้ความจากนายสมร คนขับรถยนต์ตู้คันเกิดเหตุว่า เมื่อนายสมรขับเลี้ยวขวาออกจากซอยได้ประมาณ 30 เมตรก็มีเสียงปืนดังขึ้น โดยเจ้าหน้าที่ทหารทั้งสองฝั่งระดมยิงมาที่รถยนต์ตู้ของพยาน ซึ่งสอดคล้องกับที่ให้การไว้ในชั้นสอบสวนว่าเห็นทหารจำนวน 3 นายยิงปืนมาที่รถ นอกจากนี้ยังได้ความจากนายคมสันติว่า ก่อนที่รถยนต์ตู้จะแล่นเข้ามา เจ้าหน้าที่ทหารประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงว่าขอให้ผู้ขับหยุดรถ มิฉะนั้นจะยิงสกัด เมื่อสิ้นเสียงประกาศจึงมีเสียงปืนดังมาจากสองฝั่งถนน โดยทั้งสองฝั่งถนนมีเจ้าหน้าที่ทหารประจำอยู่ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำถึงสี่แยกมักกะสัน ซึ่งพยานได้บันทึกภาพเหตุการณ์รถยนต์ตู้เข้าไปในพื้นที่จนกระทั่งถูกยิงสกัดไว้

อีกทั้งพยานผู้ร้องซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทหารประจำอยู่บริเวณที่เกิดเหตุต่างเบิกความตรงกันสรุปได้ว่า เจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 มีหน้าที่รับผิดชอบตั้งแต่สี่แยกมักกะสัน ไปจนถึงซอยราชปรารภ 6 ฝั่งซ้ายมุ่งหน้าที่ 4 แยกประตูน้ำ แบ่งกำลังคุมพื้นที่ 4 แห่ง แต่ละแห่งมีเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 6 นาย โดยก่อนเกิดเหตุพยานแต่ละคนได้ยินเสียงเจ้าหน้าที่ทหารประกาศผ่านเครื่องขยายเสียง ห้ามไม่ให้รถยนต์ตู้นายสมรแล่นผ่านเข้าไปยังสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ แต่รถยนต์ตู้ยังแล่นต่อไป จากนั้นมีเสียงปืนดังหลายนัดมาจากหลายทิศทาง

แม้พยานผู้ร้องจะไม่มีใครสามารถระบุตัวได้แน่ชัดว่าผู้ใช้อาวุธปืนยิงผู้ตายเป็นใคร แต่เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าในวันเกิดเหตุถนนราชปรารภตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำไปจนถึงสี่แยกมักกะสัน เป็นพื้นที่ควบคุม โดยมีเจ้าหน้าที่ทหารจากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 31 รักษาพระองค์ นำโดย พ.ท.วรการ ฮุ่นตระกูล และกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ ประจำอยู่ตลอดแนวถนนราชปรารภทั้งสองฝั่ง ตั้งแต่สี่แยกประตูน้ำไปจนถึงสี่แยกมักกะสัน และปากซอยหมอเหล็ง เฉพาะหน่วยของ พ.ท.วรการเองมีทหารถึง 150 นาย มีกองบัญชาการอยู่บนสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ จึงเป็นการยากที่บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทหารจะเข้าไปอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุได้โดยไม่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารซึ่งประจำการอยู่พบเห็น อีกทั้ง พล.อ.ต.วิชาญ เปี้ยวนิ่ม แพทย์ผู้ตรวจศพผู้ตาย ได้เบิกความรับรองว่าพบโลหะชิ้นเล็กที่บาดแผลของผู้ตาย สันนิษฐานว่าเป็นโลหะจากหัวกระสุนปืนความเร็วสูงซึ่งเป็นปืนที่ใช้ในราชการสงคราม ประเภทเอ็ม 16 หรืออาก้า ซึ่งเมื่อพิจารณาคำเบิกความของพยานผู้ร้องและภาพที่ปรากฏในแผ่นดีวีดีหลักฐาน จะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ทหารที่ประจำการบริเวณที่เกิดเหตุหลายนายมีอาวุธปืนเอ็ม 16 อยู่ด้วย ข้อเท็จจริงจึงไม่อาจรับฟังเป็นประการอื่นได้

คดีจึงต้องรับฟังว่า คืนเกิดเหตุขณะที่นายสมรขับรถยนต์ตู้เข้าไปในถนนราชปรารภมุ่งหน้าสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมตามประกาศของ ศอฉ. เมื่อเจ้าหน้าที่ทหารประจำการอยู่ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงห้ามไม่ให้เข้าไปในพื้นที่แล้ว นายสมรยังขับรถยนต์ตู้ต่อไป เจ้าหน้าที่ทหารซึ่งประจำอยู่บริเวณที่เกิดเหตุจึงได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ตู้ของนายสมร เป็นเหตุให้ลูกกระสุนปืนไปถูกผู้ตายจนถึงแก่ความตาย

จึงมีคำสั่งว่า ผู้ตายคือ ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ ตายระหว่างถูกนำส่งโรงพยาบาลพญาไท 1 แขวงถนนพถาไท เขตราชเทวี กทม. เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2553 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือถูกลูกกระสุนปืนซึ่งยิงจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทหารที่กำลังปฏิบัติหน้าที่

ด้านนางธิดา ถาวรเศรษฐ์ กล่าวว่า คำสั่งการชันสูตรศพเสื้อแดงทั้ง 3 รายของศาล ก็ชัดเจนว่าไม่มีชายชุดดำเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ที่ผ่านมายังไม่มีพยานที่เห็นเหตุการณ์เข้าให้การเพิ่มเติม ดังนั้นจึงขอให้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ออกมาเป็นพยาน เพราะหลังจากนี้เมื่อศาลมีคำสั่งชันสูตรศพตาม ป.วิ 150 แล้วก็จะส่งสำนวนกลับไปให้ดีเอสไอสอบสวนเกี่ยวกับการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งในที่สุดแล้วที่นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวอ้างถึงชายชุดดำ การพิสูจน์ว่าชายชุดดำมีจริงหรือไม่ก็จะถูกพิสูจน์โดยศาลยุติธรรม ไม่ใช่เป็นแค่เพียงคำพูด
กำลังโหลดความคิดเห็น