xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้อง"ธาริต"เอาติดคุก ยัดข้อหา"มาร์ค-เทือก"ฆ่าคน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“ถาวร” เผยทีมกฎหมายมีมติให้ “มาร์ค-เทือก” ฟ้อง "ธาริต" กับพวกรวม 4คน ทำผิดอาญาหลายกระทง ฐานยัดเยียดข้อหาฆ่าคนตาย โวหลักฐานเพียบ มั่นใจเอาผิดได้ 100% ชี้จุดจบติดคุกหัวโตแน่ ส่วน "เหลิม"รอด เหตุยังหาพยานสาวถึงตัวไม่ได้ ด้านศาลชี้ชัด แดงถูกยิงตายรายที่ 5 ช่วงเผาเมือง ไม่รู้ฝีมือใคร

นายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา ในฐานะที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฏหมายพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับทีมทนายความและฝ่ายกฏหมายของพรรคนานกว่า2 ชั่วโมง ในการพิจารณาเพื่อดำเนินคดีกับนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีที่ยัดเยียดข้อกล่าวหาฆ่าคนตายโดยเจตนาและเล็งเห็นผลจากการประกาศใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเพื่อควบคุมความไม่สงบในการชุมนุมของคนเสื้อแดงในระหว่างเดือนเม.ย.-พ.ค.2553ว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปว่าจะยื่นฟ้องนายธาริตและพนักงานสอบสวนของดีเอสไอ รวม 4 คน โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเป็นโจทย์ที่ 1 นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะเป็นโจทย์ที่ 2ยื่นฟ้องต่อศาลอาญา และจะไม่ยื่นคำร้องต่อ ป.ป.ช. เพราะต้องการให้ศาลได้พิจารณาคดีนี้โดยเร็ว เนื่องจากเห็นว่า ดีเอสไอปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กลั่นแกล้ง ยัดเยียด ข้อหาให้บุคคลทั้งสองว่าเป็นผู้ก่อเหตุให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนา เพราะ มาตรา 17 ในพ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน ได้คุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติและเจ้าหน้าที่รัฐผู้ที่ออกคำสั่งในการรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง

ทั้งนี้ ในการออกคำสั่งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลแพ่งมีคำวินิจฉัย2 ครั้ง ยืนยันว่าการชุมนุมของคนเสื้อแดงเป็นไปด้วยความไม่สงบ ผิดกฏหมาย มีอาวุธและส่งผลให้เจ้าหน้าที่รัฐถูกยิงเสียชีวิต จนเกิดวิกฤตในบ้านเมือง รัฐบาลในเวลานั้น ซึ่งมีหน้าที่ต้องรักษาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง ก็มีอำนาจในการออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่รัฐออกไปรักษาความสงบเรียบร้อยตามที่ได้ออกประกาศใช้ พ.ร.ก.ในสถานการณ์ฉุกเฉิน

นอกจากนี้ นายธาริตและพวกรวม 4 คน มีการแจ้งข้อกล่าวหาต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ในฐานะบุคคลธรรมดา ไม่ใช่ในฐานะนายกฯ และรองนายกฯ ทั้งที่ทั้งสองได้ปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบ แต่ดีเอสไอจงใจที่จะหลีกเลี่ยงเพื่อให้อำนาจในการดำเนินคดีอยู่กับตัวเองแทนที่จะส่งไปให้ ป.ป.ช. จึงเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ในฐานะเจ้าพนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาต่อบุคคลที่ไม่ได้กระทำความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 157 และ200 และยังมีความผิดตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 309ทำให้บุคคลทั้งสองสูญเสียเสรีภาพขณะที่ถูกเชิญตัวไปให้ถ้อยคำในฐานะผู้ถูกกล่าวหา โดยต้องอยู่ให้การกว่า 10 ชั่วโมงจึงจะฟ้องร้องรวมเป็นคดีเดียวกัน โดยจะยื่นฟ้องในสัปดาห์หน้าต่อไป

ส่วนเหตุที่ยังไม่ได้ยื่นฟ้องร้อง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ที่ออกมาชี้นำคดีนี้ เพราะพยานและหลักฐานยังไปไม่ถึงตัว แต่มีการตั้งข้อสังเกตว่า การบรรยายฟ้องของดีเอสไอ สมดังเจตจำนงชี้นำของร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งฝ่ายกฏหมายได้พิจารณาแล้ว เห็นว่ายังไม่เข่าข่ายที่จะดำเนินคดีได้ แต่ส่วนตัวมั่นใจในการดำเนินคดีครั้งนี้ 100% ในฐานะที่เป็นทั้งอัยการและทนายความ จนมาเป็นที่ปรึกษาด้านกฏหมายให้พรรคมาโดยตลอด เห็นว่ามีความชัดเจนและมีข้อเท็จจริงที่มัดแน่นที่สุดในการเอาผิดนายธาริตและพวก ส่วนคดีที่นายสุเทพและนายอภิสิทธิ์ที่ตกเป็นผู้ต้องหาที่ดีเอสไอต้องส่งสำนวนต่อไปยังอัยการ ในฐานะที่เป็นอัยการเก่าเห็นว่า สุดท้ายก็ต้องสำนวนส่งไปให้กับ ป.ป.ช. หากไม่ส่งไป ก็จะเป็นสำนวนที่ไม่ชอบด้วยกฏหมายและทางอัยการก็ต้องส่งสำนวนคืนให้ดีเอสไอ เพื่อให้ทางป.ป.ช.ทำหน้าที่ตามกฏหมาย จึงไม่ห่วงในเรื่องนี้

“ผมมองจุดจบของบนายธาริตที่ดำเนินการเรื่องนี้ว่าจะติดคุกหัวโตแน่นอน เพราะสำนวนการสอบสวนที่เป็นลายลักษณ์อักษรรวมทั้งกระบวนการสั่งสำนวน การแจ้งข้อกล่าวหา ทำให้นายธาริตดิ้นไม่ได้ เหมือนกับกรณีอดีต กกต. ชุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ที่ออกระเบียบให้จัดการเลือกตั้งใหม่จากการที่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งไม่ถึง20% เพื่อช่วยเหลือบางพรรคการเมืองที่ลงสมัครเพียงพรรคเดียว จึงเห็นว่าชะตากรรมของนายธาริตไม่ต่างจากบุคคลเหล่านี้ เพราะคนที่รับใช้ระบอบทักษิณ ผมเห็นว่าถูกพิพากษาจำคุกมาแล้ว 2 กลุ่ม คือ อดีต กกต.และพล.อ.ธรรมรักษ์ อิสรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม ซึ่งมีการสะท้อนในช่วงการรับฟังคำพิพากษาของศาลว่า พรรคไม่ดูแลเลย จึงอยากฝากไปยังนายธาริตและอัยการรุ่นน้องว่า อย่ามาบ่นในภายหลังว่า ระบอบทักษิณไม่ดูแล เพราะเป็นถึงอธิบดีดีเอสไอที่ต้องใช้กฏหมายเป็นเครื่องมือของกระบวนการยุติธรรมโดยยึดหลักนิติธรรม แต่กลับไปยึดผลตอบแทนความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน จนในที่สุดต้องตกระกำลำบาก จึงไม่ควรบ่น"นายถาวรกล่าว

นายถาวรกล่าวว่า ส่วนคำสั่งของศาลอาญากรุงเทพใต้ที่ชี้ว่า นายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี ที่เสียชีวิตบริเวณสี่แยกบ่อนไก่ ในช่วงการชุมนุมของคนเสื้อแดง ไม่ได้เสียชีวิตจากกระทำของเจ้าหน้าที่ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐ แม้ว่ากระสุนปืนที่โดนผู้ตายจะมีขนาด .223ที่เป็นกระสุนที่อยู่ในความครอบครองของเจ้าหน้าที่ แต่ผู้ชุมนุมก็มีกลุ่มติดอาวุธที่ใช้กระสุนชนิดเดียวกันยิงใส่ทหารด้วย จึงไม่สามารถระบุยืนยันได้ว่าการตายดังกล่าว เป็นกระสุนที่มาจากฝ่ายใด

ดังนั้น การที่นายธาริตยัดเยียดข้อกล่าวให้นายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ จะยืนยันได้อย่างไรว่านายพัน คำกร ตายเพราะกระสุนจากเจ้าหน้าที่รัฐจนกระทั่งมาเอาผิดกับคนทั้งสอง จะชี้ให้เห็นว่ากลุ่ม นปช. มีผู้ติดอาวุธแฝงอยู่ ขณะเดียวกันในคำสั่งศาลคดีนายพันเอง ศาลก็ระบุชัดว่า เป็นผู้เดินออกมาดูเหตุการณ์ และสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นประโยชน์ต่อความยุติธรรมที่จะชี้ให้เห็นว่าดีเอสไอ พยายามยัดเยียดว่าทหารเป็นผู้ยิงนั้น ไม่เป็นความจริง ซึ่งพรรคเห็นว่า เมื่อความจริงปรากฏต่อสาธารชน จะทำให้ความยุติธรรมกลับคืนมา โดยไม่กระดี้กระด้ากับคำสั่งของศาลอาญาในคดีนายบุญมี แต่ดีใจที่ทหารได้รับความเป็นธรรมจากคำวินิจฉัยนี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าที่ผ่านมา ดีเอสไอสรุปตามใบสั่งทางการเมืองเพื่อเบรกเกมเอาผิดกับนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพให้ได้

ทั้งนี้ ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้อ่านคำสั่งไต่สวนชันสูตรศพผู้เสียชีวิตจากเหตุชุมนุมแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) รายที่ 5 ในคดีหมายเลขดำ ช.7/2555 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ ยื่นคำร้องขอให้ศาลไต่สวนการชันสูตรการเสียชีวิตของนายบุญมี เริ่มสุข อายุ 71 ปี เพื่อทำคำสั่ง แสดงว่าผู้ตายเป็นใคร ตายที่ไหนเมื่อใด และถึงเหตุ และพฤติการณ์ที่ตาย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 150

โดยมีคำสั่งว่า ผู้ตาย คือ นายบุญมี เริ่มสุข ถึงแก่ความตายที่โรงพยาบาลตำรวจ แขวง-เขตปทุมวัน กทม. เมื่อวันที่ 28 ก.ค.2553 เหตุและพฤติการณ์แห่งการตาย สืบเนื่องจากการติดเชื้อในกระแสเลือด ร่วมกับประวัติถูกยิงที่บริเวณช่องท้อง ด้วยกระสุนปืนขนาด .223 ขณะอยู่ที่ ถ.พระราม 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กทม. โดยยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นผู้ลงมือกระทำ
กำลังโหลดความคิดเห็น