กกต.พร้อมสอบ"พงศพัศ" "คดีขโมยวิทยุ" "ครม.ปู"เอาใจตร.เว้นภาษีเงินกู้

ASTVผู้จัดการรายวัน-"ยิ่งลักษณ์"เปิดตัว"พงศพัศ" สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรค แต่ไร้เงา"หญิงหน่อย" มาร่วมงาน "พงศพัศ"ปัดไม่ใช่เสาไฟฟ้า ไม่สนถูกขุดคุ้ยเรื่องขโมยของ สมัยเรียนที่สหรัฐฯ ด้าน"สุขุมพันธุ์" ยังชูนโยบายลดค่าโดยสารบีทีเอส ไม่สนเรื่องคดีสัมปทานบีทีเอส ขณะที่"ครม.ปู" หว่านประชานิยมเอาใจตำรวจ ยกเว้นภาษีเงินกู้ให้

เมื่อเวลา 09.30 น. วานนี้ (15ม.ค.) ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ เลขาธิการป.ป.ส. ได้ไปอำลาตำแหน่ง เลขาฯ ป.ป.ส. กับผู้บริหารและข้าราชการ ป.ป.ส. เพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ในนามพรรคเพื่อไทย โดยมีชาวบ้านในโครงการบ้านอุ่นใจ และผู้นำชุมชนในพื้นที่คลองเตย มามอบดอกไม้ให้กำลังใจ

พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า หากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีประกาศการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ออกมาอย่างเป็นทางการ ตนก็ได้ยื่นหนังสือลาออกจากราชการ ซึ่งรวมถึงตำแหน่งเลขาธิการ ป.ป.ส. อย่างเป็นทางการ โดยให้มีผลในวันที่ 15 ม.ค. ทันที การตัดสินใจครั้งนี้เป็นครั้งสำคัญ ที่จะได้ร่วมทุกข์ร่วมสุข กับคนกรุงเทพฯ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้ขอความเมตตาจากคนกรุงเทพฯ โดยส่งคนของรัฐบาลลงสมัคร ซึ่งจะชูนโยบายหาเสียง เรื่องยุทธศาสตร์การทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ ทั้งนี้ เชื่อว่า ไม่ว่าผู้สมัครจะเปิดตัวช้าเร็ว ก็ไม่เสียเปรียบ หรือได้เปรียบ ขึ้นกับนโยบายต้องถูกใจ

อย่างไรก็ตาม เมื่อถามถึงคำพูดที่ว่า พรรคเพื่อไทยส่งเสาไฟฟ้าลงก็ได้ รู้สึกอย่างไร พล.ต.อ.พงศพัศ ยิ้มและกล่าวว่า "ไม่เกี่ยวกับผม ผมพงศพัศ"

จากนั้นพล.ต.อ.พงศพัศ ได้เดินทางมายังที่ทำการพรรคเพื่อไทย เพื่อสมัครเป็นสมาชิกพรรค ก่อนลงสมัครชิงตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. ในนามของพรรคโดยมีมวลชนคนเสื้อแดง และผู้สนับสนุนพรรคเพื่อไทย มาต้อนรับ พร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังใจจำนวนมาก

**"หญิงหน่อย"ไม่มาร่วมงาน

ต่อมา เวลา 16.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทยโดยมี รัฐมนตรี ส.ส.-ส.ก.และ ส.ข. พรรคเพื่อไทย เข้าร่วมงานคับคั่ง แต่คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำภาคกทม. พรรคเพื่อไทย ไม่ได้เข้าร่วมการเปิดตัวครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ พล.ต.อ.พงศพัศ มาลงสมัครให้กับพรรค ในฐานะที่เคยร่วมงานกับพล.ต.อ.พงศพัศ มาก่อน ท่านเป็นบุคคลที่ทำงานใกล้ชิดกับประชาชน ทำให้เข้าใจปัญหาต่างๆ ทั้งเรื่องยาเสพติด ปัญหาในชุมชน

" อยากให้การทำงานต้องประสานกันให้ดี แต่จะไม่เกิดขึ้นได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจาก ส.ส.-ส.ก.และส.ข. ที่จะร่วมไปพบพี่น้องประชาชน และนำนโยบายดีๆ ของพรรคเพื่อไทยไปทำงาน และสิ่งที่สำคัญ อยากจะขอให้ทุกท่านร่วมกันอีกครั้งในการลงพื้นที่ หาเสียง และขอโอกาสชาวกทม.อีกครั้งหนึ่ง ให้พรรคเพื่อไทย ได้รับใช้ในตำแหน่ง ผู้ว่าฯกทม. "

***"พงศพัศ"ปัดขัดแย้ง"หญิงหน่อย"

พล.ต.อ.พงศพัศ ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งกับ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ไม่ได้มาร่วมการเปิดตัวในครั้งนี้ โดยระบุว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์แล้ว ทราบว่าต้องเดินทางไปประกอบพิธี พระพุทธเจ้าน้อย ที่ประเทศอินเดีย โดยคุณหญิงสุดารัตน์ ได้ให้คำแนะนำในการทำงานการเมืองเพื่อคนกทม. เป็นอย่างดี โดยหลังจากนี้จะนำคำแนะนำ ไปสรุปจัดทำเป็นนโยบายในภาพรวมด้วย

ส่วนกรณี ที่คณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) เตรียมตรวจสอบ กรณีขโมยวิทยุ ที่ประเทศสหรัฐฯ เมื่อสมัยได้รับทุนการศึกษา วิชาอาชาญวิทยา นั้น ส่วนตัวเห็นว่า ขณะนี้ไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชี้แจงเรื่องดังกล่าว เพราะหากพูดไปก็เหมือนเป็นการแก้ตัว แต่กระบวนการตรวจสอบต่างๆ นั้นสามารถทำได้ ยินดีพร้อมรับการตรวจสอบ สามารถชี้แจงได้ทุกประเด็น

" ผมจะไม่ใส่ร้ายป้ายสีฝ่ายตรงข้าม เพื่อให้สมกับสโลแกน วางยุทธศาสตร์วางอนาคตกรุงเทพฯร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ จะเสนอแนวทางการทำงาน และนโยบายที่ดีที่สุดกับพี่น้องคนกรุงเทพฯ อยากให้คอยติดตามการหาเสียงของผมอย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่า ควรเลือกผมเป็นผู้ว่าฯ หรือไม่ ส่วนเรื่องการส่งเสาไฟฟ้าลงเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่า วันนี้ไม่มีเสาไฟฟ้า มีแต่ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่ขออาสารับใช้พี่น้องคนกรุงเทพฯ เท่านั้น และไม่ถือว่าเรื่องนี้เป็นการดิสเครดิตทางการเมืองแต่อย่างใด" พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าว

**พท.รับสภาพ"จูดี้"เป็นรอง"ชายหมู"

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์ของ พล.ต.อ.พงศพัศ ขณะนี้ยังเป็นรอง แต่เชื่อว่ามีโอกาสชนะ และเป็นงานที่ท้าทาย ซึ่งตนก็จะช่วยหาเสียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้มี ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ ชื่อ พงศพัศ พงษ์เจริญ

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็ยอมรับว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เป็นรอง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แต่ทางพรรคเพื่อไทยจะให้ความช่วยเหลือ พล.ต.อ.พงศพัศ อย่างเต็มที่ และตนจะให้ความช่วยเหลือในการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่กทม.

"บางทีผมคิดว่า ถ้าผู้ว่าฯกทม.กับรัฐบาลเป็นเหมือนขนมชั้น คงกินอร่อย การเป็นรองก็หนักใจเป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ขอความเห็นใจกับชาวกทม.ด้วย และควรจะเบื่อคุณชายได้แล้ว วันหน้าผมฝันว่า น้ำก็ไม่ท่วม ท่อก็ไม่ตัน" นายปลอดประสพ กล่าวและว่า เรื่องการหาเสียงทางพรรคเพื่อไทย มีการกำหนดแนวทางไว้แล้ว และหากผู้ว่าฯกทม. มีการทำงานร่วมกับรัฐบาลเป็นอย่างดี ก็จะกินอร่อยเหมือนขนมชั้น

**กกต.พร้อมสอบ "คดีขโมยวิทยุ"

นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงการตรวจสอบ กรณี พล.ต.อ.พงศพัศ เคยมีประวัติติดคุก คดีอาญาโทษ ฐานขโมยวิทยุ ที่สหรัฐฯ เมื่อครั้งที่ได้ทุนไปศึกษาวิชาอาชญวิทยา โดยไทยได้ดำเนินการทางการทูต จนถูกปล่อยตัวกลับมาแบบมีมลทิน และต่อมาถูกคัดค้านจากสำนักพระราชวัง เมื่อครั้งเสนอชื่อขอพระราชทานยศ พลตำรวจตรี แต่ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น พงศพัศ และสอดไส้โผแต่งตั้ง ทำเอกสารเท็จทูลเกล้าฯ จนได้รับเลื่อนยศ เป็น พลตำรวจตรี ซึ่งกรณีนี้จัดว่า เป็นความผิดฐานกราบบังคมทูล ข้อความอันเป็นเท็จ

ทั้งนี้ นางสดศรี ระบุว่าในกรณีดังกล่าว ต้องมีผู้ร้องและยื่นหลักฐานกับกกต.ก่อน จึงจะทำการตรวจสอบได้ และเห็นว่า ในตำแหน่งผู้นำท้องถิ่น อย่างผู้ว่าฯกทม. แล้วจะต้องไม่มีประวัติเสื่อมเสีย

" หากมีการยื่นเรื่องเข้ามาก็ต้องดูว่า ผู้ยื่นมีหลักฐานอะไรบ้าง คำพิพากษาที่อ้างเป็นของศาลใด มีคำตัดสินแล้วหรือยัง และที่สำคัญเป็นศาลต่างประเทศ จะผลผูกพันตามกฎหมายไทยหรือไม่ ซึ่งก็คงหนีไม่พ้นกกต.กลาง จะต้องเป็นผู้พิจารณา" นางสดศรีกล่าว

ในขณะที่นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า ทางพรรครู้สึกสนใจในประเด็นดังกล่าว และทราบมาก่อนว่า พล.ต.อ.พงศพัศ เคยต้องคดีและเปลี่ยนชื่อ ก่อนได้รับยศ พลตำรวจตรี ซึ่งพรรคต้องตรวจสอบ หาหลักฐานข้อเท็จจริงก่อน หากจะมีการยื่นเรื่องร้องเรียนกับกกต.

** ครม. ยกเว้นภาษีให้ตำรวจ

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม.เมื่อวานนี้ ว่า ครม.มีมติอนุมัติหลักการ ร่าง พระราชกฤษฎีกา ออกตามความในประมวลรัษฎากร ว่าด้วยการกำหนดกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... (การยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะสำหรับการให้สวัสดิการการให้กู้ยืมแก่ข้าราชการตำรวจ และลูกจ้าง ) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาแล้วดำเนินการต่อไปได้

โดยสาระสำคัญของ ร่างพระราชกฤษฎีกา กำหนดให้กิจการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตช.) เฉพาะการจัดสวัสดิการจากเงินกองกลางให้ข้าราชการตำรวจ และลูกจ้าง กู้ยืมหรือการสงเคราะห์ด้านที่อยู่อาศัย ตามระเบียบที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกำหนด เป็นกิจการที่ได้รับยกเว้นภาษีธุรกิจเฉพาะ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2545 เป็นต้นไป

**"สุขุมพันธุ์"หาเสียงลดค่าโดยสารBTS

เวลา 14.10 น. วานนี้ (15 ม.ค.) ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้ลงพื้นหาเสียง ที่รถไฟฟ้าบีทีเอส โพธิ์นิมิตร โดยให้สัมภาษณ์ก่อนลงพื้นที่ ว่า ระบบรถไฟฟ้าบีทีเอส เป็นความสะดวกปลอดภัยในการเดินทางของคนกรุงเทพฯ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา การจราจรติดขัด กทม.จึงต้องมีการขยายระบบขนส่งรถไฟ้ฟ้าบีทีเอส ไปยังสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง และมายังสถานนี โพธิ์นิมิตร แห่งนี้ หากตนได้กลับมาเป็นผู้ว่าฯกทม.อีกครั้ง จะแบ่งเบาภาระให้ประชาชนในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส โดยการลดค่าโดยสารให้น้อยลงกว่าเดิม อาทิ จากสถานีตากสิน-สถานีบางหว้า จำนวน 10 บาท หรือสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง จำนวน 10 บาท เช่นกัน โดยภายใน 4 ปี ในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม. ตนจะลดค่าโดยสารส่วนต่อขยายของกทม. ฟรีทุกเส้นทาง

ส่วนที่ดีเอสไอ จะเอา เรื่องบีทีเอสนั้น ใครจะว่าอะไรก็ว่าไป เพราะตนจะเดินหน้าเรื่องนี้ จะทำตามหน้าที่ ใครจะมากล่าวหาโดยไม่มีเหตุผลไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน แต่หากมีใครหมิ่นประมาท ตนพร้อมจะดำเนินการตามกฎหมาย ที่สำคัญตนจะเดินหน้าหาเสียงเรื่องนี้จนถึงวันที่ 3 มี.ค.

"ผู้สมัครคนไหน จะพูดเรื่องนี้ แต่ต้องพูดให้ถูกต้องสร้างสรรค์ และเป็นไปตามกฎหมาย โดยจากนี้นโยบายของผมจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และผมก็ดีใจที่มีประชาชน มีรถคันแรกกว่าล้านคัน แต่ผมมีหน้าที่ดูแลไม่ให้มีผลกระทบกับการจราจร ถึงมีนโยบายลดค่าโดยสารส่วนต่อขยายของกทม. หรือแค่ 10 บาท " ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว

** ปชป.ขู่ ดีเอสไอ อาจเจอข้อหาป้ายสี

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯกทม.ของพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า หลังจากที่ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร ไปรับทราบข้อกล่าวหาร่วมกับคณะผู้บริหาร กทม.แล้ว ทางดีเอสไอ ได้เชิญข้าราชการในกทม. ไปรับทราบข้อกล่าวหาเกี่บวกับการทำสัญญาจ้างบีทีเอส ในการบริหารโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในวันที่ 15 ม.ค. โดยมีความพยายามชี้นำให้สังคมเข้าใจว่า มีการกระทำการทุจริตในเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงข้อกล่าวหาเกี่ยวกับเรื่องบีทีเอสนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับการทุจริต

ดังนั้นเมื่อมีกฤษฎีกาเกี่ยวกับการเลือกตั้งแล้ว จึงอยากวิงวอนทุกฝ่ายเกี่ยวข้องว่า การดำเนินคดีทำได้ตามกระบวนการกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม แต่การแสดงความเห็นบิดเบือนข้อเท็จจริง ให้ดูเหมือนว่าผู้สมัครของพรรค กระทำการทุจริตให้ระวัง อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. เพราะใครที่ดำเนินการดังกล่าว จะเข้าข่ายใส่ร้ายป้ายสีผู้สมัคร ซึ่งถือว่าผิดกฎหมาย.