ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ผู้ประกอบการเชียงใหม่โอดขึ้นค่าแรง 300 กระทบต้นทุนพุ่งทำแข่งขันลำบาก ด้าน พนง.อีเล็คโทรลักซ์ เรียกร้องบริษัทปรับขึ้นค่าแรงวันละ 300 บาท ส่งผลให้พนักงานกว่า 100 คนถูกเลิกจ้าง ส.ว.แฉบริษัทเอกชนมั่วนิ่มอ้าง 300 บาทลดโควต้าคนพิการ “ส.อ.ท.”โต้กลับรัฐกรณีระบุนำมาตรการจ่ายเงินชดเชยส่วนต่างค่าแรง 300 บาทต่อวันไม่ใช่ประเด็นการเมืองไม่มีเงินก็บอกมา แจงมาตรการที่ออกมาช่วยผิดฝาผิดคน
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และกรรมการบริษัทคอนเฟ็ดเดอเรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทว่า ขณะนี้ผลกระทบที่บริษัทได้รับก็คือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่มีการปรับอัตราค่าจ้างเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราค่าจ้างในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าส่วนกลาง กล่าวคือปรับเพิ่มขึ้นถึง 120 บาท ขณะที่บางจังหวัดอย่างเช่นจังหวัดพะเยาปรับเพิ่มขึ้นถึง 141 บาท แตกต่างกับหลายๆ จังหวัดในส่วนกลาง โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดนำร่อง 7 จังหวัดที่มีการปรับอัตราค่าจ้างล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ทำให้การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างในรอบเดือน ม.ค.นี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
อัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ทำให้ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากต้นทุนค่าแรงได้เพิ่มสูงขึ้น อย่างเช่นบริษัทของตนที่มีต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.8 ล้านบาท อีกทั้งยังมีต้นทุนในด้านค่าขนส่งและค่าพลังงานที่สูงกว่า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้อยกว่าผู้ประกอบการในส่วนกลาง ขณะที่มาตรการของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่งเสริมการจ้างงานจากสำนักงานกองทุนประกันสังคม หรือการลดภาระการสบทบเงินประกันส่งคมให้กับลูกจ้างลงร้อยละ 1 นั้นไม่สามารถทดแทนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
**พิษ300ลอยแพคนงานอีเล็คโทรลักซ์กว่า100คน
วานนี้ (14 ม.ค.) ที่บริเวณหน้าบริษัท อีเล็คโทรลักซ์ จำกัด ตั้งอยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมบริษัท เหมราชระยองที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พนักงานฝ่ายผลิตของบริษัท อีเล็คโทรลักซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องซักผ้าส่งขายทั้งใน และต่างประเทศ จำนวนกว่า 100 คน นำโดยนายไพวรรณ์ เมทา ประธานสหภาพแรงงานบริษัทอีเล็คโทรลักซ์ จำกัด หลังถูกโรงงานดังกล่าวเลิกจ้างโดยไม่มีการชี้แจง
นายไพวรรณ์ เมทา ประธานสหภาพแรงงานบริษัทอีเล็คโทรลักซ์ จำกัด กล่าวว่า พนักงานฝ่ายผลิตรวมทั้งหมด 130 คน ถูกเลิกจ้างงานหลังได้มีการยื่นข้อเสนอขอให้บริษัทฯ พิจารณาเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ การปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี และเงินโบนัส ซึ่งเห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรมต่อพนักงานเก่าที่มีอายุงานมาก กับพนักงานที่มีอายุงานน้อยค่าจ้างจะปรับมาอยู่ในระดับเดียวกัน
***เอกชนมั่วนิ่มลดโควต้าแรงงานพิการ
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานโดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา หารือถึงนโยบายค่าแรง 300 บาท ว่า ขณะนี้ได้มีบริษัทเอกชนอยู่หลายแห่งได้นำนโยบายนี้ไปปะปนกับประเด็นการต้องทำตามกฎหมายซึ่งเป็นคนละเรื่อง โดยตัวอย่างคือ สถานประกอบการเอกชนได้ยกเอาเรื่องภาระที่จะต้องแบกรับจากค่าแรง 300 บาทนั้นมาเป็นข้อต่อรองเพื่อขอปรับลดโควตาการจ้างงานคนพิการตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยจะเสนอให้ถอยกลับไปใช้โควตา 1 ต่อ 200 ซึ่งขณะนี้โควตา 1 ต่อ 100 ก็ถือว่าต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้แล้ว เนื่องจากพ.ร.บ.ไม่ได้กำหนดสัดส่วนแต่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนและวิงวอนไปยังรัฐบาลว่าอย่าได้หวั่นไหวและอย่าเปิดช่องให้นำเรื่องไปเป็นข้อจ่อรองเพื่อสร้างความชอบธรรมจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ขอให้รัฐบาลยืนยันปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและหามาตรการเยียวยาอื่นไปช่วยเหลือบริษัทเอกชน เช่นการปรับปรุงสร้างแรงจูงใจในเรื่องภาษีกรณีการจ้างแรงงานคนพิการตามกฎหมาย
***ส.อ.ท.ฉุนรัฐกล่าวหาใช้ค่าแรงเล่นการเมือง
นายเจน นำชัยศิริ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอกชนทำงานร่วมกับรัฐในการหามาตรการลดผลกระทบค่าแรงซึ่งหลักๆ ได้เสนอในการช่วยเหลือเร่งด่วนคือ สภาพคล่องและต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจปรับตัวโดยเฉพาะเอสเอ็มอีแต่เมื่อครม.คลอด 15 มาตรการออกมาซึ่งช่วยเหลือไม่ถูกคนก็สร้างความผิดหวังมากและมาตรการหนึ่งที่เสนอมาตลอดคือการจ่ายเงินชดเชยสว่นต่างค่าแรง 300 บาทต่อวันใน 3ปีที่ชัดเจนทั้งกลุ่มคนที่จะช่วยและเม็ดเงินแต่รัฐไม่ช่วยก็ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมช่วยไมได้ ไม่มีเงินหรืออย่างไร ถ้าไม่มีมาหารือกันไหม และที่สำคัญยังกล่าวหาว่าส.อ.ท.นำประเด็นนี้มาเป็นการเมือง
“น้อยใจและผิดหวังมากผมไม่เคยใช้ประเด็นนี้เป็นการเมืองเลย ต้องย้อนถามกลับว่าใครเอาประเด็นนี้มาเป็นการเมืองกันแน่ สื่อบางรายก็บอกว่ามาตรการช่วยเอสเอ็มอีออกมาตั้งเยอะยังบอกไม่พอ ผมก็ขอย้ำว่ามาตรการที่ออกมาช่วยผิดฝา ผิดคน เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอีถามว่าถ้าขาดทุนเขาจะขอได้ไหม มาตรการด้านภาษีฯ เหมือนกันคนอยู่ได้เขาก็จ่ายภาษีอยู่แล้วแต่ถ้าไม่มีกำไรเขาก็ไม่จ่าย ทั้งหมดช่วยคนที่เขาอยู่ได้แต่คนที่จะอยู่ไม่ได้ทำไมไม่ช่วย ถามกลับถ้าไม่มีเงินแล้วรัฐมีเท่าไร มาหารือกันไหม เปิดใจคุยกันไม่ใช่ไม่ให้แต่ไปบอกว่าเล่นการเมือง ผิดหวังจริงๆ ”นายเจนกล่าว
***ผลสำรวจตอกย้ำลดคนงาน-ขึ้นสินค้า
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.ทำการสำรวจสุ่มตัวอย่างเพื่อเช็คความเห็นของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบค่าแรง 300บาทต่อวันเบื้องต้น 127 แห่งครอบคลุม 7 กลุ่มอุตสาหกรรมและใน 5 ภูมิภาคเว้น 7 จังหวัดซึ่งกิจการ 81% ยืนยันได้รับผลกระทบและส่วนใหญ่จะปรับตัวด้วยการ ลดพนักงานลง และการปรับขึ้นของราคาสินค้า เพื่อลดต้นทุน เปิดโครงการSMEs We Care สู้
นายมานะผล ภู่สมบุญ รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำโครงการ SMEs We Care เพื่อช่วยยกระดับผู้ประกอบการให้สามารถรับมือค่าแรง 300 บาทต่อวันที่ปรับขึ้นโดยเน้นร่วมมือกับรัฐจัดโครงการลดต้นทุนต่างๆ การให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการภาพรวม เป็นต้น
นายวีระยุทธ สุขวัฑฒโก รองประธานสภาอุตสาหกรรมภาคเหนือ และกรรมการบริษัทคอนเฟ็ดเดอเรท อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เปิดเผยถึงผลกระทบจากนโยบายปรับค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาทว่า ขณะนี้ผลกระทบที่บริษัทได้รับก็คือรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นทันทีหลังจากที่มีการปรับอัตราค่าจ้างเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากอัตราค่าจ้างในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่นั้นปรับเพิ่มขึ้นสูงกว่าส่วนกลาง กล่าวคือปรับเพิ่มขึ้นถึง 120 บาท ขณะที่บางจังหวัดอย่างเช่นจังหวัดพะเยาปรับเพิ่มขึ้นถึง 141 บาท แตกต่างกับหลายๆ จังหวัดในส่วนกลาง โดยเฉพาะกลุ่มจังหวัดนำร่อง 7 จังหวัดที่มีการปรับอัตราค่าจ้างล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ทำให้การปรับเพิ่มอัตราค่าจ้างในรอบเดือน ม.ค.นี้มีจำนวนเพิ่มขึ้นไม่มากนัก
อัตราค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนี้ทำให้ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดปรับตัวไม่ทัน เนื่องจากต้นทุนค่าแรงได้เพิ่มสูงขึ้น อย่างเช่นบริษัทของตนที่มีต้นทุนค่าแรงเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1.8 ล้านบาท อีกทั้งยังมีต้นทุนในด้านค่าขนส่งและค่าพลังงานที่สูงกว่า ทำให้ความสามารถในการแข่งขันด้อยกว่าผู้ประกอบการในส่วนกลาง ขณะที่มาตรการของรัฐบาลในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อส่งเสริมการจ้างงานจากสำนักงานกองทุนประกันสังคม หรือการลดภาระการสบทบเงินประกันส่งคมให้กับลูกจ้างลงร้อยละ 1 นั้นไม่สามารถทดแทนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้
**พิษ300ลอยแพคนงานอีเล็คโทรลักซ์กว่า100คน
วานนี้ (14 ม.ค.) ที่บริเวณหน้าบริษัท อีเล็คโทรลักซ์ จำกัด ตั้งอยู่ในเขตประกอบการอุตสาหกรรมบริษัท เหมราชระยองที่ดินอุตสาหกรรม จำกัด ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง พนักงานฝ่ายผลิตของบริษัท อีเล็คโทรลักซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเครื่องซักผ้าส่งขายทั้งใน และต่างประเทศ จำนวนกว่า 100 คน นำโดยนายไพวรรณ์ เมทา ประธานสหภาพแรงงานบริษัทอีเล็คโทรลักซ์ จำกัด หลังถูกโรงงานดังกล่าวเลิกจ้างโดยไม่มีการชี้แจง
นายไพวรรณ์ เมทา ประธานสหภาพแรงงานบริษัทอีเล็คโทรลักซ์ จำกัด กล่าวว่า พนักงานฝ่ายผลิตรวมทั้งหมด 130 คน ถูกเลิกจ้างงานหลังได้มีการยื่นข้อเสนอขอให้บริษัทฯ พิจารณาเรื่องการปรับค่าแรงขั้นต่ำ การปรับขึ้นเงินเดือนประจำปี และเงินโบนัส ซึ่งเห็นว่าเกิดความไม่เป็นธรรมต่อพนักงานเก่าที่มีอายุงานมาก กับพนักงานที่มีอายุงานน้อยค่าจ้างจะปรับมาอยู่ในระดับเดียวกัน
***เอกชนมั่วนิ่มลดโควต้าแรงงานพิการ
ที่รัฐสภา ในการประชุมวุฒิสภา ที่มีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานวุฒิสภาคนที่ 1 เป็นประธานโดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายมณเฑียร บุญตัน ส.ว.สรรหา หารือถึงนโยบายค่าแรง 300 บาท ว่า ขณะนี้ได้มีบริษัทเอกชนอยู่หลายแห่งได้นำนโยบายนี้ไปปะปนกับประเด็นการต้องทำตามกฎหมายซึ่งเป็นคนละเรื่อง โดยตัวอย่างคือ สถานประกอบการเอกชนได้ยกเอาเรื่องภาระที่จะต้องแบกรับจากค่าแรง 300 บาทนั้นมาเป็นข้อต่อรองเพื่อขอปรับลดโควตาการจ้างงานคนพิการตามพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ โดยจะเสนอให้ถอยกลับไปใช้โควตา 1 ต่อ 200 ซึ่งขณะนี้โควตา 1 ต่อ 100 ก็ถือว่าต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้แล้ว เนื่องจากพ.ร.บ.ไม่ได้กำหนดสัดส่วนแต่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง เพราะฉะนั้นจึงขอเตือนและวิงวอนไปยังรัฐบาลว่าอย่าได้หวั่นไหวและอย่าเปิดช่องให้นำเรื่องไปเป็นข้อจ่อรองเพื่อสร้างความชอบธรรมจะเป็นการถอยหลังเข้าคลอง ขอให้รัฐบาลยืนยันปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและหามาตรการเยียวยาอื่นไปช่วยเหลือบริษัทเอกชน เช่นการปรับปรุงสร้างแรงจูงใจในเรื่องภาษีกรณีการจ้างแรงงานคนพิการตามกฎหมาย
***ส.อ.ท.ฉุนรัฐกล่าวหาใช้ค่าแรงเล่นการเมือง
นายเจน นำชัยศิริ รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาเอกชนทำงานร่วมกับรัฐในการหามาตรการลดผลกระทบค่าแรงซึ่งหลักๆ ได้เสนอในการช่วยเหลือเร่งด่วนคือ สภาพคล่องและต้นทุนเพื่อให้ธุรกิจปรับตัวโดยเฉพาะเอสเอ็มอีแต่เมื่อครม.คลอด 15 มาตรการออกมาซึ่งช่วยเหลือไม่ถูกคนก็สร้างความผิดหวังมากและมาตรการหนึ่งที่เสนอมาตลอดคือการจ่ายเงินชดเชยสว่นต่างค่าแรง 300 บาทต่อวันใน 3ปีที่ชัดเจนทั้งกลุ่มคนที่จะช่วยและเม็ดเงินแต่รัฐไม่ช่วยก็ไม่ได้ชี้แจงเหตุผลว่าทำไมช่วยไมได้ ไม่มีเงินหรืออย่างไร ถ้าไม่มีมาหารือกันไหม และที่สำคัญยังกล่าวหาว่าส.อ.ท.นำประเด็นนี้มาเป็นการเมือง
“น้อยใจและผิดหวังมากผมไม่เคยใช้ประเด็นนี้เป็นการเมืองเลย ต้องย้อนถามกลับว่าใครเอาประเด็นนี้มาเป็นการเมืองกันแน่ สื่อบางรายก็บอกว่ามาตรการช่วยเอสเอ็มอีออกมาตั้งเยอะยังบอกไม่พอ ผมก็ขอย้ำว่ามาตรการที่ออกมาช่วยผิดฝา ผิดคน เช่น สินเชื่อเอสเอ็มอีถามว่าถ้าขาดทุนเขาจะขอได้ไหม มาตรการด้านภาษีฯ เหมือนกันคนอยู่ได้เขาก็จ่ายภาษีอยู่แล้วแต่ถ้าไม่มีกำไรเขาก็ไม่จ่าย ทั้งหมดช่วยคนที่เขาอยู่ได้แต่คนที่จะอยู่ไม่ได้ทำไมไม่ช่วย ถามกลับถ้าไม่มีเงินแล้วรัฐมีเท่าไร มาหารือกันไหม เปิดใจคุยกันไม่ใช่ไม่ให้แต่ไปบอกว่าเล่นการเมือง ผิดหวังจริงๆ ”นายเจนกล่าว
***ผลสำรวจตอกย้ำลดคนงาน-ขึ้นสินค้า
นายวัลลภ วิตนากร รองประธานส.อ.ท.กล่าวว่า ส.อ.ท.ทำการสำรวจสุ่มตัวอย่างเพื่อเช็คความเห็นของผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบค่าแรง 300บาทต่อวันเบื้องต้น 127 แห่งครอบคลุม 7 กลุ่มอุตสาหกรรมและใน 5 ภูมิภาคเว้น 7 จังหวัดซึ่งกิจการ 81% ยืนยันได้รับผลกระทบและส่วนใหญ่จะปรับตัวด้วยการ ลดพนักงานลง และการปรับขึ้นของราคาสินค้า เพื่อลดต้นทุน เปิดโครงการSMEs We Care สู้
นายมานะผล ภู่สมบุญ รองประธานส.อ.ท. กล่าวว่า ส.อ.ท.ได้จัดทำโครงการ SMEs We Care เพื่อช่วยยกระดับผู้ประกอบการให้สามารถรับมือค่าแรง 300 บาทต่อวันที่ปรับขึ้นโดยเน้นร่วมมือกับรัฐจัดโครงการลดต้นทุนต่างๆ การให้ความรู้ด้านการบริหารจัดการภาพรวม เป็นต้น
