วานนี้(14ม.ค.56) ศ.ดร.จรัส สุวรรณมาลา อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า สำหรับปัญหาเร่งด่วนที่คน กทม. อยากให้ผู้ว่าฯ เข้ามาแก้ไข ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาใกล้ตัว ปัญหาคุณภาพชีวิต การจราจรติดขัด ซึ่งถือเป็นปัญหาคลาสสิกของคนกรุงเทพฯ เลยก็ว่าได้ ปัญหามลพิษทางอากาศ มลพิษทางเสียง มลพิษทางสายตา จากจำนวนป้ายโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น ความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ปัญหาการปล้น จี้ ข่มขืน รวมไปถึงน้ำท่วม ที่ยังเป็นฝันร้ายของคน กทม. ระบบการระบายน้ำ น้ำเน่าเสีย ซึ่งเป็นปัญหาซ้ำซากที่ยังแก้ไม่ได้ ซึ่งจะว่ากันตามจริงแล้ว ผู้ว่าฯ กทม. แก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีความสามารถ แต่เพราะรัฐบาลไม่ได้ให้อำนาจแก่ทาง กทม. อย่างเต็มที่
การที่ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาลนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี คือ กทม. กับรัฐบาลไม่ต้องมาสู้ มาขัดแข้งขัดขากัน แต่ข้อเสีย คือ อาจจะทำให้เกิดการรวมหัวกันหาผลประโยชน์ แต่ถ้าผู้ว่าฯ อยู่คนละฝั่งกับรัฐบาล ก็อาจจะมีการแย่งพื้นที่ทางการเมือง แต่ก็ดีตรงที่ จะมีคนสู้กับรัฐบาล ไม่ใช่รวมหัวกันกับรัฐบาล
สิ่งที่คน กทม. ต้องการ คือ อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า จะบริหารบ้านเมืองอย่างไร และต้องมีอำนาจในการบริหารได้จริงๆ
**ปู-เจ๊หน่อยร่วมเปิดตัว‘จูดี้’15 ม.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 15 ม.ค.หลังการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยเสร็จสิ้นในเวลา16.30 น.ทางพรรคเพื่อไทยจะมีการเปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำ กทม.พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเข้าร่วมการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการด้วย
ในช่วงเช้า พล.ต.อ.พงศพัศ จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และสวมเสื้อพรรค
ส่วนการเปิดตัวทีมรองผู้ว่า กทม.ต้องรอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กับ พล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนกระแสทาบทามนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เข้าเป็นทีมรองผู้ว่าฯนั้น ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีมติ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวแล้ว จะพูดคุยกับ ส.ก. และ ส.ข.ในพรรค ก่อนเดินหน้าหาเสียง
ส่วนนโยบายนั้นเน้นที่อนาคตของกรุงเทพมหานครเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ อีกทั้งมองว่า กรุงเทพมหานครควรเปลี่ยนแปลงการดูแลประชาชน เพราะเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มคนหลากหลาย และยอมรับว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้งย่อมมีความหนักใจ และมั่นใจควบคู่กันไป
**“จูดี้” เดินสายลาออก รองผบ.ตร.-ปปส.
เวลา 09.00น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.ต.อ.พงศพัศ เข้าพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอลาลงสมัครชิงผู้ว่าฯกทม.นั้น นายกฯระบุว่า รู้สึกเสียดายที่บุคคลมีความรู้ความสามารถ จะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหน้าที่ต่อไป แต่ยังรู้สึกดีใจ ที่พรรคเพื่อไทยมีมติเห็นชอบเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. ดังนั้นอยากให้เอาประสบการณ์ ความรู้จากการทำงาน รวมถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย เข้าไปทำงานกับคน กทม. ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้อวยพรขอให้พล.ต.อ.พงศพัศ ประสบความสำเร็จในหน้าที่ และให้ทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลังว่า ได้มาลานายกฯในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานป.ป.ส. จากการที่พรรคเพื่อไทยมีมติให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.
“ได้มากราบเรียนความในใจว่าทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากชีวิตราชการตำรวจ ถ้านับจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจถือว่าเกิน 35 ปี ที่อยู่วงการนี้และดูแลพี่น้องประชาชน ได้เรียนนายกฯอย่างตรงไปตรงมาและตนไม่ใช่นักการเมืองถ้าเทียบพรรษาก็นับจากศูนย์แต่ก็มีความตั้งใจ”
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตลอดชีวิตการทำงานของตนก็มีประสบการณ์รู้ถึงความทุกข์ยากได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนกทม.มาเยอะ เมื่อทางพรรคให้โอกาสก็กราบเรียนกับนายกฯว่ายินดีรับด้วยความเต็มใจและจะขอลาออกจากราชการตำรวจหลังจากที่มีประกาศของทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง เพราะระเบียบของสตช.เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจทุกคนมีโอกาสลาไปสมัครดำเนินการทางการเมือง แต่ต้องมีประกาศจากกกต.ให้ชัดเจนก่อน
“นายกฯได้ให้กำลังใจ อยากให้นำนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อไปบอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนชาวกทม.ว่า ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไรเพื่อดูแลแก้ไขปัญหา”พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวและว่าสตนเองไม่มีนโยบายอะไรมาก แต่เคยเข้าถึงมาแล้วทุกพื้นที่ รู้ปัญหาพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ แนวทางหาเสียงของตนเองก็เหมือนกับผู้สมัครคนอื่นๆ คือ คิดบวกทำบวก จะไม่ว่าร้ายใครอยากให้ทุกคนมีความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาวกทม.จริงๆ
ส่วนห่วงการนำเรื่องในอดีตมาโจมตีหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติตนรับได้ อะไรที่อธิบายได้และไม่มีเป็นการแก้ตัวก็จะอธิบาย แต่เรื่องใดที่ต้องดูในรายละเอียดต่างๆคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีข้อมูล พร้อมตอบทุกคำถามไม่มีความลับอะไร ตรงไปตรงมาชัดเจน
อย่างไรก็ตามวันที่ 15 ม.ค.ที่จะแสดงวิสัยทัศน์ จะชี้ให้เห็นว่าการเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลจะมีสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกับกทม.และทุกสิ่งทุกอย่างจะตกถึงประชาชนอย่างไร รวมถึงจะสร้างอนาคตกันแบบไหน โดยเน้นการทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ประสบการณ์ที่ผ่านมาคิดว่าคนกทม.ทราบดี ดังนั้นทุกนโยบายที่จะออกมาจะเป็นการทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังจะหาเสียงในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนเดียวไปก่อน จากนั้นทางพรรคหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคงจะมาดูในเรื่องทีมงานรองผู้ว่าฯ ตนจะทำเวิร์คชอปกับส.ก. ส.ข. และส.ส.กทม.
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนโยบาย สิ่งที่จะช่วยเหลือและแนะนำจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและตนพร้อมจะนำไปปฏิบัติ รวมถึงข้อแนะนำของประชาชนโดยทั่วไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับคุณหญิงสุดารัตน์ นอกจากนี้เชื่อว่า นายกฯจะมาช่วยหาเสียงด้วย
“นายกฯบอกว่าจะหาเวลาลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครให้มากที่สุด เพราะนายกฯเคยขอร้องขอความกรุณาให้คนกทม.ให้โอกาส ดังนั้นนายกฯจะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการหาเสียงที่จะนำเสนอยุทธศาสตร์ต่างๆกับคนกทม. เบื้องต้นนายกฯตั้งใจจะลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงในครั้งแรกในวันที่ 16 ม.ค.นี้”
เมื่อถามว่า ถ้าคนกทม.ไม่เลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะกลับไปรับราชการเหมือนเดิมหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อน แต่เมื่อลงแล้วก็ต้องหวังชนะ รับรองว่านโยบายที่เปิดเจ๋งแน่ขอให้รอดู
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ ระบุว่าได้ลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน”
โดยพล.ต.อ.พงศพัศ บอกว่า ไม่เสียดายตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในอนาคต
**ปชป. ไม่ประมาทชู“ไชน่าทาวน์อาเซียน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนในฐานะ ผอ.เลือกตั้งขอต้อนรับ พล.ต.อ.พงศพัศสู่สนามการเมืองและการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นของ กทม.
ส่วนจุดเด่นจุดด้อยของพล.ต.อ.พงศพัศนั้น ผู้สมัครทุกคนมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ซึ่งคงมีการหยิบมาโจมตีในส่วนของจุดอ่อน แต่ในการสมัครเลือกตั้งครั้งนี้พรรคและม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร จะไม่ใช้วิธีการโจมตีผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่จะเน้นในการนำเสนอนโยบายอีก 4 ปีข้างหน้ามากกว่า เพื่อทำให้การเมืองสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อคน กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ย่านเยาวราช โดยประกาศนโยบายพัฒนาย่านเยาวราชเป็นไชน่าทาวน์ของอาเซียนใน4 ปี หลังจากนี้จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้วันที่ 15 ม.ค.จะเปิดแนวนโยบายมหานคร 7 ด้าน คือ มหานครแห่งความสุขจะต้องเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทุกประเทศ เพราะการจราจรเป็นปัญหาสำคัญดังนั้นการที่คนกทม.จะอยู่ในกรุงเทพฯอย่างมีความสุขต้องบรรเทาปัญหาจราจรให้ทุเลาเบาบางลงด้วยการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทุกประเภท ที่สถานีรถไฟฟ้าโพธินิมิตร ฝั่งธนบุรีเชื่อมจากวงเวียนใหญ่ ในเวลา 14.00น.
**“มาร์ค” หวังตร.-ขรก.วางตัวเป็นกลาง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรหวือหวา เช่นเดียวกับม.ร.ว..สุขุมพันธ์ เพราะเป็นคนเก่าที่มีการคาดหมายล้วงหน้าแล้ว และไม่หนักใจแต่ขอให้แข่งขันด้วยความสร้างสรรค์
ทั้งนี้เห็นว่าจุดเด่นของม.ร.ว.สุขุมพันธ์คือประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับประชาชน ทั้งในฐานะส.ส. และอดีตผู้ว่าฯกทม. ซึ่งคลุกคลีกับปัญหาของประชาชน มองเห็นลู่ทางและโอกาส รวมถึงเข้าใจกลไกการทำงานของกทม. ส่วนจุดแข็งของพล.ต.อ.พงศพัศที่ใช้สื่อมวลชนเป็น นั้น ตนคิดว่าเมื่อถึงเวลาหาเสียง ทุกฝ่ายก็ต้องนำเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วน รอบด้านเพื่อแข่งขัน และให้ประชาชนได้เห็นการประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัครทุกคน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีหลายกิจกรรมที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการบริหารกทม ของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ว่าจะต่อยอดไปสู่นโยบายใหม่อย่างไร
ทั้งนี้ไม่อยากคิดล่วงหน้าว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซง แต่ขอให้กกต.และทุกฝ่ายเข้มแข็งในการตรวจสอบ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยชูจุดขายให้คนกทม.เลือก พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาลเข้ามาบริหารกรุงเทพ นั้น ตนเห็นว่าถ้ารัฐบาลมีวิธีคิดเช่นนี้ เราคงไม่ต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ต้น เพราะความสำคัญที่ให้มีการกระจายอำนาจเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย คือความเป็นอิสระของท้องถิ่น
**ขู่หลักฐาน “ป้ายบ้านอุ่นรัก”ผิดกม.
นายอภิสิทธิ์ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการทุกหน่วยให้วางตัวเป็นกลาง โดยยกตัวอย่างกรณีม.ร.ว.สุขุมพัน์ลาออกจากการรักษาการณ์ผู้ว่ากทม.เพื่อให้ข้าราชการทำงานด้วยความสบายใจและวางตัวเป็นกลาง จึงคาดหวังว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยที่เป็นนายตำรวจและเป็นข้าราชการลาออกมาจะมีแนวทางปฏิบัติแบบเดียวกัน ซึ่งเท่าที่ทราบป้ายรณรงค์โครงการป้องกันยาเสพติดที่ พล.ต.อ.พงศพัศขึ้นหาเสียงไว้ในช่วงเป็นเลขาธิการปปส. มีการปลดลงแล้ว แต่พรรคมีการรวมรวบข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว และขอให้กกต. ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม
**เคาะ 3 มี.ค. เลือกผู้ว่า โซเชียลเต็มที่
คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะมีการจัดประชุม เพื่อออกประกาศเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง คาดว่า จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดคะแนนนิยมของสองพรรคการเมืองในพื้นที่ พร้อมทั้งกำชับให้จัดการเลือกตั้งตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ลดข้อบกพร่องในการจัดการเลือกตั้งให้มากที่สุด
พล.ต.ท. ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำกทม. กล่าว ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่ปลัดกทม.ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานครเสนอร่างประกาศเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค. และกำหนดให้เปิดรับสมัครเลือกตั้งวันที่ 21-25 ม.ค. เวลา 08.30 -16.30 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการหาเสียงต่างๆของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งควรยึดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้สมัครสามารถจัดกองเชียร์ไปสนับสนุนได้แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายการจัดมหรสพ รื่นเริง ทั้งนี้ยังอยากให้ผู้สมัครได้ศึกษาข้อกฎหมายและประกาศกกต. 2 ฉบับที่เกี่ยวกับลักษณะต้องห้าม
“ข้อห้ามในการหาเสียงตามมาตรา 57(5) ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ห้ามมิให้หาเสียงด้วยการใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งอยากให้ผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงระมัดระวัง เรื่องใดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ถ้ายังไม่ถึงที่สุด การหาเสียงอย่าไปชี้ถูกผิด จะเข้าข่ายผิดมาตรานี้ แต่ถ้าเป็นการพูดถึงการถูกกล่าวหาสามารถพูดได้”
ส่วนการหาเสียงผ่านโซเชียลเน็ตเวริ์คนั้น กกต.เปิดโอกาสให้ผู้สมัครหาเสียงผ่านโซเชียลเน็ตเวริ์คได้
ทุกประเภท แต่ให้การโพสต์ข้อความใส่ร้ายผู้สมัคร ผู้โพสต์ยังอาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 118 จำคุก1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2แสนบาท ยังไม่รวมความผิดฐานหมิ่นประมาท
**มท.ขู่กทม.กำชับผอ.เขตเป็นกลาง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเดินทางมายังห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจ โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ
จากนั้น นายจารุพงศ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า กทม.ได้เสนอขอให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานกลางพิจารณาสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลเพิ่มเติมที่ได้รับประจำปีละ 14,000 ล้านบาท โดยเฉพาะงบประมาณอุดหนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่กำลังจะมีขึ้น ปลัดกทม.ได้ปฏิญาณและยืนยันว่าจะร่วมกับคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม
การที่ผู้ว่าฯ กทม. อยู่ฝั่งเดียวกับรัฐบาลนั้น มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดี คือ กทม. กับรัฐบาลไม่ต้องมาสู้ มาขัดแข้งขัดขากัน แต่ข้อเสีย คือ อาจจะทำให้เกิดการรวมหัวกันหาผลประโยชน์ แต่ถ้าผู้ว่าฯ อยู่คนละฝั่งกับรัฐบาล ก็อาจจะมีการแย่งพื้นที่ทางการเมือง แต่ก็ดีตรงที่ จะมีคนสู้กับรัฐบาล ไม่ใช่รวมหัวกันกับรัฐบาล
สิ่งที่คน กทม. ต้องการ คือ อยากให้ผู้ว่าฯ กทม. แสดงวิสัยทัศน์ให้เห็นว่า จะบริหารบ้านเมืองอย่างไร และต้องมีอำนาจในการบริหารได้จริงๆ
**ปู-เจ๊หน่อยร่วมเปิดตัว‘จูดี้’15 ม.ค.
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในวันที่ 15 ม.ค.หลังการประชุม สส.พรรคเพื่อไทยเสร็จสิ้นในเวลา16.30 น.ทางพรรคเพื่อไทยจะมีการเปิดตัว พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้สมัครลงชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.โดยมี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี รวมถึงคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำ กทม.พรรคเพื่อไทย เดินทางมาเข้าร่วมการเปิดตัวผู้สมัครอย่างเป็นทางการด้วย
ในช่วงเช้า พล.ต.อ.พงศพัศ จะเดินทางมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และสวมเสื้อพรรค
ส่วนการเปิดตัวทีมรองผู้ว่า กทม.ต้องรอความชัดเจนจากนายภูมิธรรม เวชยชัย ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.กับ พล.ต.อ.พงศพัศ ส่วนกระแสทาบทามนายเกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ อดีตผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.เข้าเป็นทีมรองผู้ว่าฯนั้น ขอยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่มีมติ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หลังจากเปิดตัวแล้ว จะพูดคุยกับ ส.ก. และ ส.ข.ในพรรค ก่อนเดินหน้าหาเสียง
ส่วนนโยบายนั้นเน้นที่อนาคตของกรุงเทพมหานครเป็นหลัก เพื่อให้ประชาชนตัดสินใจ อีกทั้งมองว่า กรุงเทพมหานครควรเปลี่ยนแปลงการดูแลประชาชน เพราะเป็นจังหวัดที่มีกลุ่มคนหลากหลาย และยอมรับว่า การเลือกตั้งแต่ละครั้งย่อมมีความหนักใจ และมั่นใจควบคู่กันไป
**“จูดี้” เดินสายลาออก รองผบ.ตร.-ปปส.
เวลา 09.00น. ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พล.ต.อ.พงศพัศ เข้าพบนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อขอลาลงสมัครชิงผู้ว่าฯกทม.นั้น นายกฯระบุว่า รู้สึกเสียดายที่บุคคลมีความรู้ความสามารถ จะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ในหน้าที่ต่อไป แต่ยังรู้สึกดีใจ ที่พรรคเพื่อไทยมีมติเห็นชอบเลือก พล.ต.อ.พงศพัศ ลงสมัคร ผู้ว่าฯกทม. ดังนั้นอยากให้เอาประสบการณ์ ความรู้จากการทำงาน รวมถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทย เข้าไปทำงานกับคน กทม. ซึ่งถือว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศไทย พร้อมกันนี้นายกรัฐมนตรีได้อวยพรขอให้พล.ต.อ.พงศพัศ ประสบความสำเร็จในหน้าที่ และให้ทุ่มเทการทำงานให้กับประชาชน
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวภายหลังว่า ได้มาลานายกฯในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุด ทั้งในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) และสำนักงานป.ป.ส. จากการที่พรรคเพื่อไทยมีมติให้ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่ากทม.
“ได้มากราบเรียนความในใจว่าทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากชีวิตราชการตำรวจ ถ้านับจากโรงเรียนนายร้อยตำรวจถือว่าเกิน 35 ปี ที่อยู่วงการนี้และดูแลพี่น้องประชาชน ได้เรียนนายกฯอย่างตรงไปตรงมาและตนไม่ใช่นักการเมืองถ้าเทียบพรรษาก็นับจากศูนย์แต่ก็มีความตั้งใจ”
พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวว่า ตลอดชีวิตการทำงานของตนก็มีประสบการณ์รู้ถึงความทุกข์ยากได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับประชาชนกทม.มาเยอะ เมื่อทางพรรคให้โอกาสก็กราบเรียนกับนายกฯว่ายินดีรับด้วยความเต็มใจและจะขอลาออกจากราชการตำรวจหลังจากที่มีประกาศของทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะกำหนดวันเลือกตั้ง เพราะระเบียบของสตช.เปิดโอกาสให้ข้าราชการตำรวจทุกคนมีโอกาสลาไปสมัครดำเนินการทางการเมือง แต่ต้องมีประกาศจากกกต.ให้ชัดเจนก่อน
“นายกฯได้ให้กำลังใจ อยากให้นำนโยบายเกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของการทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อไปบอกกล่าวกับพี่น้องประชาชนชาวกทม.ว่า ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลอย่างไรเพื่อดูแลแก้ไขปัญหา”พล.ต.อ.พงศพัศ กล่าวและว่าสตนเองไม่มีนโยบายอะไรมาก แต่เคยเข้าถึงมาแล้วทุกพื้นที่ รู้ปัญหาพร้อมที่จะแก้ไขปัญหา
ทั้งนี้ แนวทางหาเสียงของตนเองก็เหมือนกับผู้สมัครคนอื่นๆ คือ คิดบวกทำบวก จะไม่ว่าร้ายใครอยากให้ทุกคนมีความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาวกทม.จริงๆ
ส่วนห่วงการนำเรื่องในอดีตมาโจมตีหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติตนรับได้ อะไรที่อธิบายได้และไม่มีเป็นการแก้ตัวก็จะอธิบาย แต่เรื่องใดที่ต้องดูในรายละเอียดต่างๆคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะมีข้อมูล พร้อมตอบทุกคำถามไม่มีความลับอะไร ตรงไปตรงมาชัดเจน
อย่างไรก็ตามวันที่ 15 ม.ค.ที่จะแสดงวิสัยทัศน์ จะชี้ให้เห็นว่าการเป็นผู้ว่าฯกทม.ที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลจะมีสิ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไรกับกทม.และทุกสิ่งทุกอย่างจะตกถึงประชาชนอย่างไร รวมถึงจะสร้างอนาคตกันแบบไหน โดยเน้นการทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิด ประสบการณ์ที่ผ่านมาคิดว่าคนกทม.ทราบดี ดังนั้นทุกนโยบายที่จะออกมาจะเป็นการทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ นอกจากนี้ยังจะหาเสียงในฐานะผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.คนเดียวไปก่อน จากนั้นทางพรรคหรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องคงจะมาดูในเรื่องทีมงานรองผู้ว่าฯ ตนจะทำเวิร์คชอปกับส.ก. ส.ข. และส.ส.กทม.
ส่วนคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ที่จะเข้ามาดูแลเรื่องนโยบาย สิ่งที่จะช่วยเหลือและแนะนำจึงเป็นประโยชน์อย่างยิ่งและตนพร้อมจะนำไปปฏิบัติ รวมถึงข้อแนะนำของประชาชนโดยทั่วไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่ได้มีอะไรขัดแย้งกับคุณหญิงสุดารัตน์ นอกจากนี้เชื่อว่า นายกฯจะมาช่วยหาเสียงด้วย
“นายกฯบอกว่าจะหาเวลาลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครให้มากที่สุด เพราะนายกฯเคยขอร้องขอความกรุณาให้คนกทม.ให้โอกาส ดังนั้นนายกฯจะเป็นส่วนหนึ่งในกระบวนการหาเสียงที่จะนำเสนอยุทธศาสตร์ต่างๆกับคนกทม. เบื้องต้นนายกฯตั้งใจจะลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงในครั้งแรกในวันที่ 16 ม.ค.นี้”
เมื่อถามว่า ถ้าคนกทม.ไม่เลือกให้เป็นผู้ว่าฯกทม.จะกลับไปรับราชการเหมือนเดิมหรือไม่ พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า รอให้ถึงวันนั้นก่อน แต่เมื่อลงแล้วก็ต้องหวังชนะ รับรองว่านโยบายที่เปิดเจ๋งแน่ขอให้รอดู
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.พงศพัศ ระบุว่าได้ลาออกจากทุกตำแหน่งแล้ว ภายหลัง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน”
โดยพล.ต.อ.พงศพัศ บอกว่า ไม่เสียดายตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในอนาคต
**ปชป. ไม่ประมาทชู“ไชน่าทาวน์อาเซียน
ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ผู้อำนวยการเลือกตั้ง ผู้ว่า กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ตนในฐานะ ผอ.เลือกตั้งขอต้อนรับ พล.ต.อ.พงศพัศสู่สนามการเมืองและการเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นของ กทม.
ส่วนจุดเด่นจุดด้อยของพล.ต.อ.พงศพัศนั้น ผู้สมัครทุกคนมีจุดเด่นจุดด้อยแตกต่างกันไป ซึ่งคงมีการหยิบมาโจมตีในส่วนของจุดอ่อน แต่ในการสมัครเลือกตั้งครั้งนี้พรรคและม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร จะไม่ใช้วิธีการโจมตีผู้สมัครไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่จะเน้นในการนำเสนอนโยบายอีก 4 ปีข้างหน้ามากกว่า เพื่อทำให้การเมืองสร้างสรรค์เป็นประโยชน์ต่อคน กทม.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ได้ลงพื้นที่หาเสียงที่ย่านเยาวราช โดยประกาศนโยบายพัฒนาย่านเยาวราชเป็นไชน่าทาวน์ของอาเซียนใน4 ปี หลังจากนี้จะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
ทั้งนี้วันที่ 15 ม.ค.จะเปิดแนวนโยบายมหานคร 7 ด้าน คือ มหานครแห่งความสุขจะต้องเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทุกประเทศ เพราะการจราจรเป็นปัญหาสำคัญดังนั้นการที่คนกทม.จะอยู่ในกรุงเทพฯอย่างมีความสุขต้องบรรเทาปัญหาจราจรให้ทุเลาเบาบางลงด้วยการเชื่อมต่อระบบขนส่งมวลชนทุกประเภท ที่สถานีรถไฟฟ้าโพธินิมิตร ฝั่งธนบุรีเชื่อมจากวงเวียนใหญ่ ในเวลา 14.00น.
**“มาร์ค” หวังตร.-ขรก.วางตัวเป็นกลาง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรหวือหวา เช่นเดียวกับม.ร.ว..สุขุมพันธ์ เพราะเป็นคนเก่าที่มีการคาดหมายล้วงหน้าแล้ว และไม่หนักใจแต่ขอให้แข่งขันด้วยความสร้างสรรค์
ทั้งนี้เห็นว่าจุดเด่นของม.ร.ว.สุขุมพันธ์คือประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับประชาชน ทั้งในฐานะส.ส. และอดีตผู้ว่าฯกทม. ซึ่งคลุกคลีกับปัญหาของประชาชน มองเห็นลู่ทางและโอกาส รวมถึงเข้าใจกลไกการทำงานของกทม. ส่วนจุดแข็งของพล.ต.อ.พงศพัศที่ใช้สื่อมวลชนเป็น นั้น ตนคิดว่าเมื่อถึงเวลาหาเสียง ทุกฝ่ายก็ต้องนำเสนอข้อมูลอย่างครบถ้วน รอบด้านเพื่อแข่งขัน และให้ประชาชนได้เห็นการประชันวิสัยทัศน์ ของผู้สมัครทุกคน เพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ซึ่งในสัปดาห์นี้จะมีหลายกิจกรรมที่สะท้อนถึงความก้าวหน้าในการบริหารกทม ของม.ร.ว.สุขุมพันธ์ว่าจะต่อยอดไปสู่นโยบายใหม่อย่างไร
ทั้งนี้ไม่อยากคิดล่วงหน้าว่าจะมีการใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซง แต่ขอให้กกต.และทุกฝ่ายเข้มแข็งในการตรวจสอบ ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยชูจุดขายให้คนกทม.เลือก พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคเดียวกับรัฐบาลเข้ามาบริหารกรุงเทพ นั้น ตนเห็นว่าถ้ารัฐบาลมีวิธีคิดเช่นนี้ เราคงไม่ต้องมีการเลือกตั้งท้องถิ่นตั้งแต่ต้น เพราะความสำคัญที่ให้มีการกระจายอำนาจเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย คือความเป็นอิสระของท้องถิ่น
**ขู่หลักฐาน “ป้ายบ้านอุ่นรัก”ผิดกม.
นายอภิสิทธิ์ยังฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจและข้าราชการทุกหน่วยให้วางตัวเป็นกลาง โดยยกตัวอย่างกรณีม.ร.ว.สุขุมพัน์ลาออกจากการรักษาการณ์ผู้ว่ากทม.เพื่อให้ข้าราชการทำงานด้วยความสบายใจและวางตัวเป็นกลาง จึงคาดหวังว่าผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยที่เป็นนายตำรวจและเป็นข้าราชการลาออกมาจะมีแนวทางปฏิบัติแบบเดียวกัน ซึ่งเท่าที่ทราบป้ายรณรงค์โครงการป้องกันยาเสพติดที่ พล.ต.อ.พงศพัศขึ้นหาเสียงไว้ในช่วงเป็นเลขาธิการปปส. มีการปลดลงแล้ว แต่พรรคมีการรวมรวบข้อมูลทั้งหมดไว้แล้ว และขอให้กกต. ทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยบริสุทธิ์ ยุติธรรม
**เคาะ 3 มี.ค. เลือกผู้ว่า โซเชียลเต็มที่
คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) จะมีการจัดประชุม เพื่อออกประกาศเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง คาดว่า จะมีการแข่งขันค่อนข้างสูง เนื่องจากผลการเลือกตั้งจะเป็นตัวชี้วัดคะแนนนิยมของสองพรรคการเมืองในพื้นที่ พร้อมทั้งกำชับให้จัดการเลือกตั้งตามระเบียบและกฎหมายที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ลดข้อบกพร่องในการจัดการเลือกตั้งให้มากที่สุด
พล.ต.ท. ทวีศักดิ์ ตู้จินดา ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประจำกทม. กล่าว ว่า ที่ประชุมเห็นชอบตามที่ปลัดกทม.ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งท้องถิ่นประจำกรุงเทพมหานครเสนอร่างประกาศเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร โดยกำหนดให้มีการเลือกตั้งในวันที่ 3 มี.ค. และกำหนดให้เปิดรับสมัครเลือกตั้งวันที่ 21-25 ม.ค. เวลา 08.30 -16.30 น. ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดังนั้นการหาเสียงต่างๆของผู้ที่จะลงสมัครรับเลือกตั้งควรยึดกฎหมายอย่างเคร่งครัด ผู้สมัครสามารถจัดกองเชียร์ไปสนับสนุนได้แต่ต้องระวังไม่ให้เข้าข่ายการจัดมหรสพ รื่นเริง ทั้งนี้ยังอยากให้ผู้สมัครได้ศึกษาข้อกฎหมายและประกาศกกต. 2 ฉบับที่เกี่ยวกับลักษณะต้องห้าม
“ข้อห้ามในการหาเสียงตามมาตรา 57(5) ของพ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นฯ ห้ามมิให้หาเสียงด้วยการใส่ร้ายด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ซึ่งอยากให้ผู้สมัครและผู้ช่วยหาเสียงระมัดระวัง เรื่องใดที่อยู่ในกระบวนการยุติธรรม ถ้ายังไม่ถึงที่สุด การหาเสียงอย่าไปชี้ถูกผิด จะเข้าข่ายผิดมาตรานี้ แต่ถ้าเป็นการพูดถึงการถูกกล่าวหาสามารถพูดได้”
ส่วนการหาเสียงผ่านโซเชียลเน็ตเวริ์คนั้น กกต.เปิดโอกาสให้ผู้สมัครหาเสียงผ่านโซเชียลเน็ตเวริ์คได้
ทุกประเภท แต่ให้การโพสต์ข้อความใส่ร้ายผู้สมัคร ผู้โพสต์ยังอาจต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 118 จำคุก1-10 ปี ปรับ 2 หมื่นถึง 2แสนบาท ยังไม่รวมความผิดฐานหมิ่นประมาท
**มท.ขู่กทม.กำชับผอ.เขตเป็นกลาง
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยพล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะเดินทางมายังห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานพร้อมรับฟังการบรรยายสรุปภารกิจ โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัดกทม. พร้อมคณะผู้บริหารระดับสูงให้การต้อนรับ
จากนั้น นายจารุพงศ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า กทม.ได้เสนอขอให้กระทรวงมหาดไทยในฐานะหน่วยงานกลางพิจารณาสนับสนุนงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลเพิ่มเติมที่ได้รับประจำปีละ 14,000 ล้านบาท โดยเฉพาะงบประมาณอุดหนุนโครงการตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวไปพิจารณา สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่กำลังจะมีขึ้น ปลัดกทม.ได้ปฏิญาณและยืนยันว่าจะร่วมกับคณะกรรมการจัดการเลือกตั้ง (กกต.) จัดเลือกตั้งอย่างเป็นธรรม