“จารุพงศ์” แนะ กทม.เร่งนำสายไฟฟ้าลงดิน นำเมืองกรุงสู่ศูนย์กลางอาเซียน เป็นตัวอย่างให้อีก 76 จังหวัด ในการปฏิบัติงาน
วันนี้ (14 ม.ค.) ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ได้มาตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายการดำเนินการให้กับ กทม.โดยมีนางนินนาท ชลิตานนท์ ปลัด กทม.และคณะผู้บริหารและข้าราชการ กทม.ให้การต้อนรับ ทั้งนี้ นายจารุพงศ์ กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย มีความปรารถนาดี มีความตั้งใจที่จะสานประโยชน์ระหว่างกระทรวงมหาดไทย กับ กทม.เพื่อยกฐานะและศักดิ์ศรีของข้าราชการ กทม.ทุกคนให้ทัดเทียมหน่วยงานอื่นในการบริหารงานราชการร่วมกัน ซึ่งในวันนี้ได้พูดคุยกันหลายประเด็น รวมทั้งประเด็นที่ กทม.ต้องการให้กระทรวงมหาดไทย ช่วยดูแลให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยเรื่องหลักๆ เป็นเรื่องงบประมาณอุดหนุนประจำปีของรัฐบาล ซึ่งมีจำนวน 14,000 ล้านบาท และขอพิจารณางบประมาณอุดหนุนตามนโยบายของรัฐบาล โดยแยกออกจากงบประมาณอุดหนุนประจำปีเพื่อใช้ในการพัฒนา กทม.อาทิ สร้างถนนเพิ่ม สร้างสะพานข้ามแม่น้ำเพิ่ม เป็นต้น ซึ่งในเบื้องต้นตนเองได้รับพิจารณาดำเนินการและจะช่วยดูแลให้ดีที่สุด
ต่อมาเป็นเรื่องนำสายไฟฟ้าลงใต้ดินซึ่งเชื่อมกับเรื่องการตัดแต่งต้นไม้ ซึ่งหากไม่นำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน ก็ต้องมีการตัดแต่งต้นไม้ เพื่อให้ปลอดภัยจากกิ่งไม้ที่พาดสายไฟฟ้า แต่พี่น้องประชาชน มองว่า การตัดแต่งกิ่งไม้ที่พาดสายไฟฟ้า ทำให้กรุงเทพมหานครดูไม่สวยงาม กทม.จึงขอให้รัฐบาลเร่งรัดดำเนินโครงการนำสายไฟฟ้าลงใต้ดิน เพื่อให้ กทม.เป็นเมืองที่น่าอยู่น่ามอง ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน การขุดเจาะถนนอยากให้มีแผนระยะยาวและชัดเจน รวมถึงการซ่อมถนนภายหลังการขุดเจาะอยากให้ซ่อมแบบถาวร นอกจากนี้ เรื่องข้อมูลทะเบียนราษฎร ซึ่งจะใช้เลข 13 หลักเข้าสู่ระบบไอที เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงเงินกองทุนหมู่บ้าน หรือการจ่ายเงินผู้สูงอายุ ได้อย่างถูกต้องและไม่ซ้ำซ้อน
นายจารุพงศ์ กล่าวด้วยว่า กทม.เป็นศูนย์กลางภูมิภาคอาเซียน เป็นศูนย์กลางการคมนาคม เป็นศูนย์กลางการเศรษฐกิจการเงิน เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวของภูมิภาคนี้ ดังนั้น ต้องมีการวางโครงสร้างของ กทม.ให้มีความพร้อมในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ซึ่งในจุดนี้ได้ให้ความสำคัญในการพัฒนาคน โดยเน้น ที่ผู้อำนวยการเขตทั้ง 50 เขต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการปฏิบัติงานที่จะทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพ พร้อมให้ความสำคัญ และดูแลลูกจ้างในสังกัด กทม.ซึ่งมีกว่า 60,000 คน ในด้านสวัสดิการต่างๆ ความมั่นคง รวมถึงการพัฒนาอาชีพในการดูแลและบริการประชาชนซึ่งมีผลอย่างมากในภาพรวมของการปฏิบัติงานของ กทม.
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ได้ฝาก กทม.ดูแลคูคลองรอบเกาะรัตนโกสินทร์ ให้สะอาดและเหมาะสม ส่วนปัญหายาเสพติดนอกจากจะปราบปรามแล้วต้องมีการบำบัดรักษาผู้เสพยาเสพติด และการวางแผนระยะยาวในการป้องกันน้ำท่วม กทม.ให้มองภาพรวมโดยวางแผนร่วมกับ 6 จังหวัดปริมณฑลรอบกรุงเทพมหานคร เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมได้อย่างครอบคลุมและทั่วถึง และอยากให้ กทม.เป็นหัวขบวน เป็นพี่ใหญ่ ให้อีก 76 จังหวัด ในการปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติงาน การจัดผังเมือง การทำป้ายต่างๆ หรืออื่นๆ เพื่อเป็นตัวอย่างให้จังหวัดอื่นได้ยึดถือและปฏิบัติตาม สำหรับการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ตนเองมั่นใจข้าราชการ กทม.จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเป็นกลาง เป็นธรรม โปร่งใส ซึ่งปลัด กทม.ก็ได้ยืนยันด้วยเกียรติและศักดิ์ศรี เช่นกัน