หนองคาย - มท.3 ลงพื้นที่หนองคายมอบอาคารเรียน พร้อมมอบนโยบายองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ย้ำบำบัดทุกข์บำรุงสุข ไม่เลือกปฏิบัติ กระตุ้นให้ประชาชนใช้บริการกองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งทุนหมุนเวียนประกอบอาชีพ
วันนี้ (11 ม.ค.) นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะปฏิบัติภารกิจที่ จ.หนองคาย โดยเดินทางไปยังโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อ.เมือง ร่วมพิธีทำบุญโรงเรียน รับมอบอาคารเกียรติยศหลังใหม่ จัดสร้างเป็นหอเกียรติยศเชิดชูศิษย์เก่าดีเด่นของแต่ละรุ่น พร้อมทั้งมอบเสื้อเกียรติยศ เหรียญทอง โล่เกียรติยศ มอบเกียรติบัตรแก่นักเรียนผู้มีผลการเรียนดีเด่น คุณธรรมจริยธรรมดีเด่น
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายประชาได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในหอประชุมประจักษ์ศิลปาคม ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ว่าผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกคนต้องขับเคลื่อนงานที่สำคัญ คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นใคร เพื่อนำไปสู่การปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ การบริการประชาชนต้องยึดหลักรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม โดยเฉพาะเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต้องให้ถึงมือ และให้ผู้สูงอายุเดินทางไปรับยังจุดที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ต้องยกระดับรายได้ของประชาชนให้อยู่ดีมีสุข เข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งกองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งเงินทุนที่ง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชนในชุมชนมากที่สุด ผู้บริหารท้องถิ่นต้องกระตุ้นให้มีการใช้เงินกองทุนหมู่บ้านให้มากขึ้น และเป็นระบบ
“จะหารือร่วมกับ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องพิจารณาหลักเกณฑ์การประกาศภัยหนาวใหม่ เดิมที่ต้องยึดเกณฑ์อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียสติดต่อกัน 3 วันแล้วค่อยประกาศ ซึ่งอาจไม่ทันต่อการบรรเทาความเดือดร้อน โดยเฉพาะในชนบท”
วันนี้ (11 ม.ค.) นายประชา ประสพดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะปฏิบัติภารกิจที่ จ.หนองคาย โดยเดินทางไปยังโรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร อ.เมือง ร่วมพิธีทำบุญโรงเรียน รับมอบอาคารเกียรติยศหลังใหม่ จัดสร้างเป็นหอเกียรติยศเชิดชูศิษย์เก่าดีเด่นของแต่ละรุ่น พร้อมทั้งมอบเสื้อเกียรติยศ เหรียญทอง โล่เกียรติยศ มอบเกียรติบัตรแก่นักเรียนผู้มีผลการเรียนดีเด่น คุณธรรมจริยธรรมดีเด่น
จากนั้นเวลา 11.00 น. นายประชาได้มอบนโยบายการปฏิบัติราชการแก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นภายในหอประชุมประจักษ์ศิลปาคม ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย ว่าผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านทุกคนต้องขับเคลื่อนงานที่สำคัญ คือ การบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่ประชาชน โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าเป็นใคร เพื่อนำไปสู่การปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ การบริการประชาชนต้องยึดหลักรวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม โดยเฉพาะเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุต้องให้ถึงมือ และให้ผู้สูงอายุเดินทางไปรับยังจุดที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ นอกจากนี้ต้องยกระดับรายได้ของประชาชนให้อยู่ดีมีสุข เข้าถึงแหล่งเงินทุน ซึ่งกองทุนหมู่บ้านเป็นแหล่งเงินทุนที่ง่ายต่อการเข้าถึงของประชาชนในชุมชนมากที่สุด ผู้บริหารท้องถิ่นต้องกระตุ้นให้มีการใช้เงินกองทุนหมู่บ้านให้มากขึ้น และเป็นระบบ
“จะหารือร่วมกับ ส.ส.ที่เกี่ยวข้องพิจารณาหลักเกณฑ์การประกาศภัยหนาวใหม่ เดิมที่ต้องยึดเกณฑ์อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียสติดต่อกัน 3 วันแล้วค่อยประกาศ ซึ่งอาจไม่ทันต่อการบรรเทาความเดือดร้อน โดยเฉพาะในชนบท”
