“เฉลิม” เปิดโครงการ “ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน” โดยมีการอวยพรส่งท้ายการลาออกของ “พงศพัศ” ที่จะลงสมัครชิงชัยในสนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ด้าน “พงศพัศ” ลั่นจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สะอึก! นักข่าวถามเรื่องหาก “โซ้ยแห้ว” ต่อรองขอเก้าอี้ ผบ.ตร. - สวน “เพิ่งเริ่มต้นอย่าคิดเรื่องแพ้”
วันนี้ (14 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดโครงการ “ประชาสัมพันธ์เพื่อรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในชุมชน” โดยมี พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ รอง ผบ.ตร.และเลขาธิการ ป.ป.ส. พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ รอง ผบ.ตร.ดูแลงานด้านยาเสพติด พล.ต.อ.วุฒิ ลิปตพัลลภ ที่ปรึกษา (สบ 10) ดูแลงานด้านยาเสพติดเข้าร่วมงาน ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ไม่ได้เข้าร่วมงานดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการจัดงานดังกล่าวได้มีการถ่ายทอดสดออกอากาศทางช่องสถานีโทรทัศน์โมเดิร์นไนน์ และทางสถานีวิทยุ 44 สถานี ตั้งแต่ช่วงเวลา 11.00-11.45 น.ขณะที่บรรยากาศภายในห้องประชุมมีกลุ่มนายดาบตำรวจที่ได้เลื่อนขึ้นเป็นสัญญาบัตรเข้ามารับฟังแน่นห้องประชุม โดยได้มีการเตรียมดอกกุหลาบสีแดงมามอบให้ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่เตรียมจะอำลาตำแหน่งรอง ผบ.ตร.และเลขาฯ ป.ป.ส.เพื่อเป็นตัวแทนพรรคเพื่อไทยลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวภายหลังการเปิดงานว่า ตนขอแสดงความรู้สึกส่วนตัวในกรณีที่ พล.ต.อ.พงศพัศตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.และเลขาฯ ป.ป.ส.โดยได้ทำงานยาเสพติดร่วมกับตนมาช่วงหนึ่ง พล.ต.อ.พงศพัศเป็นคนมีวิสัยทัศน์และมีระเบียบวินัย ซื่อสัตย์สุจริต ตนเติบโตมาจากการเป็นตำรวจ ซึ่งจากการเป็นตำรวจจึงได้มีการศึกษาและตรวจสอบว่านายตำรวจคนไหนมีคุณสมบัติพิเศษบ้าง โดยหนึ่งในนั้นก็คือ พล.ต.อ.พงศพัศ ที่เรียนเตรียมทหารได้ที่ 1 ถึง 2 ปี รวมถึงเป็นหัวหน้านักเรียนด้วย และในโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) ตั้งแต่ปี 1-4 ก็เรียนได้ที่ 1 มาตลอดและเป็นหัวหน้านักเรียนมาโดยตลอด ฉะนั้นส่วนตัวแม้จะรู้เสียดายกับการตัดสินของ พล.ต.อ.พงศพัศในครั้งนี้ แต่ก็ถือว่าสิทธิ ทั้งนี้ในความเป็นตำรวจด้วยกันตนขออวยพรให้ชนะอยู่แล้ว
“ผมขอยืนยันว่าจะไม่ใช้อำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ทำผิดกฎเกณฑ์ต่างๆ แต่ถ้ารักใครชอบใคร ก็เป็นสิทธิในการตัดสินใจ แต่ผมขออย่างเดียวแบบเปิดเผยต่อผู้ที่ดูแลการเลือกตั้ง ต้องดูแลการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรม ส่วนเพื่อนตำรวจที่ไปประจำตำแหน่งจุดเลือกตั้ง ต้องสนใจ ไม่ใช่ไปยืนดูห่างๆ แต่ท่านไปยืนดู เพราะเดี๋ยวนี้คนนับคะแนน ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ข้าราชการ แต่มีการเลือกสรรบุคคลมาทำหน้าที่กรรมการแทน” รองนายกฯ ระบุ
ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวอีกว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ตนจะช่วย พล.ต.อ.พงศพัศหาเสียงอย่างเต็มที่ โดยจะลงเวทีปราศรัยช่วยทุกวิถีทาง เนื่องจากเห็นว่าเมื่อก่อนทหารเรือ คือ พล.ร.อ.เทียม มกรานนท์ และทหารบก คือ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ก็เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.มาแล้ว ฉะนั้นจึงอยากเห็น พล.ต.อ.พงศพัศเป็นผู้ว่าฯ กทม.คนต่อไป
“แม้งานนี้เราเป็นรองนิดๆ แต่ก็ยังมีโอกาสชนะ เป็นงานท้าทาย การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ต้องดูที่นโยบายของพรรค ตัวผู้สมัครและการทำความจริงให้ปรากฏ โดยตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.มีมิติสัมพันธ์อย่างไรกับรัฐบาล และตัวบุคคลก็ต้องมีมิติสัมพันธ์กับนายกฯ ในการบริหารราชการร่วมกัน ถ้าพรรค พท.ทำได้อย่างนี้ จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ ที่พรรค พท.จะยึดที่นั่ง กทม.ให้เป็นของขวัญตำรวจไทยทั้งประเทศ” ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวพร้อมเสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม
ด้าน พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่า ตนอยากกราบเรียนว่าวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ตนจะได้เครื่องแบบข้าราชการตำรวจ ซึ่งตั้งแต่จบจาก นรต.มานั้น ปีนี้เป็นปีที่ 36 ฉะนั้นจึงอยากขอบคุณพี่น้องตำรวจทุกนาย โดยเฉพาะเพื่อนข้าราชการตำรวจในพื้นที่ กทม.ที่ตนได้ลงไปทำงานร่วมกันบ่อยที่สุด ทั้งนี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ตนได้มีโอกาสเข้าไปอำลากับนายกรัฐมนตรีที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งได้กราบเรียนความในใจกับท่านนายกฯ ว่าทำไมถึงตัดสินใจลาออกจากข้าราชการตำรวจ เพื่อมารับสมัครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ในนามพรรคเพื่อไทย
“ผมได้เรียนไปว่า ในการให้สัมภาษณ์ของท่านนายกฯ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่ระบุว่าเป็นนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยจึงขอโอกาสคน กทม.ว่าอยากไปทำงานและแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้เลือกผู้สมัครในนามของพรรคเพื่อไทย ขณะที่ส่วนผมก็ได้ติดตามความเคลื่อนของพรรคมาสักระยะ ที่ได้มีการออกแคมเปญมาว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมรับใช้คน กทม. ฉะนั้นผมจึงได้กราบเรียนนายกฯ ว่า ตลอดระยะเวลา 20 กว่าปี ตั้งแต่ที่ผมทำหน้าที่โฆษก ตร.และทำโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจมาไม่ต่ำกว่า 10 ปี ดูแลปัญหายาเสพติด หรืออาชญากรรม รถติด รวมถึงดูแลปัญหาตั้งแต่เรื่องเล็กที่ไม่มีใครสนใจ จนถึงปัญหาใหญ่ระดับชาติ อย่างปัญหาน้ำท่วม โดยพื้นที่ใดที่พี่น้องประชาชนมีความทุกข์ ผมและพี่เพื่อนข้าราชการตำรวจก็จะลงไปช่วยกัน” รอง ผบ.ตร.กล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า นายกรัฐมนตรีได้กล่าวอยู่เสมอว่าจะทำให้ กทม.เป็นศูนย์กลางในการขับเคลื่อนเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นผู้นำแห่งอาเซียน ที่จะส่งผลดีแก่ประเทศไทย ฉะนั้นสิ่งที่ตนได้ตัดสินใจวันนี้ เนื่องจากได้เล็งเห็นว่ามีโอกาสที่จะได้เข้าไปดูแลปัญหาต่างๆ ที่ซึมซับเข้ามา ขณะที่ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน ซึ่งตนคิดว่าน่าจะทำได้ ฉะนั้นเมื่อโอกาสจากพรรค พท.จึงตัดสินใจอย่างไม่ลังเล โดยขอยืนยันว่าเราจะทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ แม้วันนี้ตนยังไม่มีโอกาสที่จะหาเสียง แต่เพียงอยากบอกความในใจเท่านั้น
“ผมหวังว่าการเดินทางในเส้นทางใหม่นั้น ขอกราบเรียนว่าผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ทั้งในฐานะผู้สมัครการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในนามของพรรค พท.และก็จะเป็นตำรวจเก่าที่พกความภาคภูมิใจ ความตระหนักในเรื่องของศักดิ์ศรี และความมีระเบียบวินัยแบบผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เมื่อเช้านายกฯ ได้บอกว่าในการหาเสียง เราจะต้องคิดบวก ทำบวกและต้องหาเสียงในเชิงบวก โดยจะหาเสียงแบบสุภาพบุรุษ ไม่ใส่ร้ายกัน โดยผมขอให้สัญญาว่า จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในฐานะที่เป็นตำรวจเก่า และทำงานต่อไปไม่ว่าจะได้รับเลือกตั้งหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต แต่ในปัจจุบันผมจะทำให้ดีที่สุด โดยผมจะขออาสาคืนความสุข และสร้างรอยยิ้มให้กับพี่น้องประชาชนคน กทม.” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวทิ้งท้ายพร้อมเสียงปรบมือดังลั่นห้องประชุม
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ตนเองได้เตรียมหนังสือลาออกจากราชการไว้แล้ว และได้บอกทางวาจากับทาง พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร.ไว้แล้วว่าจะลาออกจากตำแหน่งรอง ผบ.ตร.เพื่อไปลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สังกัดพรรคเพื่อไทย เมื่อช่วงเช้าวันนี้ก็ได้เรียนกับทางนายกรัฐมนตรีแล้ว เมื่อ กกต.ประกาศ พ.ร.ฎ.เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็สามารถที่จะยื่นหนังสือได้ทันทีซึ่งคาดว่า กกต.จะประกาศในวันพรุ่งนี้
พล.ต.อ.พงศพัศให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ไม่ว่าใครที่อาสามารับใช้พี่น้องประชาชนชาว กทม.มีความจำเป็นที่จะเสนอแนวนโยบาย เสนอแนวทางการปฏิบัติงานการแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาโครงสร้าง ปัญหาพื้นที่ฐานเป็นสิทธิของประชาชนที่จะเลือกใครคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 3 มี.ค.ที่จะถึงนี้
“สำหรับผมเองก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดในนามพรรค พท.เราได้วางยุทธศาสตร์ในการทำงานกับรัฐบาลอย่างไร้รอยต่อ ที่สุดแล้วจะขออาสาคืนความสุขและสร้างรอยยิ้มให้กับประชาชนชาว กทม.ยืนยันว่าไม่มีเงื่อนไขอะไรกับพรรค พท.ในการลงสมัครผู้ว่าครั้งนี้ โดยการลาออกก็เป็นไปตามกระบวนการ อย่างอื่นเป็นเรื่องของอนาคต วันนี้เราไม่ได้คิดเรื่องแพ้หรือชนะ เพียงแต่ว่าเราต้องทำการบ้าน เรื่องนโยบายพรรค เรื่องเวิร์คช๊อปที่ต้องทำกับสก.และ สข.ในพื้นที่เพื่อกำหนดนโยบายออกมาอย่างเป็นรูปธรรมนำเสนอกับพี่น้องประชาชนชาวกทม.พิจารณาและรับรู้ให้มากที่สุด” พล.ต.อ.พงศพัศกล่าว
พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ตนจะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเพราะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย เรื่องผลการเลือกตั้งเป็นเรื่องในอนาคตขอยังไม่พูดถึงวันนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นพรุ่งนี้ก็ลงสู่สนามการเมืองเป็นน้องใหม่ล่าสุดเพราะยังไม่เคยลงเล่นการเมืองมาก่อน ตนเองจะพยายามไม่เป็นนักการเมืองให้มากจะเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุดและจะนำปัญหาต่างๆ มาเสนอแก้ไขให้ประชาชนรับผู้มากที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่าทำไมเลือกลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า ตลอดเวลาที่ทำงานด้านยาเสพติดก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอดว่ามีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง อย่างกรณีทำโครงการฝากบ้านไว้กับตำรวจเวลาลงไปทำงานพื้นที่ยังมีอุปสรรคในการปฏิบัติอยู่ เพียงแต่อยากเห็นว่าการทำงานหลายๆโครงการเป็นงานที่ทุกกระทรวง ทบวงกรมต้องลงมาช่วยกันทำงาน การแก้ปัญหายาเสพติดอย่างเปิดบ้านอุ่นใจลำพังตำรวจและ ป.ป.ส.ก็ทำไม่ได้ ต้องมีกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หากทุกกระทรวงช่วงกันงานก็จะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้รับปากว่าทุกกลไกของรัฐบาลจะร่วมมือเพื่อให้การทำงานของผู้ว่ากทม.เป็นไปได้ด้วยดีมีประสิทธิภาพสูงสุด
เมื่อถามว่า คน กทม.ไม่เอาพรรคเพื่อไทย พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า คน กทม.เป็นตนที่ใกล้ชิดข้อมูลข่าวสาร การเลือกผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ก็ต้องคิดรอบด้าน ปัจจัยต่างๆ ก็มี 2-3 ส่วนคือจะเลือก ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ผ่านมาหรือคนใหม่ ซึ่งนโยบายของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ คือการบริหาร กทม.ให้เป็นอิสระจากรัฐบาล ส่วนตนเองจะชูนโยบายทำงานกับรัฐบาลอย่างใกล้ชิดไร้รอยต่อนำกลไลทุกกลไกของรัฐบาลมาแก้ปัญหาให้คน กทม.
ต่อข้อถามว่า ไม่เสียดายอนาคตที่อาจจะได้เป็น ผบ.ตร. พล.ต.อ.พงศพัศกล่าวว่า อันนี้ก็เป็นหัวโขนอันหนึ่ง ที่จะทำหน้าที่รับใช้ประชาชน ที่ผ่านมาตอนอยู่ในหน้าที่ตำรวจก็ทำงานช่วยเหลือประชาชนโดยไม่ได้คิดว่าจะมาลงสมัครผู้ว่าฯ กทม.ทำงานมาด้วยใจบริสุทธิ์ เห็นประชาชนเดือดร้อนก็ช่วยเหลือ ต่อไปตนเองก็จะเป็นตัวกลางประสานกับรัฐบาลในการช่วยเหลือประชาชน
เมื่อถามว่ามีข่าวว่ามีการต่อรองกับทางพรรค พท.หากไม่ได้ตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม.จะให้กลับมานั่งในตำแหน่ง ผบ.ตร.แทน เมื่อได้ยินคำถาม พล.ต.อ.พงศพัศได้ชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะตอบกลับว่า “เพิ่งเริ่มต้นอย่าคิดเรื่องแพ้ เรื่องอื่นๆ เรื่องตำแหน่งอื่นเป็นเรื่องในอนาคต”