นายกฯ อ้างน้ำท่วมทำเริ่มนโยบายช้า พร้อมน้อมรับข้อห่วงใยไปปรับปรุง จ่อแก้ภาวะผู้นำ อ้างไม่มีใครสมบูรณ์ 100% ลั่นไม่ท้อถอย ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ยันการเมืองไม่เป็นปัญหา ขอประชาชนร่วมรักษาความสงบ วอนทุกฝ่ายคิดบวก ก่อนขอบคุณสื่อร่วมงาน แนะให้เวลากับตัวเองบ้าง
วันนี้ (30 ธ.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประเมินวิเคราะห์การทำงานตลอด 1 ปีที่ผ่านมาของรัฐบาล ว่า มีจุดอ่อนจุดแข็งอย่างไร รวมถึงการปรับปรุงในส่วนตัวของตัวนายกรัฐมนตรีเอง ว่า 1 ปีที่ผ่านมา สิ่งที่เราพบในส่วนของปัญหาอุปสรรคของการทำงาน คือ แทนที่เราจะได้ใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการเริ่มนโยบายของรัฐบาลเราต้องใช้เวลาแก้ไขปัญหาผลพวงจากมหาอุทกภัย ซึ่งส่งผลทำให้เศรษฐกิจถดถอยในไตรมาสที่ 4 ดังนั้น สิ่งแรกคือต้องกู้การฟื้นฟูทั้งหมด โดยเราใช้เวลาประมาณ 6 เดือน จึงจะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจกลับมา และเรื่องงบประมาณที่ยังไม่ได้ขออนุมัติจากทางรัฐสภา จึงต้องใช้เวลาไปอีก 4 เดือน เราจึงเหลือเวลาอีกเพียง 8 เดือน
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน ต้องเร่งเรื่องของนโยบายรัฐบาล อาจทำให้งานเริ่มต้นมีอันติดขัดบ้าง อาจมีข้อห่วงใย ความไม่สมบูรณ์บ้าง ตรงนี้ขอน้อมรับ และจะนำไปแก้ไขปรับปรุงเสริมต่อ และขยายผลให้ดีขึ้นในปีที่ 2 ส่วนการทำงานของตัวเองนั้น อาจจะมีคนรักบ้าง คนไม่ชอบบ้างก็น้อมรับ และจะตั้งใจปรับปรุงการทำงาน โดยเฉพาะในเรื่องภาวะความเป็นผู้นำ ที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์กับประชาชน เพราะบางครั้งหลายคนไม่ได้สัมผัสตนโดยตรง เพราะไม่ได้เป็นหน้าเก่าในการเมือง แต่เป็นหน้าใหม่ในการเมืองที่ใช้เวลาปีกว่าๆ ในการทำงาน ส่วนการติติงนั้น มีหลายแบบ ถ้าติติงเรื่องนโยบายรัฐบาล หรือการทำงานก็น้อมรับ แต่การมองเรื่องส่วนตัวคงต้องดูว่าเหตุผล และการมองนั้นถูกต้องหรือเปล่ากับบทบาทในการติติง แต่ตนคิดว่าไม่เป็นไร
“ต้องเรียนว่า ไม่มีใครที่จะสมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ และไม่ได้บอกว่าตัวเองต้องเป็นคนที่สมบูรณ์ และถือว่าตัวเองมีใจเต็มร้อยที่จะทำงานรับใช้ประชาชน แน่นอนว่า การยอมรับต้องใช้เวลา จะทำตรงนี้เรื่อยๆ อย่างเต็มที่ และการทำงานที่ต้องประสานกันกับคณะรัฐมนตรีและรัฐบาล ซึ่งต้องทำงานกับองคาพยพใหญ่ทีเดียว เพราะฉะนั้นปีแรกคงเป็นปีของการปรับตัว แต่จะพยายามนำข้อติติง หรือข้อห่วงใยต่างๆ นำไปแก้ไขพัฒนาขึ้นมา ดิฉันไม่ท้อถอย ดิฉันพร้อม เพราะรู้ว่าเราเข้ามาทำงานทางการเมืองต้องมีบ้าง อาจจะมีทั้งคนติชมต่างๆ ก็จะตั้งใจทำงาน ถือว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ผลงาน และผู้ที่จะตัดสินดิฉันคือประชาชน” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
เมื่อถามว่า วันนี้การเมืองเป็นอุปสรรคกับการบริหารประเทศของนายกฯหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่เป็นปัญหา หากวันนี้บรรยากาศการพูดคุยกันเป็นไปตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็เชื่อว่า บรรยากาศของประเทศจะดีขึ้น และในปีที่ผ่านมาทุกคนถือเป็นปีแห่งความสุข โดยเฉพาะเดือน ธ.ค.ที่ผ่านมา เป็นเดือนมหามงคลที่ทุกคนได้เห็นรอยยิ้มของคนไทยทั้งประเทศ ตนเชื่อมั่นว่า ด้วยรอยยิ้ม และเดือนมหามงคลของวันที่ 5 ธ.ค.ที่เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก็จะเป็นแรงดลบันดาลใจให้พวกเราทุกคนร่วมกันในการน้อมนำกระแสพระราชดำรัสในการประคับประคองบรรยากาศของประเทศไทย ให้เป็นบรรยายกาศของความสันติ ความสามัคคีปรองดอง
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เมื่อมองว่า การเมืองไม่ใช่อุปสรรคต่อการทำงาน แล้วปัจจัยเสี่ยงที่จะกระทบเศรษฐกิจของประเทศคืออะไร นายกฯ กล่าวว่า ปัจจัยเสี่ยงคือ ความไม่สงบทางการเมือง จะส่งผลถึงความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ สิ่งที่รัฐบาลทำอย่างแรก คือ เราพยายามที่จะรักษาบรรยากาศความสงบนี้ แต่ก็ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจจากทุกคน ส่วนที่ว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคนั้น ก็เพราะมีความเชื่อมั่น อย่างไรก็ตามเรื่องการเมืองเป็นปัจจัยที่ทุกคนเป็นห่วง รัฐบาลก็ให้ความสำคัญ จึงพยายามที่จะรักษาบรรยากาศต่างๆ นี้ด้วยกัน
เมื่อถามว่า มีอะไรจะฝากบอกฝ่ายค้านหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ขอขอบคุณฝ่ายค้านที่ร่วมทำงาน กับรัฐบาลมาทั้งในส่วนของการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล และบทบาทนิติบัญญัติของรัฐสภา ซึ่งตนยินดีที่พร้อมจะทำงานร่วมกัน เพราะเราเองก็ต่างมีบทบาทแต่เชื่อว่า บทบาทเรามีบทบาทเดียวกัน คือการทำอย่างไรให้ประเทศเดินหน้าไปข้างหน้า
เมื่อถามต่อว่า จะใช้ความเป็นผู้นำประเทศขอร้องให้ทุกสีต่างๆ ในประเทศ ยุติการเคลื่อนไหวทางการเมือง เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้าหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า อยากขอร้องว่า ให้ร่วมกันยุติ และหยุดความขัดแย้ง แต่ว่าไม่ได้ยุติเรื่องของบทบาทการแสดงออกถึงการมีส่วนร่วมตามวิถีทางของประชาธิปไตย
“ขอให้ปี 2556 นี้ ทุกคนช่วยกันคิดบวก และพูดคุยกันใช้หลักของการมีส่วนร่วม การเห็นอกเห็นใจกัน ก็จะทำให้ทุกอย่างประคับประคองให้ประเทศเดินหน้าไปได้” นายกฯกล่าว
ทั้งนี้ ก่อนการให้สัมภาษณ์พิเศษ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ถือโอกาสกล่าวขอบคุณสื่อมวลชนด้วยว่า ขอบคุณพี่ๆ น้องๆ สื่อมวลชนที่ทำงานด้วยกันมา 1 ปีกว่าๆ ปีนี้ยอมรับกิจกรรมเยอะมาก ได้ให้สื่อมวลชนลำบาก ลำบนเดินทาไงปต่างจังหวัดด้วยกัน ขอบคุณหลายๆ คนที่ไม่มีบ่นเลย ถือโอกาสนี้ในนามคณะรัฐมนตรีขอขอบคุณสื่อมวลชนทุกท่านที่ติดตามการนำเสนอข่าวรัฐบาลมาโดยตลอด หวังว่า ปีใหม่นี้สื่อมวลชนทุกท่านจะมีเวลาพักผ่อนและมีความสุขกับครอบครัวบ้าง ซึ่งรู้ว่าอาชีพการเป็นนักข่าวต้องตื่นตัวอยู่ตลอดเวลาแม้วันหยุดไม่ได้หยุด จึงขอนับถือน้ำใจในความที่ตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ในส่วนของตนเองยินดีที่จะพูดคุย และให้ข้อมูล ซึ่งเราอาจมีเวลาพูดคุยกันสบายๆ ให้ข่าวบ้าง อันไหนที่ผ่านมาข่าวต่างๆ ไม่ชัดเจนหรืออะไรต่างๆที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็ยินดีที่พร้อมให้ข้อมูล
“ปีใหม่นี้ขออนุญาตอวยพรให้ทุกท่านมีแต่ความสุขความเจริญ คิดสิ่งใดขอให้สมปรารถนาและอย่าลืม ทำงานหนักมาเยอะ ควรให้เวลากับตัวเองบ้าง สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ คิดสิ่งไหนสมปรารถนาทุกประการ” นายกรัฐมนตรี กล่าว
