แถลงการณ์เอเอสทีวีผู้จัดการ
เป็นเรื่องน่าสะทกสะท้อนใจยิ่งนักที่นายทหารผู้ยิ่งใหญ่อย่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเกิดอการเหวี่ยงวีนปรี๊ดแตกเจาะจงใส่สื่อมวลชนในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั้งหลายที่มีอาการสติแตกพาลคนรอบข้างเวลาฮอร์โมนพุ่งยามปวดท้องประจำเดือน
เมื่อนายทหารท่านนี้รับไม่ได้กับข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ทบ.ของตนที่ล้มเหลวในทุกๆเรื่อง โดยไม่สามารถที่จะนำข้อเท็จจริงใดๆมาแสดงผลงานอันเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยได้ประจักษ์
แทนที่จะเร่งจัดการจุดอ่อนในเรื่องต่างๆให้เข้ารูปเข้ารอยซึ่งประโยชน์ย่อมตกแก่ประเทศชาติเต็มๆ กลับเลือกที่จะบริภาคสื่อที่กล้าเป็นกระจกสะท้อนการทำงานซึ่งเป็นนิสัยเดิมๆที่ผบ.ทบ.คนนี้มักจะทำเป็นประจำคือขู่คำรามใส่สื่อเพียงแต่คราวนี้คงจะอัดอั้นมากถึงกับระบุชื่อ"ผู้จัดการ"ออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงพร้อมด้วยคำนำหน้าว่า"ไอ้"
และน่าหวั่นใจแทนประเทศไทย ประชาชนคนไทย และ ทหารหาญของกองทัพไทยเข้าไปใหญ่ กับถ้อยแถลงและพฤติกรรมอันแสดงถึงทัศนคติอันคับแคบ ดูถูกดูแคลน ต่อกระบวนการพิทักษ์รักษาอธิปไตยชาติไทยของภาคประชาชน ราวกับว่าเป็นการคลั่งชาติอย่างไม่มีเหตุผล ไม่มีการศึกษาข้อกฏหมาย และ เป็นชนวนยั่วยุให้เกิดสงคราม ถึงกับประกาศจะเอาผิดกับทหารในกองทัพถ้ามีการพบว่าได้เข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งพลเอก ประยุทธ์อ้างว่าผิดกฏหมายซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีกฏหมายข้อไหนในรัฐธรรมนูญระบุเอาไว้ว่าห้ามประชาชนหรือทหารไทยทำการชุมนุมเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยในทางตรงข้ามนี่ควรจะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารและพลเรือน
พลเอกประยุทธ์ประกาศออกมาว่าภาคประชาชนไม่ใช่รัฐบาลจึงไม่มีความจำเป็นต้องฟังข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะ และนั่นย่อมหมายรวมไปถึงข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชนและนักวิชาการที่นำอาข้อเท็จจริง ข้อมูลเชิงลึก แผนที่เปรียบเทียบ หลักฐานเขตแดนและคำพิพากษาของศาลโลกข้อได้เปรียบเสียปรียบของการรักษาอธิปไตยมาตีแผ่ โดยเป็นข้อโต้แย้งที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
นั่นสะท้อนออกมาอยางชัดเจนว่าพลเอก ประยุทธ์มิได้เอาอธิปไตยของชาติเป็นใหญ่หากแต่พร้อมที่จะสนองภาคการเมืองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของนักการเมืองพรรคการเมืองและกลุ่มทุนเหนืออธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว
แน่นอนการรักชาติไม่สามารถผูกขาดไว้คนเดียวได้ แต่วิธีรักชาติของ ผบ.ทบ.ท่านนี้ดังที่ยกมาได้สร้างความน่ากังขากับสังคมไทยยิ่งนัก โดยได้อ้างกรณีการวางยุทธศาสตร์รอบเขาพระวิหารที่ผ่านมาว่าได้ขยับปรับกำลังเพื่อให้สองประเทศ กล่าวคือไทยและกัมพูชาปลอดภัยไม่ได้มารุกรานต่อกัน
ข้อกล่าวอ้างนี้ตรงกันข้ามกับความจริงที่คนระดับ ผบ.ทบ. อย่าง พลเอก ประยุทธ์ ผู้เคยผ่านกองกำลังบูรพาที่ดูแลชายแดนฝังตะวันออกไทย-เขมร น่าจะรู้ดีกว่าใครว่ า ไทยเราได้เสียส่วนบนของเขาพระวิหารให้แก่เขมรตามคำตัดสินศาลโลก เราไม่เคยล้ำแดนเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือตั้งกำลังทหารในแดนเขมรหากแต่เขมรเป็นฝ่ายล้ำแดนเข้ามาตลอดเวลาซ้ำร้ายเขมรยังเปิดฉากยิงโจมตีทหารและพลเรือนไทยก่อนขณะที่ทางไทยได้รับคำสั่งให้ตอบโต้นัดต่อนัดเท่านั้น
วันนี้ชาวบ้านที่ภูมิซรอลทุกคนพร้อมลุกขึ้นสู้ พร้อมตายในแผ่นดินที่เกิดที่เติบโตที่เก็บเกี่ยวไม่หลีกลี้หนีหน้าไปไหน พากันขุดบังเกอร์รักษาที่มั่นและต้องการการสนับสนุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังทหารเพื่อความอุ่นใจความปลอดภัยในทรัพย์สินและสวัสดิภาพ แต่การเข้าไปตรวจพื้นที่ของพล.เอก ประยุทธ์ กลับทำราวกับว่าคนไทยเหล่านี้คืออริราชศัตรูฝั่งตรงข้าม
ทั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม แต่ในเรื่องอธิปไตยของชาติก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงทีมีกรณีพิพาทอย่างจีนกับญี่ปุ่น จีนกับเวียตนามและฟิลิปปินส์ หรือไกลข้ามมหาสมุทรอย่างอังกฤษและอาร์เจนติน่า ทั้งภาคการเมือง ทหารและประชาชนล้วนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือรักษาอธิปไตยของชาติตน มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ภาคประชาชนถูกทิ้งให้ปกป้องชาติตามลำพัง ภาคการเมืองพากันลอยตัวและกลับเอนเอียงไปฝั่งเขมร ในขณะที่ทหารไทยล้วนแต่รู้สึกอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อมีแม่ทัพอย่าง ผบ.ทบ. ท่านนี้
ดังนั้นเมื่อ พลเอก ปรยุทธ์ ถามว่าสื่อมวลชนในเครือผู้จัดการอย่างเราเอาศักดิศรีอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ตน ก็อยากจะบอกว่าเราเอาศักดิศรีของสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในการปกป้องประโยชน์ของประทศชาติ ราชบัลลังก์ และสิทธิ์ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
การทำหน้าที่สื่อยืนหยัดเพื่อความถูกต้องของพวกเราได้ผ่านการพิสูจน์ทดสอบและเคี่ยวกรำมาแล้วในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การถูกปองร้ายการพยายามลอบสังหารอย่างอุกอาจจากผู้เสียประโยชน์หลายฝ่าย หากแต่บททดสอบของพลเอกประยุทธ์นั้นยังมิได้ผ่านการทดสอบเลยสักเรื่อง
ในเรื่องศักดิ์ศรีที่ พลเอก ประยุทธ์ ท่านถือนักถือหนานั้นอยากจะถามท่านกลับไปเหมือนกันว่าศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำกองทัพขอท่านอยู่ตรงไหน
-ในเรื่องชายแดนเขมก็ดังที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้ว
-ในเรื่องภาคใต้จนบัดเรือเหาะตรวจการที่่านเป็นผู้อนุมัติส่งซื้อก็ยังบินไม่ได้ซ้ำร้ายเกือบพานักข่าวไปตาย ยังไม่นับรวมถึงเรื่องประสิทธภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ทหารชั้นผู้น้อยต้องนำไปรักษาความสงบและปกป้องสวสดิภาพของตัวเอง
-ในเรื่องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา จนบัดนี้ทหารหาญที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการรักษาความสงบเรียบร้อยถูกอวุธสงครามและการประชาทัณฑ์จากม๊อบติดอาวุธที่เผาบ้านเผาเมืองก็ยังคงไม่ได้รับการเหลียวแล ซ้ำรายยังต้องตกเป็นจำเลยโดยที่ผู้บังคับบัญชาอย่าง พลเอก ประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ใส่ใจ ขณะที่คนร้ายเผาานเผาเมืองไก้รับกรชดเชยเยียวยาเป็นเงินถึงรายละ7ล้านกว่าบาท
-ในเรื่องการพิทักษ์สถาบันที่พล.เอก ประยุทธ์ พยายามสร้างภาพให้สัมภาษณ์ มื่อถึงคราวเรื่องกระทบถึงเบื้องสูงและสะเทือนใจคนไทยทั้งปะเทศอย่าง กรณีที่รัฐมีคำสั่งห้ามหน่วยงานต่างๆจุดพลุเฉลิมพระเกียรติวันที่5ธันวาฯเมื่อปีกลายก็เงียบเฉย หรือกรณีที่พลเอกชัยสิทธิ ชินวัตร แบบอ้างถ้วยพระราชทานมอบรางวัลให้นักมวยที่บ่อนมาเก๊าร่วมกับทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีก็นิ่งเฉย ปิดปากสนิท ดีแต่ปากดีกับสื่อมวลชนและปรชาชนที่ไม่มีอำนาจใดในมือ
-ในเรื่องการวางตัวก็เปลี่ยนภาพจากทหารของพระราทหารของประชนมาเป็ข้าราชการการเมืองเดินตามนักการเมืองต้อยๆ ให้คนเขาดูถูกและเป็นที่น่าอดสูแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ที่น่าอดสูที่สุดคือ พลเอก ประยุทธ์ กลับสำคัญตัวเองผิดว่าตนคือกองทัพและองทัพคือตนเอง การเอาแต่ตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ใส่ใจต่อนายทหารระดับปฏิบัติการนั้น เป็นที่รู้ดีกันั้งกองทัพ ถ้าไม่มัวต่หลงอยู่ในคำเยินยของทหารที่ใกล้ชิดแะนักการเมืองแล้วพลอก.ประยุทธ์ คงจะต้ออกแตกตายหากจะต้องเอกับโลกความเป็นจริว่าไม่เป็นที่ต้อนรบของทั้งทหารในระดัปฏิบัติการและทหารช้นผู้น้อย ไม่เป็นทีศรัทธาและโปรดปรานของประชาชนไม่ว่าจะเป็นสีใดกลุ่มใด แต่อาจกำลังขึ้นหม้อเป็นที่ถูกใจของใครบางคนที่อยู่ดูไบก็เป็นได้
ท้ายสุดนี้ เราขอฝากถึงท่าน ผบ.ทบ.ด้วยว่าถ้าคิดว่านเองดีกว่าใครรู้ทุเรื่องทำไมไม่เห็นจแก้ไขปัญหาได้สักเร่องในทางตรงข้ามมีแ่ความล้มเหลวที่สะทอนกลับมาอย่างเป็นรปธรรมในแทนที่ แล้วยงมาอวดเก่งอวดอำนาจาตรใหญ่ขู่คำรามแสดความเจ้ายศเจ้าอย่าผิดที่ผิดเวลาเสียอก
วันนี้เชื่อว่าไม่ต้องพูดไปเสียงจากสังคมคงจะดังสะท้อนอยู่ในใจทุกคนกันแล้วว่า ไอ้ผู้จัดการมันเขียนห่วย หรือไอ้ผบ.ทบ. ที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาคนนี้มันห่วยกันแน่!
เป็นเรื่องน่าสะทกสะท้อนใจยิ่งนักที่นายทหารผู้ยิ่งใหญ่อย่าง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบกเกิดอการเหวี่ยงวีนปรี๊ดแตกเจาะจงใส่สื่อมวลชนในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวทั้งหลายที่มีอาการสติแตกพาลคนรอบข้างเวลาฮอร์โมนพุ่งยามปวดท้องประจำเดือน
เมื่อนายทหารท่านนี้รับไม่ได้กับข้อเท็จจริงในการนำเสนอข่าวการปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ทบ.ของตนที่ล้มเหลวในทุกๆเรื่อง โดยไม่สามารถที่จะนำข้อเท็จจริงใดๆมาแสดงผลงานอันเป็นรูปธรรมให้สังคมไทยได้ประจักษ์
แทนที่จะเร่งจัดการจุดอ่อนในเรื่องต่างๆให้เข้ารูปเข้ารอยซึ่งประโยชน์ย่อมตกแก่ประเทศชาติเต็มๆ กลับเลือกที่จะบริภาคสื่อที่กล้าเป็นกระจกสะท้อนการทำงานซึ่งเป็นนิสัยเดิมๆที่ผบ.ทบ.คนนี้มักจะทำเป็นประจำคือขู่คำรามใส่สื่อเพียงแต่คราวนี้คงจะอัดอั้นมากถึงกับระบุชื่อ"ผู้จัดการ"ออกมาอย่างเฉพาะเจาะจงพร้อมด้วยคำนำหน้าว่า"ไอ้"
และน่าหวั่นใจแทนประเทศไทย ประชาชนคนไทย และ ทหารหาญของกองทัพไทยเข้าไปใหญ่ กับถ้อยแถลงและพฤติกรรมอันแสดงถึงทัศนคติอันคับแคบ ดูถูกดูแคลน ต่อกระบวนการพิทักษ์รักษาอธิปไตยชาติไทยของภาคประชาชน ราวกับว่าเป็นการคลั่งชาติอย่างไม่มีเหตุผล ไม่มีการศึกษาข้อกฏหมาย และ เป็นชนวนยั่วยุให้เกิดสงคราม ถึงกับประกาศจะเอาผิดกับทหารในกองทัพถ้ามีการพบว่าได้เข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าว ซึ่งพลเอก ประยุทธ์อ้างว่าผิดกฏหมายซึ่งก็ไม่รู้ว่ามีกฏหมายข้อไหนในรัฐธรรมนูญระบุเอาไว้ว่าห้ามประชาชนหรือทหารไทยทำการชุมนุมเพื่อรักษาอธิปไตยของไทยในทางตรงข้ามนี่ควรจะเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคนไม่ว่าจะเป็นทหารและพลเรือน
พลเอกประยุทธ์ประกาศออกมาว่าภาคประชาชนไม่ใช่รัฐบาลจึงไม่มีความจำเป็นต้องฟังข้อเรียกร้องและข้อเสนอแนะ และนั่นย่อมหมายรวมไปถึงข้อเสนอแนะจากสื่อมวลชนและนักวิชาการที่นำอาข้อเท็จจริง ข้อมูลเชิงลึก แผนที่เปรียบเทียบ หลักฐานเขตแดนและคำพิพากษาของศาลโลกข้อได้เปรียบเสียปรียบของการรักษาอธิปไตยมาตีแผ่ โดยเป็นข้อโต้แย้งที่แม้แต่รัฐบาลก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้
นั่นสะท้อนออกมาอยางชัดเจนว่าพลเอก ประยุทธ์มิได้เอาอธิปไตยของชาติเป็นใหญ่หากแต่พร้อมที่จะสนองภาคการเมืองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ของนักการเมืองพรรคการเมืองและกลุ่มทุนเหนืออธิปไตยของชาติเพียงอย่างเดียว
แน่นอนการรักชาติไม่สามารถผูกขาดไว้คนเดียวได้ แต่วิธีรักชาติของ ผบ.ทบ.ท่านนี้ดังที่ยกมาได้สร้างความน่ากังขากับสังคมไทยยิ่งนัก โดยได้อ้างกรณีการวางยุทธศาสตร์รอบเขาพระวิหารที่ผ่านมาว่าได้ขยับปรับกำลังเพื่อให้สองประเทศ กล่าวคือไทยและกัมพูชาปลอดภัยไม่ได้มารุกรานต่อกัน
ข้อกล่าวอ้างนี้ตรงกันข้ามกับความจริงที่คนระดับ ผบ.ทบ. อย่าง พลเอก ประยุทธ์ ผู้เคยผ่านกองกำลังบูรพาที่ดูแลชายแดนฝังตะวันออกไทย-เขมร น่าจะรู้ดีกว่าใครว่ า ไทยเราได้เสียส่วนบนของเขาพระวิหารให้แก่เขมรตามคำตัดสินศาลโลก เราไม่เคยล้ำแดนเข้าไปสร้างสิ่งปลูกสร้างหรือตั้งกำลังทหารในแดนเขมรหากแต่เขมรเป็นฝ่ายล้ำแดนเข้ามาตลอดเวลาซ้ำร้ายเขมรยังเปิดฉากยิงโจมตีทหารและพลเรือนไทยก่อนขณะที่ทางไทยได้รับคำสั่งให้ตอบโต้นัดต่อนัดเท่านั้น
วันนี้ชาวบ้านที่ภูมิซรอลทุกคนพร้อมลุกขึ้นสู้ พร้อมตายในแผ่นดินที่เกิดที่เติบโตที่เก็บเกี่ยวไม่หลีกลี้หนีหน้าไปไหน พากันขุดบังเกอร์รักษาที่มั่นและต้องการการสนับสนุนจากภาคประชาชนทั้งประเทศและโดยเฉพาะอย่างยิ่งกำลังทหารเพื่อความอุ่นใจความปลอดภัยในทรัพย์สินและสวัสดิภาพ แต่การเข้าไปตรวจพื้นที่ของพล.เอก ประยุทธ์ กลับทำราวกับว่าคนไทยเหล่านี้คืออริราชศัตรูฝั่งตรงข้าม
ทั้งนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดสงคราม แต่ในเรื่องอธิปไตยของชาติก็เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้แต่ในประเทศเพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียงทีมีกรณีพิพาทอย่างจีนกับญี่ปุ่น จีนกับเวียตนามและฟิลิปปินส์ หรือไกลข้ามมหาสมุทรอย่างอังกฤษและอาร์เจนติน่า ทั้งภาคการเมือง ทหารและประชาชนล้วนเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกันคือรักษาอธิปไตยของชาติตน มีแต่ประเทศไทยประเทศเดียวที่ภาคประชาชนถูกทิ้งให้ปกป้องชาติตามลำพัง ภาคการเมืองพากันลอยตัวและกลับเอนเอียงไปฝั่งเขมร ในขณะที่ทหารไทยล้วนแต่รู้สึกอึดอัดแต่ไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อมีแม่ทัพอย่าง ผบ.ทบ. ท่านนี้
ดังนั้นเมื่อ พลเอก ปรยุทธ์ ถามว่าสื่อมวลชนในเครือผู้จัดการอย่างเราเอาศักดิศรีอะไรมาวิพากษ์วิจารณ์ตน ก็อยากจะบอกว่าเราเอาศักดิศรีของสื่อมวลชนที่ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาในการปกป้องประโยชน์ของประทศชาติ ราชบัลลังก์ และสิทธิ์ของประชาชนคนไทยทั้งประเทศ
การทำหน้าที่สื่อยืนหยัดเพื่อความถูกต้องของพวกเราได้ผ่านการพิสูจน์ทดสอบและเคี่ยวกรำมาแล้วในทุกรูปแบบ ไม่เว้นแม้แต่การถูกปองร้ายการพยายามลอบสังหารอย่างอุกอาจจากผู้เสียประโยชน์หลายฝ่าย หากแต่บททดสอบของพลเอกประยุทธ์นั้นยังมิได้ผ่านการทดสอบเลยสักเรื่อง
ในเรื่องศักดิ์ศรีที่ พลเอก ประยุทธ์ ท่านถือนักถือหนานั้นอยากจะถามท่านกลับไปเหมือนกันว่าศักดิ์ศรีความเป็นผู้นำกองทัพขอท่านอยู่ตรงไหน
-ในเรื่องชายแดนเขมก็ดังที่ได้กล่าวข้างต้นไปแล้ว
-ในเรื่องภาคใต้จนบัดเรือเหาะตรวจการที่่านเป็นผู้อนุมัติส่งซื้อก็ยังบินไม่ได้ซ้ำร้ายเกือบพานักข่าวไปตาย ยังไม่นับรวมถึงเรื่องประสิทธภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆที่ทหารชั้นผู้น้อยต้องนำไปรักษาความสงบและปกป้องสวสดิภาพของตัวเอง
-ในเรื่องความเป็นธรรมให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา จนบัดนี้ทหารหาญที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจากการรักษาความสงบเรียบร้อยถูกอวุธสงครามและการประชาทัณฑ์จากม๊อบติดอาวุธที่เผาบ้านเผาเมืองก็ยังคงไม่ได้รับการเหลียวแล ซ้ำรายยังต้องตกเป็นจำเลยโดยที่ผู้บังคับบัญชาอย่าง พลเอก ประยุทธ์ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ใส่ใจ ขณะที่คนร้ายเผาานเผาเมืองไก้รับกรชดเชยเยียวยาเป็นเงินถึงรายละ7ล้านกว่าบาท
-ในเรื่องการพิทักษ์สถาบันที่พล.เอก ประยุทธ์ พยายามสร้างภาพให้สัมภาษณ์ มื่อถึงคราวเรื่องกระทบถึงเบื้องสูงและสะเทือนใจคนไทยทั้งปะเทศอย่าง กรณีที่รัฐมีคำสั่งห้ามหน่วยงานต่างๆจุดพลุเฉลิมพระเกียรติวันที่5ธันวาฯเมื่อปีกลายก็เงียบเฉย หรือกรณีที่พลเอกชัยสิทธิ ชินวัตร แบบอ้างถ้วยพระราชทานมอบรางวัลให้นักมวยที่บ่อนมาเก๊าร่วมกับทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีก็นิ่งเฉย ปิดปากสนิท ดีแต่ปากดีกับสื่อมวลชนและปรชาชนที่ไม่มีอำนาจใดในมือ
-ในเรื่องการวางตัวก็เปลี่ยนภาพจากทหารของพระราทหารของประชนมาเป็ข้าราชการการเมืองเดินตามนักการเมืองต้อยๆ ให้คนเขาดูถูกและเป็นที่น่าอดสูแก่ผู้ใต้บังคับบัญชา
ที่น่าอดสูที่สุดคือ พลเอก ประยุทธ์ กลับสำคัญตัวเองผิดว่าตนคือกองทัพและองทัพคือตนเอง การเอาแต่ตนเองเป็นที่ตั้งโดยไม่ใส่ใจต่อนายทหารระดับปฏิบัติการนั้น เป็นที่รู้ดีกันั้งกองทัพ ถ้าไม่มัวต่หลงอยู่ในคำเยินยของทหารที่ใกล้ชิดแะนักการเมืองแล้วพลอก.ประยุทธ์ คงจะต้ออกแตกตายหากจะต้องเอกับโลกความเป็นจริว่าไม่เป็นที่ต้อนรบของทั้งทหารในระดัปฏิบัติการและทหารช้นผู้น้อย ไม่เป็นทีศรัทธาและโปรดปรานของประชาชนไม่ว่าจะเป็นสีใดกลุ่มใด แต่อาจกำลังขึ้นหม้อเป็นที่ถูกใจของใครบางคนที่อยู่ดูไบก็เป็นได้
ท้ายสุดนี้ เราขอฝากถึงท่าน ผบ.ทบ.ด้วยว่าถ้าคิดว่านเองดีกว่าใครรู้ทุเรื่องทำไมไม่เห็นจแก้ไขปัญหาได้สักเร่องในทางตรงข้ามมีแ่ความล้มเหลวที่สะทอนกลับมาอย่างเป็นรปธรรมในแทนที่ แล้วยงมาอวดเก่งอวดอำนาจาตรใหญ่ขู่คำรามแสดความเจ้ายศเจ้าอย่าผิดที่ผิดเวลาเสียอก
วันนี้เชื่อว่าไม่ต้องพูดไปเสียงจากสังคมคงจะดังสะท้อนอยู่ในใจทุกคนกันแล้วว่า ไอ้ผู้จัดการมันเขียนห่วย หรือไอ้ผบ.ทบ. ที่ชื่อประยุทธ์ จันทร์โอชาคนนี้มันห่วยกันแน่!