รอยเตอร์/เอเจนซีส์ – พ่อนักศึกษาสาวอินเดียที่ตกเป็นเหยื่อแก๊งรุมโทรมบนรถเมล์ซึ่งจุดชนวนการต่อต้านและการประนามจากทั่วโลก ระบุต้องการให้เปิดเผยชื่อลูกสาวเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้หญิงอื่นๆ ที่เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันให้บังเกิดความกล้าหาญ ขณะที่มีรายงานว่า จำเลยทั้ง 5 จะปรากฏตัวในศาลวันจันทร์นี้ (7)
นักศึกษากายภาพบำบัดวัย 23 ปีผู้นี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 เดือนที่แล้วที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ หรือสองสัปดาห์หลังจากถูกรุมขืนใจและถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมบนรถประจำทางในกรุงนิวเดลี ซึ่งก่อกระแสการประท้วงทั่วอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งบีบให้ทางการแดนภารตะต้องให้สัญญาว่า จะลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสม
“เราต้องการให้โลกรู้ชื่อของเธอ ลูกสาวผมไม่ได้ทำผิดอะไร เธอตายขณะป้องกันตัวเอง ผมภูมิใจในตัวเธอ การเปิดเผยชื่อของเธอจะทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายแบบนี้ได้รับรู้และมีความกล้าหาญเช่นเดียวกับลูกสาวของผม” พ่อของนักศึกษาผู้นี้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซันเดย์ พีเพิล ของอังกฤษฉบับวันอาทิตย์ (6)
ทั้งนี้ อินเดียมีกฎหมายห้ามการเปิดเผยชื่อหรือภาพของผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและป้องกันไม่ให้เหยื่อตกเป็นเป้าของสื่อในแดนภารตะที่มลทินทางสังคมจากการถูกข่มขืนอาจส่งผลเลวร้ายอย่างมากมาย
เวลาต่อมา พ่อของนักศึกษาผู้นี้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์อีกว่า ไม่คัดค้านหากสื่อจะเปิดเผยชื่อลูกสาว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้
ในอินเดียตอนนี้กำลังมีกระแสเรียกร้องให้เปิดเผยชื่อนักศึกษาผู้นี้ และสัปดาห์ที่แล้วนักการเมืองคนหนึ่งได้ตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียในการปิดบังชื่อเหยื่อ รวมทั้งเสนอให้ใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อกฎหมายต่อต้านการข่มขืนฉบับใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อของเธอ
ซันเดย์ พีเพิล ได้เผยชื่อของนักศึกษาและบิดาหลังจากได้รับอนุญาตจากพ่อของเธอ โดยระบุว่าเธอชื่อ ชโยติ สิงห์ ปันเดย์ แต่ยืนยันไม่เผยแพร่ภาพของเธอเนื่องจากครอบครัวของเธอขอร้อง
ขณะที่รอยเตอร์แม้รายงานข่าวของซันเดย์ พีเพิล แต่ก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยชื่อของเหยื่อ พร้อมกับบอกว่าพวกผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ได้ไปปรึกษาหารือ ได้ให้ความเห็นว่า สถานการณ์คงจะคลี่คลายไปในทางที่สื่อต่างประเทศพากันระบุชื่อของเธอ ขณะที่สื่ออินเดียซึ่งยังกลัวถูกตำรวจฟ้องร้องดำเนินคดี เลือกที่จะปิดชื่อของเธอต่อไป
ทั้งนี้ตำรวจอินเดียได้อ้างอิงกฎหมายห้ามฉบับดังกล่าว เพื่อเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเล่นงานเครือข่ายโทรทัศน์ ซี นิวส์ ที่แพร่ภาพบทสัมภาษณ์เพื่อนชายซึ่งถูกทำร้ายพร้อมๆ กับเหยื่อ โดยเขากล่าวหาตำรวจว่า ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างล่าช้า และไม่ยอมหาผ้าคลุมร่างตนและเหยื่อที่ถูกโยนออกจากรถในสภาพเปลือยเปล่าและโชกเลือด
สำหรับชาย 5 คนที่ถูกกล่าวหารุมโทรมและฆาตกรรมนักศึกษาผู้นี้จะขึ้นศาลนิวเดลีในวันจันทร์ (7)
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกกดดันอย่างหนักจากสังคมให้เร่งรัดดำเนินการ แต่ ราจีฟ โมฮาน อัยการในคดีนี้ระบุว่า อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเริ่มต้นการไต่สวนจำเลยทั้ง 5 อย่างเป็นทางการ และอาจสรุปคดีได้ภายใน 4-5 เดือน อีกทั้งต้องแยกผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังเป็นเยาวชนไปพิจารณาคดีต่างหาก
การประท้วงและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของสาธารณชนหลังจากเกิดเหตุในวันที่ 16 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนความแตกแยกรุนแรงระหว่างชาวอินเดียกลุ่มอนุรักษนิยมที่กล่าวหาว่า อาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นจากการที่ค่านิยมดั้งเดิมเสื่อมโทรมลงไป กับพวกชนชั้นกลางรุ่นใหม่หัวเสรีนิยมมากกว่าซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกทีและเป็นพวกที่คุ้นเคยกับสภาวะที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในสังคม
วันศุกร์ที่ผ่านมา (4) โมฮาน ภัควัต ผู้นำกลุ่มชาตินิยมฮินดูที่มีสายสัมพันธ์กับพรรค ภารติยะ ชนตะ พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้จุดกระแสการวิจารณ์ด้วยการกล่าวว่า อาชญากรรมทางเพศและแก๊งข่มขืนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตัวเมือง --อันเป็นคำกล่าวที่ไม่ตรงกับความจริง
แม้สถิติการข่มขืนต่อจำนวนประชากรแต่ละคนของแดนภารตะ ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าอีกหลายประเทศ กระนั้นก็มีจำนวนสูงมาก โดยมีรายงานเหตุข่มขืนในอินเดียทุกๆ 20 นาที นอกจากนี้ผลสำรวจทั่วโลกโดย ทรัสต์ลอว์ บริการข่าวสารด้านกฎหมายที่ดำเนินการโดยมูลนิธิธอมป์สัน รอยเตอร์ ที่เผยแพร่ออกมาปีที่แล้วยังระบุว่า ในบรรดาประเทศกลุ่มจี-20 ด้วยกัน อินเดียเป็นสถานที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้หญิง
พวกนักเคลื่อนไหวระบุว่า เหยื่ออาชญากรรมทางเพศส่วนใหญ่ในอินเดียไม่ได้ไปแจ้งความ ขณะที่ข้อมูลของทางการก็แสดงให้เห็นว่า ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ไม่ได้รับโทษ และกรณีการข่มขืนที่มีการรายงานเพิ่มขึ้นเกือบ 17% ในระหว่างปี 2007-2011
นักศึกษากายภาพบำบัดวัย 23 ปีผู้นี้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 28 เดือนที่แล้วที่โรงพยาบาลในสิงคโปร์ หรือสองสัปดาห์หลังจากถูกรุมขืนใจและถูกทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมบนรถประจำทางในกรุงนิวเดลี ซึ่งก่อกระแสการประท้วงทั่วอินเดียและประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งบีบให้ทางการแดนภารตะต้องให้สัญญาว่า จะลงโทษผู้กระทำผิดอย่างสาสม
“เราต้องการให้โลกรู้ชื่อของเธอ ลูกสาวผมไม่ได้ทำผิดอะไร เธอตายขณะป้องกันตัวเอง ผมภูมิใจในตัวเธอ การเปิดเผยชื่อของเธอจะทำให้ผู้หญิงคนอื่นๆ ที่รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายแบบนี้ได้รับรู้และมีความกล้าหาญเช่นเดียวกับลูกสาวของผม” พ่อของนักศึกษาผู้นี้กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซันเดย์ พีเพิล ของอังกฤษฉบับวันอาทิตย์ (6)
ทั้งนี้ อินเดียมีกฎหมายห้ามการเปิดเผยชื่อหรือภาพของผู้ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรมทางเพศ เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและป้องกันไม่ให้เหยื่อตกเป็นเป้าของสื่อในแดนภารตะที่มลทินทางสังคมจากการถูกข่มขืนอาจส่งผลเลวร้ายอย่างมากมาย
เวลาต่อมา พ่อของนักศึกษาผู้นี้กล่าวกับสำนักข่าวรอยเตอร์อีกว่า ไม่คัดค้านหากสื่อจะเปิดเผยชื่อลูกสาว แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดมากไปกว่านี้
ในอินเดียตอนนี้กำลังมีกระแสเรียกร้องให้เปิดเผยชื่อนักศึกษาผู้นี้ และสัปดาห์ที่แล้วนักการเมืองคนหนึ่งได้ตั้งคำถามถึงข้อดีข้อเสียในการปิดบังชื่อเหยื่อ รวมทั้งเสนอให้ใช้ชื่อของเธอเป็นชื่อกฎหมายต่อต้านการข่มขืนฉบับใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้รับการสนับสนุนจากพ่อของเธอ
ซันเดย์ พีเพิล ได้เผยชื่อของนักศึกษาและบิดาหลังจากได้รับอนุญาตจากพ่อของเธอ โดยระบุว่าเธอชื่อ ชโยติ สิงห์ ปันเดย์ แต่ยืนยันไม่เผยแพร่ภาพของเธอเนื่องจากครอบครัวของเธอขอร้อง
ขณะที่รอยเตอร์แม้รายงานข่าวของซันเดย์ พีเพิล แต่ก็เลือกที่จะไม่เปิดเผยชื่อของเหยื่อ พร้อมกับบอกว่าพวกผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายที่ได้ไปปรึกษาหารือ ได้ให้ความเห็นว่า สถานการณ์คงจะคลี่คลายไปในทางที่สื่อต่างประเทศพากันระบุชื่อของเธอ ขณะที่สื่ออินเดียซึ่งยังกลัวถูกตำรวจฟ้องร้องดำเนินคดี เลือกที่จะปิดชื่อของเธอต่อไป
ทั้งนี้ตำรวจอินเดียได้อ้างอิงกฎหมายห้ามฉบับดังกล่าว เพื่อเริ่มกระบวนการทางกฎหมายเล่นงานเครือข่ายโทรทัศน์ ซี นิวส์ ที่แพร่ภาพบทสัมภาษณ์เพื่อนชายซึ่งถูกทำร้ายพร้อมๆ กับเหยื่อ โดยเขากล่าวหาตำรวจว่า ตอบสนองต่อเหตุการณ์อย่างล่าช้า และไม่ยอมหาผ้าคลุมร่างตนและเหยื่อที่ถูกโยนออกจากรถในสภาพเปลือยเปล่าและโชกเลือด
สำหรับชาย 5 คนที่ถูกกล่าวหารุมโทรมและฆาตกรรมนักศึกษาผู้นี้จะขึ้นศาลนิวเดลีในวันจันทร์ (7)
อย่างไรก็ตาม แม้ถูกกดดันอย่างหนักจากสังคมให้เร่งรัดดำเนินการ แต่ ราจีฟ โมฮาน อัยการในคดีนี้ระบุว่า อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์จึงจะเริ่มต้นการไต่สวนจำเลยทั้ง 5 อย่างเป็นทางการ และอาจสรุปคดีได้ภายใน 4-5 เดือน อีกทั้งต้องแยกผู้ต้องหาอีก 1 คนที่ยังเป็นเยาวชนไปพิจารณาคดีต่างหาก
การประท้วงและการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงของสาธารณชนหลังจากเกิดเหตุในวันที่ 16 เดือนที่ผ่านมา สะท้อนความแตกแยกรุนแรงระหว่างชาวอินเดียกลุ่มอนุรักษนิยมที่กล่าวหาว่า อาชญากรรมทางเพศเกิดขึ้นจากการที่ค่านิยมดั้งเดิมเสื่อมโทรมลงไป กับพวกชนชั้นกลางรุ่นใหม่หัวเสรีนิยมมากกว่าซึ่งกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกทีและเป็นพวกที่คุ้นเคยกับสภาวะที่ผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นในสังคม
วันศุกร์ที่ผ่านมา (4) โมฮาน ภัควัต ผู้นำกลุ่มชาตินิยมฮินดูที่มีสายสัมพันธ์กับพรรค ภารติยะ ชนตะ พรรคฝ่ายค้านใหญ่ที่สุดของประเทศ ได้จุดกระแสการวิจารณ์ด้วยการกล่าวว่า อาชญากรรมทางเพศและแก๊งข่มขืนส่วนใหญ่เกิดขึ้นในตัวเมือง --อันเป็นคำกล่าวที่ไม่ตรงกับความจริง
แม้สถิติการข่มขืนต่อจำนวนประชากรแต่ละคนของแดนภารตะ ยังอยู่ในระดับต่ำกว่าอีกหลายประเทศ กระนั้นก็มีจำนวนสูงมาก โดยมีรายงานเหตุข่มขืนในอินเดียทุกๆ 20 นาที นอกจากนี้ผลสำรวจทั่วโลกโดย ทรัสต์ลอว์ บริการข่าวสารด้านกฎหมายที่ดำเนินการโดยมูลนิธิธอมป์สัน รอยเตอร์ ที่เผยแพร่ออกมาปีที่แล้วยังระบุว่า ในบรรดาประเทศกลุ่มจี-20 ด้วยกัน อินเดียเป็นสถานที่เลวร้ายที่สุดสำหรับผู้หญิง
พวกนักเคลื่อนไหวระบุว่า เหยื่ออาชญากรรมทางเพศส่วนใหญ่ในอินเดียไม่ได้ไปแจ้งความ ขณะที่ข้อมูลของทางการก็แสดงให้เห็นว่า ผู้กระทำผิดส่วนใหญ่ไม่ได้รับโทษ และกรณีการข่มขืนที่มีการรายงานเพิ่มขึ้นเกือบ 17% ในระหว่างปี 2007-2011
