xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ถอดยศ-พระวิหาร-บีทีเอส "มาร์ค-แมลงสาบ" โคม่า

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - เริ่มต้นศักราชใหม่ ดูเหมือนว่า เจ้าของฉายา พรรคแมลงสาบ อย่างพรรคประชาธิปัตย์ที่มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรคจะเจอวิบากกรรมถาโถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง และแต่ละเรื่องก็ล้วนแล้วแต่หนักหนาสาหัสทั้งสิ้น
 
เรื่องแรกที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์แทงข้างหลังทะลุถึงหัวใจเห็นจะหนีไม่พ้นกรณีคดีปราสาทพระวิหารที่จะเห็นดำเห็นแดงกันใน พ.ศ.นี้ที่ อ้ายปึ้ง-สุรพงษ์ โตวิจักขณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจัดให้ ด้วยการชี้เป้าชัดเจนว่า ถ้าหากไทยแพ้ คนที่ทำให้แพ้ก็คือ พรรคประชาธิปัตย์ และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
 
กรณีนี้พรรคประชาธิปัตย์และนายอภิสิทธิ์ไม่อาจปฏิเสธความรับผิดชอบได้ ถ้าหากราชอาณาจักรไทยต้องเสียดินแดนเป็นครั้งที่ 15 เพราะปรากฏหลักฐานมัดเอาไว้อย่างแน่นหนา (อ่านรายละเอียดในหน้า 4 ) แม้อีกหนึ่งจำเลยที่สมควรต้องตราหน้าและบันทึกเอาไว้ไม่แพ้กันก็คือ นช.ทักษิณ ชินวัตรและวงศ์วานว่านเครือ ตลอดรวมถึงข้าทาสบริวารที่มีส่วนสำคัญอันทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น
 
สำหรับกรณีที่สองเพิ่งเกิดสดๆ ร้อนๆ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2556 ที่ผ่านมา เมื่อคู่ปรับและคู่แค้นอย่าง บิ๊กโอ๋-พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ลงนามในคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1/2556 เรื่องเพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหมถอดยศ ว่าที่ร้อยตรี ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะฉลองปีมะเส็งท่ามกลางความยินดีปรีดาของคนเสื้อแดงที่ตีอกชกตัวด้วยความชอบอกชอบใจ
 
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวมีรายละเอียดดังต่อไปนี้....
“โดยที่ปรากฏข้อเท็จจริงและพยานเป็นที่ยุติว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. 2530 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้สมัครเข้ารับราชการในโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โดยเป็นผู้ที่ขาดคุณสมบัติบรรจุเข้ารับราชการเป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร หรือเป็นนายทหารสัญญาบัตร ตามกฎ ข้อบังคับ ระเบียบ ประกาศ และคำสั่งของกระทรวงกลาโหม และของกองทัพบก อันมีมูลเหตุมาจากนายอภิสิทธิ์ อายุ 23 ปี เป็นบุคคลที่ไม่ผ่านการรับราชการทหารกองประจำการ ไม่ผ่าน (ขาด) การตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ากองประจำการ โดยไม่ได้รับการผ่อนผันตามกฎหมาย ไม่มีเอกสารใบสำคัญทางทหาร หรือเอกสารการผ่อนผันที่ถูกต้องตามกฎหมายประกอบการบรรจุและแต่งตั้งเป็นนายทหารสัญญาบัตร ได้ปกปิดข้อความอันเป็นจริง ซึ่งอันควรบอกให้แจ้ง และให้ข้อความไม่ถูกต้องในสาระสำคัญ หลอกลวงให้เจ้าหน้าที่ผิดหลงว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วน และมีเอกสารใบสำคัญทางทหารที่ถูกต้องในการบรรจุ

“คณะกรรมการพิจารณาดำเนินการกรณีการบรรจุเข้ารับราชการขึ้นทะเบียนกองประจำการ และการแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ ตามคำสั่ง กห.(เฉพาะ) ที่ 444/55 ลง 8 ต.ค. 55 เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการ กรณีการบรรจุเข้ารับราชการ การขึ้นทะเบียนกองประจำการและการแต่งตั้งยศทหารของ ร.ต.อภิสิทธิ์ ได้พิจารณาข้อเท็จจริงอันเป็นที่ยุติแล้ว และได้ใช้ดุลยพินิจพิเคราะห์ถึงมูลเหตุ เจตนา ผลแห่งการกระทำ ข้อกฎหมาย กฎ ระเบียบ ประกาศและคำสั่งที่เกี่ยวข้อง รวมถึงแบบธรรมเนียมทหารแล้วเห็นว่า คำสั่งในการบรรจุนายอภิสิทธิ์เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร และคำสั่งให้แต่งตั้งนายอภิสิทธิ์ ข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตรเป็นนายทหารสัญญาบัตรมียศ ว่าที่ ร.ต.เป็นคำสั่งที่ออกด้วยความผิดหลง และมีที่มาจากความไม่สุจริต จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เป็นคำสั่งที่ยังคงมีผลบังคับให้ผู้เกี่ยวข้องจำต้องปฏิบัติตามต่อไป อีกทั้งสิทธิและหน้าที่ประโยชน์ที่ได้รับจากคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้นยังคงมีอยู่ต่อไปถึงปัจจุบันและในอนาคต ทำให้รัฐและราชการของกระทรวงกลาโหมเสียหาย จึงมีความจำเป็นและมีเหตุผลอันสมควรให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าวนั้น และ รมว.กลาโหมได้รับทราบรายงานของคณะกรรมการฯ ดังกล่าว และได้พิจารณาใช้ดุลยพินิจอันควรภายใต้อำนาจหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว เห็นชอบกับความเห็นและข้อเสนอของคณะกรรมการฯของ กห.

“อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ประกอบกับมาตรา 7 แห่ง พ.ร.บ.ยศทหาร พ.ศ. 2479 และข้อบังคับ กห.ว่าด้วยการบรรจุ ปลด ย้าย เลื่อนและลดตำแหน่งข้าราชการกลาโหม พ.ศ. 2502 หมวด 1 ข้อ 4 (2) จึงให้เพิกถอนคำสั่งดังต่อไปนี้ 1. คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 720/30 ลง 7 ส.ค. 30 เรื่อง บรรจุบุคคลเข้ารับราชการเฉพาะในรายหมายเลข 1 นายอภิสิทธิ์ หมายเลขประจำตัว 6302030807 คุณวุฒิ Bachelor of Arts (Philosophy, Politics, and Economics) แห่ง University of Oxford ประเทศอังกฤษ เป็นข้าราชการกลาโหมพลเรือนชั้นสัญญาบัตร ตำแหน่ง รร.อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. (ชกท.2701) (อัตรา พ.ต.) รับเงินเดือน ระดับ น.1 ชั้น 3 (2,765 บาท) นอกนั้นคงเดิม และ 2. คำสั่งกระทรวงกลาโหม ที่ 339/31 ลง 26 เม.ย. 31 เรื่องแต่งตั้งข้าราชการกลาโหมพลเรือนเป็นนายทหารสัญญาบัตร เฉพาะในรายหมายเลข 1 ว่าที่ ร.ต.อภิสิทธิ์ หมายเลขประจำตัว 6302030807 รรก.อจ.ส่วนการศึกษา รร.จปร. (เหล่า สบ.) นอกนั้นคงเดิม”

แหล่งข่าวระดับสูงกระทรวงกลาโหมระบุว่า กระทรวงกลาโหมได้ส่งจดหมายเรื่องเพิกถอนคำสั่งกระทรวงกลาโหมไปยังบ้านของนายอภิสิทธิ์แล้ว เพื่อให้เข้ารับทราบ ทั้งนี้ ภายหลังการเพิกถอนคำสั่งบรรจุฯ สถานภาพวันนี้นายอภิสิทธิ์ไม่ได้เป็นทหารแล้ว ส่วนจะสามารถใช้ว่าที่ ร.ต. หรือ ร.ต.ต้องมีการตีความต่อไปซึ่งทางกระทรวงกลาโหมได้ดำเนินการยกเลิกการแต่งตั้งไปแล้ว แต่เนื่องจากเป็นยศพระราชทานทางกระทรวงกลาโหมจะต้องทำเรื่องอีกครั้งเพื่อขอถอดถอนยศพระราชทาน โดยต้องใช้เวลา 1-2 เดือนในการดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
 
นี่ไม่นับรวมถึงสมาชิกพรรคแมลงสาบที่โดนเล่นงานแบบสะบักสะบอมไม่แพ้กันอย่าง คุณชายสุขุมพันธุ์ บริพัตร เพราะทันทีที่พรรคประชาธิปัตย์ประกาศส่งคุณชายหมูลงชิงชัยผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) เป็นสมัยที่ 2 หลังจากเล่นเกมการเมืองกันอยู่พักใหญ่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษก็เล่นบทโหดด้วยการแจ้งข้อกล่าวหาผู้บริหารกรุงเทพมหานครและผู้เกี่ยวข้องจำนวน 9 คน ได้แก่ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าฯ กทม., นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ อดีตปลัด กทม., นางนินนาท ชลิตานนท์ อดีตรองปลัด กทม. ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งปลัด กทม., นายธนา วิชัยสาร ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กทม. นายประพันธ์พงศ์ เวชชาชีวะ ประธานกรรมการบริษัท กรุงเทธนาคม จำกัด,นายอมร กิจเชวงกุล กรรมการผู้อำนวยการบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด,นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน),นายสุรพงศ์ เลาหะอัญญา กรรมการและผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) และอีก 2 องค์กรคือบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด และผู้บริหาร บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอส รวม 11 คน ในข้อหาร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 59, 83, 84 และ 86 ซึ่งกรณีนี้ผลจากการที่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร และผู้บริหาร บริษัท กรุงเทพธนาคมฯ ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศของคณะปฏิวัติ ทำให้สัญญาให้บริการเดินรถรวมถึงสัญญาอื่นที่เกี่ยวข้องเป็นนิติกรรมที่มีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดเจน โดยกฎหมายก็ถือว่าตกเป็นโมฆะ

นอกจากนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการพิจารณาแล้วเห็นว่า รมว.มหาดไทยเป็นผู้ที่มีอำนาจ และมีหน้าที่ควบคุมดูแลการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร ซึ่งหาก รมว.มหาดไทยเห็นว่าการปฏิบัติใดๆ ของผู้ว่าฯ กทม.ขัดต่อกฎหมายหรือว่าเป็นไปในทางทำให้เกิดการเสียประโยชน์ของกรุงเทพมหานคร รมว.มหาดไทยสามารถยับยั้งหรือสั่งการตามที่เห็นสมควรได้ กรมสอบสวนคดีพิเศษจึงมีหนังสือไปถึง รมว.มหาดไทย โดยให้มีการพิจารณาถึงการปฏิบัติราชการของกรุงเทพมหานคร หากว่าเป็นไปไม่ชอบโดยกฎหมาย กระทรวงมหาดไทยในฐานะผู้มีส่วนได้เสียอาจจำเป็นต้องดำเนินการยกความเสียเปล่าแห่งความเป็นโมฆะของสัญญาขึ้นกล่าวอ้างได้ ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นัดหมายให้ผู้ต้องหาทั้ง 11 คน มาพบพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ในวันที่ 9 ม.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00-15.00 น.
 
งานนี้เล่นเอา ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์เต้นเป็นเจ้าเข้าเลยทีเดียว เพราะเป็นการเตะตัดขาในศึกเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ที่กำลังจะมาถึงอย่างจังเบอร์
 
ไหนจะอดีตเลขาธิการพรรคผู้ยิ่งใหญ่อย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณที่จะต้องโดนเล่นงานร่วมกับนายอภิสิทธิ์ในคดีแดงเผาบ้านเผาเมือง และคดีเขาแพงที่ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน-แทน เทือกสุบรรณ แหย่ขาเข้าตะรางไปแล้วข้างหนึ่งจากฝีมือของ “นายธาริต เพ็งดิษฐ” อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เจ้าเก่าที่เปลี่ยนสีไปยืนอยู่ฝั่งตรงกันข้ามทั้งตัวและหัวใจ

ดังนั้น คงไม่เกินเลยไปนัก ถ้าจะกล่าวว่า ปี 2556 ปีนี้ พรรคประชาธิปัตย์จะต้องเผชิญกับชะตากรรมอันเลวร้ายระลอกแล้วระลอกเล่าอย่างไม่รู้จักจบสิ้น



กำลังโหลดความคิดเห็น