xs
xsm
sm
md
lg

การแก้รัฐธรรมนูญในฐานะเครื่องมือทางการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ในช่วงปลายปีที่แล้วเครือข่ายทักษิณได้หยิบยกประเด็นการแก้ไขรัฐธรมนูญขึ้นมาสร้างกระแสทางการเมือง ปลายปีนี้ปรากฏการณ์เดิมก็เกิดซ้ำขึ้นมาอีก ปรากฏการณ์ที่เกิดซ้ำย่อมมีแบบแผนเชิงสาเหตุที่เหมือนกัน สาเหตุหลักของปรากฏการณ์ทางสังคมมีรากฐานจากความปรารถนาของมนุษย์ ผ่านกระบวนการปฏิสัมพันธ์เชิงเครือข่าย ก่อรูปเป็นโครงสร้างความคิดและการกระทำที่เชื่อมโยงกันเพื่อขับเคลื่อนให้บรรลุเป้าประสงค์

ในหลายโอกาสมนุษย์ได้สร้างกลไก กระบวนการ และการกระทำให้มีความซับซ้อน เพื่อใช้ปกปิดความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง บุคคลที่กระทำการปกปิดความปรารถนาของตนเอง เพราะเขาทราบดีว่าความปรารถนาของเขานั้นเป็นสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ของสังคม และอาจขัดแย้งหรือทำลาย บรรทัดฐานสังคม วัฒนธรรม กฎหมาย ความยุติธรรม และคุณธรรม ดังนั้นหากให้ผู้อื่นทราบความปรารถนาที่แท้จริงของเขา การกระทำตามความปรารถนาของเขาอาจถูกขัดขวางจากผู้อื่น จนทำให้ไม่บรรลุตามวัตถุประสงค์ได้

ความปรารถนาของผู้ใดที่นำไปปฏิบัติแล้วมีผลกระทบทางลบต่อหลักการที่สำคัญของสังคม ต่อชีวิตของผู้คน ต่อสิ่งแวดล้อม ก็ย่อมมีโอกาสถูกต่อต้านจากผู้คนในสังคมนั้นมาก การสร้างเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนเพื่อปกปิดความปรารถนาของตนเองจึงเป็นกลยุทธที่บุคคลซึ่งมากด้วยเล่ห์เหลี่ยมนิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย

ปีที่แล้วรัฐบาลยิ่งลักษณ์ประสบความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิงในการบริหารจัดการมหาอุทกภัย ทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ร่วมสมัยของสังคมไทย โดยเป็นอุทกภัยที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุด และทรัพย์สินเสียหายมากที่สุด รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสังคมอย่างหนักหน่วงเรื่องความสามารถในการบริหารประเทศ ประกอบกับในปลายปีนั้น ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับฉายาจากผู้สื่อข่าวว่า เป็นนายกฯนกแก้ว อันเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ที่มีเปลือกนอกสวยงาม แต่ปราศจากสติปัญญาใดๆ การแก้ไขรัฐธรรมนูญจึงได้รับการจุดเป็นประเด็นขึ้นมาจากเครือข่ายทักษิณ ภายใต้ความปรารถนาเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นให้ผู้คนหันเหความสนใจจากการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ไปสู่การวิจารณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญแทน

ในปีนี้ความล้มเหลวของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ยิ่งนับวันยิ่งทับถมทวีมากขึ้นหลายมิติ ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา ความมั่นคง และสิ่งแวดล้อม เรียกได้ว่าเป็น การบูรณาการแห่งความล้มเหลว ก็ว่าได้ สาเหตุสำคัญของความล้มเหลวเกิดจากความปรารถนาของจิตใจที่บกพร่องของผู้บงการรัฐบาล คณะรัฐมนตรี ส.ส. แกนนำเสื้อแดง ข้าราชการ และนักธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล

สภาพการบกพร่องทางจิตแสดงออกมาให้เห็นผ่านการกำหนดนโยบาย และการนำนโยบายไปปฏิบัติที่ปราศจากความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจ และการไร้เหตุผลเชิงจริยธรรมและคุณธรรม

ตัวอย่างนโยบายที่ปราศจากความสมเหตุสมผลทางเศรษฐกิจชัดเจนสุด ก่อให้เกิดการกระทำทุจริตทำลายคุณภาพของข้าวและวิถีชีวิตของชาวนาไทยในระยะยาวมากที่สุด และทำลายโรงสีและสหกรณ์ขนาดเล็กของชาวบ้าน คือ นโยบายจำนำข้าว ส่วนตัวอย่างนโยบายที่ปราศจากเหตุผลเชิงจริยธรรมและคุณธรรมมากที่สุดคือ นโยบายใช้ความรุนแรงต่อประชาชนผู้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญชุมนุมทางการเมืองอย่างสงบสันติ

นอกจากความล้มเหลวในการบริหารนโยบายแล้ว นายกรัฐมนตรียังมีความล้มเหลวเกี่ยวกับพฤติกรรมส่วนตัวซึ่งเกี่ยวข้องกับความโปร่งใสและศักดิ์ศรีของผู้ดำรงตำแหน่งผู้นำของประเทศ ดังการไปพบกับนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ แบบซ่อนเร้นและปกปิดไม่กล้าเปิดเผยต่อสาธารณะในโรงแรมแห่งหนึ่ง จนเป็นที่สงสัยของผู้คนในสังคมถึงความเป็นไปได้สองทางคือ อาจเป็นกิจกรรมส่วนตัวเยี่ยงหญิงและชายกระทำกันตามปกติในที่ลับ หรือ อาจเป็นการทำธุรกรรมเชิงเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับอำนาจรัฐอันเข้าข่ายการทับซ้อนของผลประโยน์

ความล้มเหลวเชิงพฤติกรรมที่เกิดขึ้นอย่างซ้ำซากของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อีกประการคือ การพูดผิดพลาดเป็นประจำในที่สาธารณะ และในปลายปีได้มีพฤติกรรมอันเป็นตัวบ่งชี้ถึงความปรารถนาเบื้องลึกอันเป็นตัวตน จนกระฉ่อนไปทั่วโลก คือ การแสดงท่าทีหยาดเยิ้มเกินงาม ต่อนายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา จนหนังสือพิมพ์ต่างประเทศบางฉบับเสียดสีว่าเป็นอนุภรรยาของนาย โอบามา

ปลายปีรัฐบาลยิ่งลักษณ์ได้แสดงพฤติกรรมความป่าเถื่อนรุนแรงในการปราบปรามประชาชน ผู้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญเพื่อชุมนุมอย่างสงบสันติ รัฐบาลเริ่มเตรียมการใช้ความรุนแรงโดยประกาศใช้ พ.ร.บ. ความมั่นคง อย่างเร่งรีบทั้งๆที่การชุมนุมยังไม่เกิดขึ้น และเมื่อเริ่มการชุมนุมก็ใช้กองกำลังตำรวจสกัดกั้นไม่ให้ประชาชนเข้าร่วมชุมนุม ส่วนผู้ที่รอดพ้นจากการสกัดกั้นและเข้าร่วมชุมนุมได้ก็ถูกกองกำลังตำรวจทุบตี ทำร้าย จับคุมขัง และยิงแก๊สน้ำตาใส่ ไม่เว้นว่าจะเป็นผู้หญิง หรือคนแก่ หรือนักข่าว และแม้กระทั่งนักบวชผู้ทรงศีลก็ยังถูกทำร้ายจากแก๊สน้ำตาที่ตำรวจยิงเข้าใส่อย่างจงใจ

รัฐบาลยิ่งลักษณ์จึงได้รับการวิจารณ์จากประชาชนจำนวนมากว่า เป็นรัฐบาลทรราช กระแสการวิพากษ์วิจารณ์ขยายออกไปวงกว้าง จนสร้างความสั่นสะเทือนต่อความชอบธรรมของรัฐบาล การจุดชนวนสร้างกระแสเพื่อกลบเกลื่อนก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เครือข่ายของทักษิณจึงหยิบยกประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นมา และสร้างกระแสข่าวรายวันเพื่อหันเหความสนใจของผู้คนจากการวิพากษ์วิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาล พฤติกรรมที่น่าอับอาย และโหดร้ายป่าเถื่อนของผู้นำรัฐบาล

ในด้านหนึ่งการแก้ไขรัฐธรรมจึงเป็นเครื่องมือสำคัญทางการเมืองของเครือข่ายทักษิณ ที่ใช้ในการปั่นกระแสและเบี่ยงเบนความสนใจประชาชนออกจากการวิจารณ์รัฐบาล อย่างไรก็ตามการจุดประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ยังมีหน้าที่สำคัญอีกอย่างน้อยสองประการ

ประการแรก หล่อเลี้ยงบทบาททางการเมืองของแกนนำเสื้อแดง เพราะหากไม่มีการขับเคลื่อนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ บทบาททางการเมืองของแกนนำเสื้อแดงทั้งหลายก็จะลดลง และหมดความสำคัญไปในที่สุด แกนนำเสื้อแดงผู้มีความปรารถนาอย่างแรงกล้าในการรักษาสถานภาพทางการเมืองของตนเองเอาไว้ให้มั่นคง จึงต้องออกมาขับเคลื่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับอย่างเข้มข้น

แกนนำเสื้อแดงผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมโดยให้ใช้วิธีการลงมติวาระสามทันทีต่อร่างแก้ไขมาตรา 291 พวกเขาคาดการณ์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากรัฐสภาลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสามว่า หากรัฐสภาลงมติไม่ผ่านก็จะใช้เป็นประเด็นเพื่อโจมตีกลุ่มอำมาตย์ว่าเป็นกลุ่มที่ขัดขวางอำนาจประชาชน อันเป็นประเด็นที่จะไปรักษาหล่อเลี้ยงระดับความเข้มข้นของความขุ่นแค้นและคับข้องใจในกลุ่มเสื้อแดงให้ดำรงอยู่ต่อไป

หรือหากสมาชิกรัฐสภาลงมติให้ผ่านวาระสาม สิ่งที่ตามมาคือ จะมีประชาชนยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่าสมาชิกรัฐสภากระทำขัดแย้งกับมาตรา 68 หากศาลรัฐธรรมวินิจฉัยว่าไม่ขัดแย้ง ก็จะทำให้การเดินหน้ายกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ภายใต้การบงการของแกนนำเสื้อแดงเกิดขึ้นทันที ซึ่งทำให้แกนนำเสื้อแดงสามารถกำหนดเนื้อหารัฐธรรมนูญได้ตามความปรารถนาที่แท้จริงของตนเอง โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับศาลรัฐธรรมนูญ องค์การอิสระตรวจสอบอำนาจรัฐ และคณะองคมนตรี

แต่หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดกับมาตรา 68 สิ่งที่ตามมาคือ สมาชิกรัฐสภาผู้ลงมติจะมีความผิดอย่างรุนทางในทางอาญาเพราะเข้าข่ายล้มล้างการระบอบการปกครอง และทำให้พรรคการเมืองที่สนับสนุนการลงมติต้องถูกยุบได้ แกนนำเสื้อแดงก็จะใช้เป็นเงื่อนไขในการปลุกระดมมวลชนและสร้างความรุนแรงทางการเมืองขึ้นมา

ดังนั้นสำหรับแกนนำเสื้อแดงการลงมติรัฐธรรมนูญในวาระสามทันทีไม่ว่าผลจะออกมาเช่นไร พวกเขาก็สามารถนำมาใช้ประโยชน์เพื่อสนองความปรารถนาและรักษาบทบาทสถานภาพทางการเมืองของตนเองได้ทั้งสิ้น

ประการที่สอง กรณี นช.ทักษิณ การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นเครื่องมือสร้างความชอบธรรมในการล้างความผิดแก่ตนเอง ทั้งแกนนำเสื้อแดงและ นช.ทักษิณ ต่างมีความปรารถนาที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่แนวทางที่แกนนำเสื้อแดงเสนอให้ลงมติวาระสามทันทีจะเป็นผลร้ายกับ นช.ทักษิณและยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มากกว่าผลดี เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับขัดมาตรา 68 ยิ่งลักษณ์ก็จะตกเป็นผู้ต้องหาคดีร้ายแรง พรรคเพื่อไทยก็อาจถูกยุบ และรัฐบาลก็จะล้ม อำนาจทั้งหลายที่มีอยู่ก็มลายหายไป ดังนั้นทักษิณจึงไม่กล้าเสี่ยงที่จะเลือกวิธีการนี้

วิธีการที่ทักษิณเลือกคือการลงประชามติ เพราะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยสำหรับตนเองและเครือญาติ แม้ว่าจะมีความเสี่ยงต่อการไม่ผ่าน แต่ก็ไม่มีผลกระทบต่อความมั่นคงปลอดภัยของตนเองมากเท่ากับการขัดมาตรา 68 แต่หากผ่านประชามติก็จะมีความชอบธรรมมากขึ้นในการแก้ไขรัฐธรรมทั้งฉบับ และบงการให้สมาชิสภาร่างรัฐธรรมนูญ เขียนร่างรัฐธรรมนูญในทิศทางที่สนองความปรารถนาของตนเอง อันได้แก่ การยกเลิกมาตรา 309 เพื่อให้หลุดพ้นจากการดำเนินคดีความผิดทั้งมวลที่ยังคั่งค้างอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม และ การปรับเปลี่ยนที่มาและอำนาจองค์การอิสระทั้งหมดให้อยู่ภายใต้การควบคุมของนักการเมือง

ส่วนวิธีการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราที่เฉลิม อยู่บำรุงเสนอนั้น ไม่อาจปกปิดความปรารถนาที่แท้จริงของนช.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดงได้ หากมีการแก้ในประเด็นที่ล้างผิดทักษิณ หรือยกเลิก ปรับเปลี่ยนที่มาและอำนาจองค์การอิสระและศาล หรือกระทบต่อองคมนตรี หรือลดอำนาจของประชาชน ก็จะถูกคัดค้านต่อต้านจากประชาชนอย่างรุนแรง ซึ่งจะทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ประสบผลสำเร็จ แต่หากจะแก้ไขประเด็นอื่นๆ เช่น การยุบพรรค หรือ ที่มาของสมาชิกวุฒิสภา ก็ไม่อาจตอบสนองความปรารถนาที่แท้จริงของ นช.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดงได้ ดังนั้นแนวทางของเฉลิมจึงไร้ค่าและถูกปฏิเสธไปอย่างไม่ไยดีจากบุคคลเหล่านี้

ทั้งที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เป็นรัฐธรรมนูญที่ให้อำนาจแก่ประชาชนมากขึ้น มีการตรวจสอบการทำงานของฝ่ายบริหารมากขึ้น ทั้งยังไม่เป็นอุปสรรคใดต่อการบริหารประเทศ แต่ นช.ทักษิณ และแกนนำเสื้อแดงก็หยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็นทางการเมืองได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้เราสรุปได้ว่า ประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นแท้จริงแล้วมีฐานะเป็นเครื่องมือทางการเมืองในการตอบสนองความต้องการ เพื่อเบี่ยงเบนกระแสการวิจารณ์ความล้มเหลวของรัฐบาล เพื่อรักษาบทบาททางการเมืองของแกนนำเสื้อแดง เพื่อเพิ่มอำนาจแก่นักการเมือง ลดอำนาจการตรวจสอบของภาคประชาชน และล้างความผิด แก่ นช. ทักษิณ เท่านั้นเอง หาได้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติแต่อย่างใด


กำลังโหลดความคิดเห็น