“ชูวิทย์” เกาะกระแสสื่อ ตั้งฉายานักการเมืองประกอบเพลง นายกฯ “ปูไข่ไก่หลง” “เหลิม ทาสรัก” รัฐบาลพี่ชายที่แสนดี - อภิสิทธิ์ “มาร์คเมาไบกอน” ธาริต “กิ้งก่าทองสองใจ”
วานนี้ (26 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ออกมาแถลงข่าวการตั้งฉายานักการเมืองส่งท้ายปี 55 ว่าตนได้พูดคุยระหว่างนักการเมืองด้วยกัน ทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาล จึงได้ตั้งฉายาบุคคลในแวดวงการเมือง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแต่ละคน ในลักษณะหยิกแกมหยอก ขออย่าได้ซีเรียส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเพลงที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับพฤติกรรมนักการเมือง มาตั้งฉายาดังนี้
1. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ฉายา “โอ๋จัดให้” เพราะได้จัดการผู้นำฝ่ายค้าน ด้วยข้อหาหนีทหาร ซึ่งมีมานานทั้งที่แรกเริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์บอกว่าจะแก้ไข ไม่แก้แค้น โดยขณะที่นายกฯไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ปล่อยให้ รมว.กลาโหม จัดการปลดและถอดยศร้อยตรีของผู้นำฝ่ายค้าน จึงเหมาะกับเพลง “จัดให้” ของวงไทเทเนียม
2. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฉายา “เหลิม..ทาสรัก” เพราะเป็นผู้ที่ยอมรับว่าเป็นขี้ข้าทักษิณมานานแล้ว ซึ่งคำว่า “ขี้ข้า” มีความหมายเดียวกับคำว่า “ทาส” คือผู้ที่ต้องทำงานรับใช้ในทุกสภาวะ โดยถูกบีบบังคับให้ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถบ่นหรือขัดแย้ง ต้องทนทำไป ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ในพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ แต่ไม่มีกลุ่มก๊วน ผู้สนับสนุน จึงต้องทำงานทดแทนบุญคุณ จึงเหมาะกับเพลง “ทาส” ของวงพาราด็อกซ์
3. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉายา “กิ้งก่าทองสองใจ” เพราะโดยปกติข้าราชการไทยย่อมต้องโอนอ่อนผ่อนตามนโยบายของแต่ละรัฐบาล เพียงแต่นายธาริตซึ่งในขณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจก็ถูกฝ่ายพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมจะย้ายเป็นคนแรก แต่เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยมีอำนาจ นายธาริต ก็ยังสามารถเอาตัวรอด และยังได้ทำหน้าที่แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ทำให้คนมองว่านายธาริตเปลี่่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์อย่างดี จึงเหมาะกับเพลง “กิ้งก่าทองสองใจ” ของธันวา ราศรีธนู
4. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฉายา “ปูไข่ไก่หลง” เพราะปูไข่เป็นปูตัวเมียที่มีสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะของไข่ เข้ากับพลังมวลชนเสื้อแดง ส่วนไก่หลง เนื่องจากนายกฯ ยังใหม่กับการเมือง แรกๆ ก็มีการหลง ตอบผิดตอบถูก แต่ระยะหลังสามารถโชว์ผลงานเป็นผู้นำระดับโลก ต้อนรับทั้งนายโอบามา และนายหู จิ่นเทา รวมทั้งไปประชุมต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็ถูกฝ่ายค้านโจมตีเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าว ซึ่งกล่าวหาว่า มีการโกง ทุจริต จึงเหมาะกับเพลง “ปูไข่ไก่หลง” ของ ชายธง ทรงพล
5. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฉายา “มาร์คเมาไบกอน” เพราะความเป็นพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีหลักการ และการทำงานที่มีภาพลักษณ์ความเก่าแก่ของฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่คู่กับสภาไทย แต่สถานการณ์การเมืองปัจจุบันตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลักดันนโยบายต่างๆ นายอภิสิทธิ์ดูเหมือนยังติดอยู่ความขัดแย้ง และปัญหาทางการเมือง รวมทั้งถูกรุมล้อมจากเรื่องส่วนตัวในกรณีการถูกถอดยศ และดำเนินคดีจากดีเอสไอ อีกทั้งจะมีคดีตามมาอีกหลายคดี จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม ทำให้นายอภิสิทธิ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่ ติดๆ ขัดๆ เหมือนคนมึนงง ถอยหลังหรือเดินหน้าก็ไม่ได้ อีกทั้งความไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้านทำให้นายอภิสิทธิ์มีลักษณะโดดเดี่ยวสมกับฉายาดังกล่าว และเหมาะกับเพลง “มันต้องถอน” ของปอยฝ้าย มาลัยพร
6. ฉายารัฐบาล “พี่ชายที่แสนดี” เพราะรัฐบาลมีนายกฯ เป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เบื้องหลังการทำงานมีเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ คอยกำกับ แม้กระทั่งโผรัฐมนตรีต่างๆ ก็ต้องบินไปที่ดูไบ การช่วยเหลือประคับประคองเพื่อให้น้องสาว ซึ่งยังใหม่ต่อการเมือง เปรียบเหมือนกับพี่ชายที่คอยดูแล จึงตรงกับเพลง “พี่ชายที่แสนดี” ของระวิวรรณ จินดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้นำภาพหน้าของนักการเมืองที่ถูกตั้งฉายา มาทำกราฟิกในลักษณะการ์ตูน มีเพลงประกอบฉายามาเปิดด้วย สร้างความครื้นเครงให้กับผู้ที่ร่วมฟังการแถลงข่าวเป็นอันมาก
วานนี้ (26 ธ.ค.) ที่รัฐสภา นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรครักประเทศไทย ได้ออกมาแถลงข่าวการตั้งฉายานักการเมืองส่งท้ายปี 55 ว่าตนได้พูดคุยระหว่างนักการเมืองด้วยกัน ทั้งจากฝ่ายค้านและรัฐบาล จึงได้ตั้งฉายาบุคคลในแวดวงการเมือง เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของแต่ละคน ในลักษณะหยิกแกมหยอก ขออย่าได้ซีเรียส ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการนำเพลงที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกับพฤติกรรมนักการเมือง มาตั้งฉายาดังนี้
1. พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รมว.กลาโหม ฉายา “โอ๋จัดให้” เพราะได้จัดการผู้นำฝ่ายค้าน ด้วยข้อหาหนีทหาร ซึ่งมีมานานทั้งที่แรกเริ่มรัฐบาลยิ่งลักษณ์บอกว่าจะแก้ไข ไม่แก้แค้น โดยขณะที่นายกฯไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมือง แต่ก็ปล่อยให้ รมว.กลาโหม จัดการปลดและถอดยศร้อยตรีของผู้นำฝ่ายค้าน จึงเหมาะกับเพลง “จัดให้” ของวงไทเทเนียม
2. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ฉายา “เหลิม..ทาสรัก” เพราะเป็นผู้ที่ยอมรับว่าเป็นขี้ข้าทักษิณมานานแล้ว ซึ่งคำว่า “ขี้ข้า” มีความหมายเดียวกับคำว่า “ทาส” คือผู้ที่ต้องทำงานรับใช้ในทุกสภาวะ โดยถูกบีบบังคับให้ทำตามคำสั่ง ไม่สามารถบ่นหรือขัดแย้ง ต้องทนทำไป ทั้งนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่ในพรรคเพื่อไทย ที่เป็นพรรคขนาดใหญ่ แต่ไม่มีกลุ่มก๊วน ผู้สนับสนุน จึงต้องทำงานทดแทนบุญคุณ จึงเหมาะกับเพลง “ทาส” ของวงพาราด็อกซ์
3. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ฉายา “กิ้งก่าทองสองใจ” เพราะโดยปกติข้าราชการไทยย่อมต้องโอนอ่อนผ่อนตามนโยบายของแต่ละรัฐบาล เพียงแต่นายธาริตซึ่งในขณะที่รัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์มีอำนาจก็ถูกฝ่ายพรรคเพื่อไทย รวมทั้ง ร.ต.อ.เฉลิมจะย้ายเป็นคนแรก แต่เมื่อรัฐบาลเพื่อไทยมีอำนาจ นายธาริต ก็ยังสามารถเอาตัวรอด และยังได้ทำหน้าที่แจ้งข้อหานายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ทำให้คนมองว่านายธาริตเปลี่่ยนแปลงตัวเองเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์อย่างดี จึงเหมาะกับเพลง “กิ้งก่าทองสองใจ” ของธันวา ราศรีธนู
4. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ฉายา “ปูไข่ไก่หลง” เพราะปูไข่เป็นปูตัวเมียที่มีสีแดง ซึ่งเป็นลักษณะของไข่ เข้ากับพลังมวลชนเสื้อแดง ส่วนไก่หลง เนื่องจากนายกฯ ยังใหม่กับการเมือง แรกๆ ก็มีการหลง ตอบผิดตอบถูก แต่ระยะหลังสามารถโชว์ผลงานเป็นผู้นำระดับโลก ต้อนรับทั้งนายโอบามา และนายหู จิ่นเทา รวมทั้งไปประชุมต่างประเทศ ในขณะเดียวกันก็ถูกฝ่ายค้านโจมตีเกี่ยวกับนโยบายจำนำข้าว ซึ่งกล่าวหาว่า มีการโกง ทุจริต จึงเหมาะกับเพลง “ปูไข่ไก่หลง” ของ ชายธง ทรงพล
5. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ฉายา “มาร์คเมาไบกอน” เพราะความเป็นพรรคประชาธิปัตย์จะต้องมีหลักการ และการทำงานที่มีภาพลักษณ์ความเก่าแก่ของฝ่ายค้าน ซึ่งอยู่คู่กับสภาไทย แต่สถานการณ์การเมืองปัจจุบันตลอดระยะเวลากว่า 1 ปีที่ผ่านมา ภายใต้การบริหารของพรรคเพื่อไทย ซึ่งผลักดันนโยบายต่างๆ นายอภิสิทธิ์ดูเหมือนยังติดอยู่ความขัดแย้ง และปัญหาทางการเมือง รวมทั้งถูกรุมล้อมจากเรื่องส่วนตัวในกรณีการถูกถอดยศ และดำเนินคดีจากดีเอสไอ อีกทั้งจะมีคดีตามมาอีกหลายคดี จากเหตุการณ์การสลายการชุมนุม ทำให้นายอภิสิทธิ์ ทำงานได้ไม่เต็มที่ ติดๆ ขัดๆ เหมือนคนมึนงง ถอยหลังหรือเดินหน้าก็ไม่ได้ อีกทั้งความไม่เป็นเอกภาพของฝ่ายค้านทำให้นายอภิสิทธิ์มีลักษณะโดดเดี่ยวสมกับฉายาดังกล่าว และเหมาะกับเพลง “มันต้องถอน” ของปอยฝ้าย มาลัยพร
6. ฉายารัฐบาล “พี่ชายที่แสนดี” เพราะรัฐบาลมีนายกฯ เป็นน้องสาวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เบื้องหลังการทำงานมีเงาของ พ.ต.ท.ทักษิณ คอยกำกับ แม้กระทั่งโผรัฐมนตรีต่างๆ ก็ต้องบินไปที่ดูไบ การช่วยเหลือประคับประคองเพื่อให้น้องสาว ซึ่งยังใหม่ต่อการเมือง เปรียบเหมือนกับพี่ชายที่คอยดูแล จึงตรงกับเพลง “พี่ชายที่แสนดี” ของระวิวรรณ จินดา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ได้นำภาพหน้าของนักการเมืองที่ถูกตั้งฉายา มาทำกราฟิกในลักษณะการ์ตูน มีเพลงประกอบฉายามาเปิดด้วย สร้างความครื้นเครงให้กับผู้ที่ร่วมฟังการแถลงข่าวเป็นอันมาก