ASTVผู้จัดการรายวัน - ปฎิบัติการระลอกสองของการรุกตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม แบรนด์ "เอส" ของบริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) อุบัติขึ้นอีกครั้ง และถือเป็นจังหวะที่ดีในการรุกโดยใช้ช่วงปลายปีซึ่งเป็นช่วงแห่งเทศกาลฉลองความสุขคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่ อีกทั้งยังถือเป็นหน้าขายของเครื่องดื่มน้ำอัดลมที่สำคัญช่วงหนึ่งไม่แพ้ช่วงหน้าร้อนด้วย ที่มีสัดส่วนการขายมากกว่า 30-40% หลังจากที่เพิ่งเปิดตัวด้วยน้ำดำเอสลงตลาดตัวแรกเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ถึงวันนี้กินระยะเวลาประมาณเดือนครึ่งแล้วที่ เอส น้ำดำ ออกอาละวาดในตลาด และประสบความสำเร็จด้วยยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า บริษัทสามารถทำยอดขายเครื่องดื่มน้ำดำเอสได้แล้ว 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณ 4 ล้านลัง เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 ล้านลัง อย่างไรก็ตามหากมองกันจริงๆแล้ว ก็คงไม่แปลกที่ เอส จะทำได้ ในเวลาเดือนครึ่งกับยอดขายกว่าพันล้านบาทนี้ เพราะทุกอย่างมีพร้อมอยู่แล้วทั้งช่องทางจำหน่ายและระบบโลจิสติกส์ ของเดิมของเสริมสุขเพียงแค่เปลี่ยนแบรนด์ที่ขายเท่านั้นเอง
กลยุทธ์ที่ว่า "โฆษณาให้ถึงใจ ขายให้ถึงตัว" อาจจะถือว่าสอบผ่านก็ได้ ทว่าหากมองถึงความเป็นแบรนด์แล้วนั้น ต้องยอมรับว่า แบรนด์ เอส ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้เข้าถึงขั้นเป็นแบรนด์ท็อปออฟมายด์เท่าใดนัก มีผู้บริโภคอีกไม่น้อยที่ยังไม่รู้จัก เอส และเอสคืออะไร การสร้างแบรนด์และตอกย้ำแบรนด์กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องของ เอส ที่ต้องทำและทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้ได้กับเป้าหมายของงบการตลาดช่วงสองเดือนสุดท้ายปีนี้ที่ใช้ถึง 300ล้านบาท จากงบการตลาดช่วงปีแรก(ถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2556) ที่ตั้งงบรวมไว้ที่ 900 ล้านบาท
"น้ำดำยี่ห้อเอสนั้นดูแล้วมีภาพลักษณ์ใกล้เคียงกับบิ๊ก โคล่า ไม่อินเตอร์เหมือนกับโค้กหรือเป๊ปซี่ เท่าที่เปลี่ยนจากเป๊ปซี่มาขายเอสนั้น ยอดขายช่วงแรกยังไม่ดีเท่าขายเป๊ปซี่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็เข้าใจนะเพราะว่าอาจจะเป็นยี่ห้อใหม่ คงต้องใช้เวลา แต่ถ้ามองเรื่องเงื่อนไขทางการค้าของเอสก็ดีเหมือนกัน"
ดังนั้น สินค้าเข้าถึงคน ยอดขายเกินเป้า แต่ภาพลักษณ์ยังไม่ถึงใจ ยังไม่โดดเด่น เอสตัดสินใจ นำแบรนด์ตัวเองเข้ามาเป็นสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานเคานต์ดาวน์ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มี เอไอเอส เป็นแกนนำหลักในการจัดงานร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โดยมีทางบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เป็นออร์กาไนเซอร์ในการจัดงาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกด้วยที่น้ำอัดลม เข้ามาเป็นสปอนเซอร์งานเคานต์ดาวน์ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ สิ่งที่จะได้จากงานเคานต์ดาวน์ คือ การเข้าถึงกลุ่มคนที่อาจจะไม่เคยดื่มเอสหรือซื้อเอสเลย ยังไม่นับรวมถึงคนที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องโมเดิร์นไนน์อีกทั่วประเทศ ที่สำคัญคือการได้ภาพลักษณ์ที่ดีเป็นอินเตอร์มากขึ้นเพราะเป็นงานระดับชาติที่ผู้จัดงานเคานต์ดาวน์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ของไทยตั้งความหวังเอาไว้ว่า
ล่าสุดเอสเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมน้ำสี สตรอเบอร์รี่สีแดง ในรูปแบบกระป๋อง ขนาด 325 มิลลิลิตร ราคาบาท 14 บาท เป็นสินค้าตัวที่สอง แต่เป็นน้ำสีตัวแรกของเอส ในรูปแบบกระป๋องก่อน น่าแปลกตรงที่วางตลาดน้ำสีแดง แทนที่จะเป็นน้ำสีส้มก่อน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มน้ำสีด้วยกัน
นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฎิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวเพียงว่า เรามั่นใจในน้ำสีแดงตัวนี้ เพราะรสชาติอร่อยเป็นที่ถูกปากถูกใจผู้บริโภค ตัวอย่างตอนที่เราทำการสำรวจ ส่วนเหตุผลทำไมเป็นน้ำสีแดงตัวแรกต้องรอตอนแถลงข่าวเป็นทางการ จากนี้เราจะทยอยออกน้ำสีมาเพิ่มอีกให้ครบไลน์ พร้อมกับย้ำว่า มั่นใจว่าบริษัทจะมียอดขายเอสทั้งหมด 2,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2556 และจะมียอดขายรวม8,000 ล้านบาทได้ในช่วงปีแรกพร้อมกับส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม 25% และภายใน 3 ปีจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดให้ได้
นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ยืนยันว่า บริษัทสามารถทำยอดขายเครื่องดื่มน้ำดำเอสได้แล้ว 1,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นปริมาณ 4 ล้านลัง เกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 2.5 ล้านลัง อย่างไรก็ตามหากมองกันจริงๆแล้ว ก็คงไม่แปลกที่ เอส จะทำได้ ในเวลาเดือนครึ่งกับยอดขายกว่าพันล้านบาทนี้ เพราะทุกอย่างมีพร้อมอยู่แล้วทั้งช่องทางจำหน่ายและระบบโลจิสติกส์ ของเดิมของเสริมสุขเพียงแค่เปลี่ยนแบรนด์ที่ขายเท่านั้นเอง
กลยุทธ์ที่ว่า "โฆษณาให้ถึงใจ ขายให้ถึงตัว" อาจจะถือว่าสอบผ่านก็ได้ ทว่าหากมองถึงความเป็นแบรนด์แล้วนั้น ต้องยอมรับว่า แบรนด์ เอส ดูเหมือนว่าจะยังไม่ได้เข้าถึงขั้นเป็นแบรนด์ท็อปออฟมายด์เท่าใดนัก มีผู้บริโภคอีกไม่น้อยที่ยังไม่รู้จัก เอส และเอสคืออะไร การสร้างแบรนด์และตอกย้ำแบรนด์กลายเป็นเรื่องเร่งด่วนอีกเรื่องของ เอส ที่ต้องทำและทำให้บรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพให้ได้กับเป้าหมายของงบการตลาดช่วงสองเดือนสุดท้ายปีนี้ที่ใช้ถึง 300ล้านบาท จากงบการตลาดช่วงปีแรก(ถึงเดือนพฤศจิกายนปี 2556) ที่ตั้งงบรวมไว้ที่ 900 ล้านบาท
"น้ำดำยี่ห้อเอสนั้นดูแล้วมีภาพลักษณ์ใกล้เคียงกับบิ๊ก โคล่า ไม่อินเตอร์เหมือนกับโค้กหรือเป๊ปซี่ เท่าที่เปลี่ยนจากเป๊ปซี่มาขายเอสนั้น ยอดขายช่วงแรกยังไม่ดีเท่าขายเป๊ปซี่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็เข้าใจนะเพราะว่าอาจจะเป็นยี่ห้อใหม่ คงต้องใช้เวลา แต่ถ้ามองเรื่องเงื่อนไขทางการค้าของเอสก็ดีเหมือนกัน"
ดังนั้น สินค้าเข้าถึงคน ยอดขายเกินเป้า แต่ภาพลักษณ์ยังไม่ถึงใจ ยังไม่โดดเด่น เอสตัดสินใจ นำแบรนด์ตัวเองเข้ามาเป็นสปอนเซอร์หรือผู้สนับสนุนหลักในการจัดงานเคานต์ดาวน์ที่หน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ที่มี เอไอเอส เป็นแกนนำหลักในการจัดงานร่วมกับ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) โดยมีทางบริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ จำกัด (มหาชน) เป็นออร์กาไนเซอร์ในการจัดงาน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกด้วยที่น้ำอัดลม เข้ามาเป็นสปอนเซอร์งานเคานต์ดาวน์ที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ สิ่งที่จะได้จากงานเคานต์ดาวน์ คือ การเข้าถึงกลุ่มคนที่อาจจะไม่เคยดื่มเอสหรือซื้อเอสเลย ยังไม่นับรวมถึงคนที่เฝ้าชมการถ่ายทอดสดผ่านช่องโมเดิร์นไนน์อีกทั่วประเทศ ที่สำคัญคือการได้ภาพลักษณ์ที่ดีเป็นอินเตอร์มากขึ้นเพราะเป็นงานระดับชาติที่ผู้จัดงานเคานต์ดาวน์หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ของไทยตั้งความหวังเอาไว้ว่า
ล่าสุดเอสเปิดตัวเครื่องดื่มอัดลมน้ำสี สตรอเบอร์รี่สีแดง ในรูปแบบกระป๋อง ขนาด 325 มิลลิลิตร ราคาบาท 14 บาท เป็นสินค้าตัวที่สอง แต่เป็นน้ำสีตัวแรกของเอส ในรูปแบบกระป๋องก่อน น่าแปลกตรงที่วางตลาดน้ำสีแดง แทนที่จะเป็นน้ำสีส้มก่อน ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่สุดในกลุ่มน้ำสีด้วยกัน
นายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฎิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) กล่าวเพียงว่า เรามั่นใจในน้ำสีแดงตัวนี้ เพราะรสชาติอร่อยเป็นที่ถูกปากถูกใจผู้บริโภค ตัวอย่างตอนที่เราทำการสำรวจ ส่วนเหตุผลทำไมเป็นน้ำสีแดงตัวแรกต้องรอตอนแถลงข่าวเป็นทางการ จากนี้เราจะทยอยออกน้ำสีมาเพิ่มอีกให้ครบไลน์ พร้อมกับย้ำว่า มั่นใจว่าบริษัทจะมียอดขายเอสทั้งหมด 2,000 ล้านบาท เมื่อสิ้นสุดเดือนกุมภาพันธ์ 2556 และจะมียอดขายรวม8,000 ล้านบาทได้ในช่วงปีแรกพร้อมกับส่วนแบ่งตลาดน้ำอัดลม 25% และภายใน 3 ปีจะก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดให้ได้