xs
xsm
sm
md
lg

เสริมสุขลั่น 3 ปีปั้นเอสเบอร์หนึ่ง ชูสเต็ปสองสยายปีกโกอินเตอร์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เสริมสุขลั่นปั้นเอส 3 ปีผงาดเบอร์หนึ่งตลาดน้ำอัดลม ควง 5 กลยุทธ์ ชูจุดแข็งการกระจายสินค้า อัดเทรดโปรโมชันยั่วใจ “ลังแรก บาทแรก” ชงแพกเกจหลากหลายราคาโดนใจ ปลายปีทิ้งบอบม์แคมเปญใหญ่ หวังปีแรกกวาดแชร์ 25% รั้งอันดับ 2 เล็งสยายปีกโกอินเตอร์สเต็ปสอง ส่วนปีหน้าตลาดน้ำอัดลม 3.8 หมื่นล้านบาทระอุ 4 ค่ายแห่ใช้เม็ดเงิน 3,000 ล้านบาท ดันตลาดโตพรวด 5%

นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข กรรมการผู้จัดการ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมเอส (est) เปิดเผยถึงเป้าหมายการทำตลาดน้ำอัดลมเอสว่า หลังจากหมดสัญญากับทางเป๊ปซี่ โค เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่ผ่านมานี้ และเริ่มทำตลาดวันนี้ (2 พ.ย.) ภายใต้การใช้งบ 1,200 ล้านบาทในช่วง 14 เดือน ซึ่งในช่วง 2 เดือนสุดท้ายปีนี้ใช้งบ 300 ล้านบาท ในปีหน้าใช้งบ 900 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้า 3 ปีจะขึ้นเป็นผู้นำตลาดน้ำอัดลม และปีแรกขึ้นเป็นอันดับ 2 มีส่วนแบ่ง 25% หรือมีรายได้ 8,000 ล้านบาท จากมูลค่าตลาดน้ำอัดลม 3.8 หมื่นล้านบาท ในปีหน้าคาดว่าจะเติบโต 5%

กลยุทธ์การทำตลาด บริษัทจะใช้ระบบการกระจายสินค้าที่เป็นจุดแข็งจากการมีหน่วยรถ 1,200 คัน โดยเพิ่มความถี่ในการกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทุกช่องทางทั้งเทรดิชันนัลเทรดสัดส่วน 70% และโมเดิร์นเทรด 30% สำหรับแผนการตลาดเพื่อผลักดันเอสเข้าไปยังช่องทางจัดจำหน่ายที่มีอยู่ร่วม 2 แสนราย และตู้แช่ 1.5 แสนตู้ให้เร็วที่สุด บริษัทอัดเทรดโปรโมชัน “ลังแรก บาทแรก” และในช่วง 2 สัปดาห์แรก 6 ฝาสามารถแลกน้ำอัดลมฟรี 1 ขวด และ 1 ลังมี 24 ขวด แถมน้ำอัดลม 2 ขวด ตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะกระจายสินค้าครอบคลุม 80% จากในช่วง 3 วันนี้กระจายสินค้าไปแล้ว 60% จากร้านค้า 2 แสนร้านค้า

พร้อมกันนี้ยังวางกลยุทธ์ไซซิ่งที่มีความหลากหลายถึง 7 ขนาด และราคาที่เหมาะสมเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค ได้แก่ 1. ขวดแก้ว 12 ออนซ์ ราคา 8 บาท เจาะช่องทางร้านอาหาร เนื่องจากบรรจุภัณฑ์ขวดแก้วเป็นตลาดใหญ่สัดส่วน 60-70% ที่เหลือ 30-40% เป็นขวดเพ็ทและกระป๋อง 2. ขนาดเพ็ท 1 ลิตร ราคา 20 บาท ขนาดคุ้มค่าดื่มได้หลายคน 3. คูลแฮนด์ 250 มล.ราคา 10 บาท และ 4. ขวดเพ็ท 455 มล.12 บาท ตามด้วย 5. ขวดเพ็ท 480 มล. ราคา 15 บาท 6. กระป๋อง 325 มล.ราคา 14 บาท และ 7.ตู้กดโพสต์มิกซ์เจาะในช่องทางเชนร้านอาหารต่างๆ 60-70%

สำหรับด้านการผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลม 5 โรงงาน โดยบริษัทได้สต๊อกสินค้าขวดแก้ว 12 ออนซ์ไม่ต่ำกว่า 5 ล้านลัง และใช้งบ 600 ล้านบาทสำหรับค่าผลิตขวดแก้วและลัง อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ไม่ถึงเดือนบริษัทจะเปิดตัวน้ำสีต่อไป ส่วนการสร้างแบรนด์บริษัทผ่านสื่อต่างๆ และทำกิจกรรมการตลาด รวมไปถึงการแจกสินค้าตัวอย่างให้ผู้บริโภคได้ทดลองชิมสินค้าโดยตรง

“การเปิดตัวเอส โคล่าเข้าทำตลาดในครั้งนี้บริษัทถือเป็นการสร้างปรากฏการณ์สุดขั้วทั่วประเทศจำนวน 5 ปรากฏการณ์ คือ สุดขั้วที่ 1 แบรนด์ต้องโดนสุดขั้ว คือ เป็นน้ำอัดลมที่ชื่อจำง่ายโดนใจ สุดขั้วที่ 2 รสชาติถูกปากคนไทย เพราะบริษัทมีการพัฒนารสชาติที่เป็นเอกลักษณ์มาเพื่อคนไทยโดยเฉพาะ สุดขั้วที่ 3 มีขนาดหลากหลายตอบทุกไลฟ์สไตล์ เนื่องจากมีถึง 6 ขนาดให้เลือก สุดขั้วที่ 4 เกิดให้เปรี้ยงด้วยโฆษณาให้ถึงใจ ด้วยการดึง 3 ศิลปินชื่อดังอย่างโตโน่-บี้-ไมค์ เป็นพรีเซ็นเตอร์ และสุดขั้วที่ 5 ขายให้ถึงตัว” นายฐิติวุฒิ์กล่าว

นายฐิติวุติ์กล่าวว่า หากแจ้งเกิดในไทยได้เร็วก็สามารถไปตลาดต่างประเทศได้เร็ว เพื่อเป็นการเตรียมตัวสร้างแบรนด์ในตลาดภูมิภาคเป็นสเต็ปที่ 2 อย่างไรก็ตาม สำหรับสภาพตลาดน้ำอัดลมในประเทศไทย การแข่งขันมีความรุนแรงมากขึ้นในปีหน้าจากการที่มี 4 แบรนด์เข้ามาทำตลาด มีการทุ่มงบการตลาดมากกว่า 3,000 ล้านบาทเพื่อสร้างแบรนด์สู่กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย โดยกลยุทธ์ราคาบริษัทจะไม่ใช้อย่างแน่นอน

ด้านนายปริญญา เพิ่มพานิช ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและปฏิบัติการขาย บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า ในช่วงปลายปีนี้จะมีแคมเปญใหญ่อีก 1 แคมเปญเพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคให้ทั่วถึง เชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างแน่นอน ส่วนการคิดค้นน้ำอัดลมเอส โคล่า นั้นใช้เวลานานถึง 8 เดือน และได้ให้กลุ่มลูกค้าทั่วประเทศได้ทดลองดื่มสินค้ามากกว่า 100,000 คน อายุ 12-21 ปี พบว่าส่วนใหญ่ 70% ให้ความสนใจชื่นชอบมากที่สุด ขณะเดียวกัน พฤติกรรมการบริโภคน้ำอัดลมของคนไทย พบว่ามีลูกค้าประมาณ 60% ที่พร้อมเปลี่ยนไปซื้อแบรนด์ใหม่ตลอดเวลา ส่วนอีก 40% จะเป็นกลุ่มที่นิยมแบรนด์หลักในตลาด จึงมองว่า เอส โคล่า มีโอกาสที่จะขยายตลาดใหม่ได้อีกมาก

นายสมชาย บุลสุข ประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสริมสุข กล่าวว่า มีเป้าหมายจะสร้างแบรนด์เอส โคล่า ไปสู่ตลาดต่างประเทศให้อนาคต เชื่อมั่นว่าจากแผนการตลาดที่วางไว้จะทำให้เสริมสุขขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมได้แน่นอน เพราะที่ผ่านมาเสริมสุขสามารถสร้างแบรนด์หนึ่งแบรนด์ให้เป็นผู้นำในตลาดได้มาก่อน

“ผมผ่านมรสุม พบเจอความสำเร็จมาแล้ว 46 ปี สั่งสมประสบการณ์มาเกือบ 6 ทศวรรษ เราตั้งเป้าที่จะสร้างแบรนด์เอสให้ติดตลาดเมืองไทยก่อนจะขยายไปสู่การเป็นอินเตอร์เนชันแนลแบรนด์ไปเปิดตลาดต่างประเทศ จะนำศักยภาพเสริมสุขทุกด้านมาผลักดันเอสให้เต็มกำลัง ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิต 5 โรง พนักงาน 8,000 คน ทีมตลาด สื่อสาร ทีมพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทีมขาย เป็นจุดเปลี่ยนเสริมสุขไปสู่การสร้างแบรนด์ของเราให้เป็นเจ้าตลาด”

กำลังโหลดความคิดเห็น