ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นไทยพุ่ง 15 จุด ปัจจัยบวกในและนอกประเทศหนุน ทั้งความคาดหวังการแก้ปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐฯ และการปรับภาษีเงินได้ของภาครัฐ ต่างชาติ ควง Prop Trade ซื้อสุทธิ2.8 พันล้าน คาดมีโอกาสไปต่อแต่เริ่มจำกัด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ธ.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องจนสร้างสถิติใหม่รอบ 16 ปี โดยปิดที่ระดับ1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ1.13% มูลค่าการซื้อขาย 44,673.31 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,378.76 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,367.90 จุด เนื่องจากรับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ ความคาดหวังต่อการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลัง และการปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิ 1,794.65 ล้านบาท ตามมาด้วย บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 1,029.68 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ขายสุทธิ 2,725.96 ล้านบาท และอีก 98.36 ล้านบาท มาจากการขายสุทธิของกลุ่มสถาบัน
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 417 หลักทรัพย์ ลดลง 239 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 174 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,509.48 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท UV มูลค่าการซื้อขาย 2,024.34 ล้านบาท ปิดที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,018.28 ล้านบาท ปิดที่ 197.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,749.13 ล้านบาท ปิดที่ 19.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,556.69 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นตอบรับความคาดหวังการเจรจา Fiscal Cliff น่าจะตกลงกันได้ และมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มในปีหน้า ทำให้คาดว่าจะมีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค จากความคาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับการแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ ทำให้มีแรงผลักดันตลาดกลับมาฟื้นตัวขึ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศมีประเด็นจากการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นปัจจัยหนุน โดยหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ
ทำให้ แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (20ธ.ค.) ดัชนีอาจปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่คงไปได้อีกไม่ไกล และยังมีความผันผวน เพราะต้องรอติดตามความชัดเจนการโหวตเพื่อแก้ปัญหา Fiscal Cliff แต่หากแรงซื้อยังมีเข้ามาต่อเนื่อง downside ของตลาดก็จะจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380-1,385 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (19ธ.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ยังปรับตัวอยู่ในแดนบวกต่อเนื่องจนสร้างสถิติใหม่รอบ 16 ปี โดยปิดที่ระดับ1,378.40 จุด เพิ่มขึ้น 15.46 จุด หรือ1.13% มูลค่าการซื้อขาย 44,673.31 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,378.76 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,367.90 จุด เนื่องจากรับปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ อาทิ ความคาดหวังต่อการแก้ปัญหาหน้าผาทางการคลัง และการปรับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุนพบว่า นักลงทุนต่างประเทศเข้าซื้อสุทธิ 1,794.65 ล้านบาท ตามมาด้วย บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 1,029.68 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปเป็นผู้ขายสุทธิ 2,725.96 ล้านบาท และอีก 98.36 ล้านบาท มาจากการขายสุทธิของกลุ่มสถาบัน
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 417 หลักทรัพย์ ลดลง 239 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 174 หลักทรัพย์
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,509.48 ล้านบาท ปิดที่ 161.00 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท UV มูลค่าการซื้อขาย 2,024.34 ล้านบาท ปิดที่ 9.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.25 บาท BBL มูลค่าการซื้อขาย 2,018.28 ล้านบาท ปิดที่ 197.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,749.13 ล้านบาท ปิดที่ 19.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท และ KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,556.69 ล้านบาท ปิดที่ 193.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
นายธนเดช รังษีธนานนท์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรี กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ เนื่องจากตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐเมื่อวันที่ 18 ธ.ค. ปรับเพิ่มขึ้นตอบรับความคาดหวังการเจรจา Fiscal Cliff น่าจะตกลงกันได้ และมาตรการของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะเข้าซื้อพันธบัตรเพิ่มในปีหน้า ทำให้คาดว่าจะมีเงินเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเพิ่มขึ้น
ด้าน น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปิดบวกเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในภูมิภาค จากความคาดหวังในเชิงบวกเกี่ยวกับการแก้ปัญหา Fiscal Cliff ของสหรัฐฯ ทำให้มีแรงผลักดันตลาดกลับมาฟื้นตัวขึ้น ส่วนปัจจัยภายในประเทศมีประเด็นจากการปรับโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเป็นปัจจัยหนุน โดยหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งเป็นหุ้นเกี่ยวกับการบริโภคภายในประเทศ
ทำให้ แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้ (20ธ.ค.) ดัชนีอาจปรับตัวขึ้นมาระดับหนึ่ง แต่คงไปได้อีกไม่ไกล และยังมีความผันผวน เพราะต้องรอติดตามความชัดเจนการโหวตเพื่อแก้ปัญหา Fiscal Cliff แต่หากแรงซื้อยังมีเข้ามาต่อเนื่อง downside ของตลาดก็จะจำกัดมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด แนวต้าน 1,380-1,385 จุด
