หุ้นไทยผันผวนจัด โดนแรงเทขายทำกำไรกดดัชนีรูดปิดตลาดแค่บวก 0.96จุด พบสถาบันเทขายเพียงกลุ่มเดียว 836 ล้านบาท แต่วอลุ่มซื้อขายทะลัก 5.1 หมื่นล้าน เช่นเดียวกับมาร์เกตแคปจ่อทะลุ 12 ล้านล้านบาทมากขึ้นทุกที โบรกฯเตือนนักลงทุนระวังต่างชาติเทขายทำกำไรหลังซื้อสุทธิสะสมปีก่อนหลายหมื่นล้านบาท ชี้ภาพรวมหุ้นขึ้นมาสูง ส่อโดนปรับฐานได้ทุกขณะ
ตลาดหุ้นไทยวันนี้ (3 ม.ค.) ดัชนีปรับตัวผันผวน จากปิดบวก5.92 จุดในการซื้อขายรอบเช้า ก็กลับมาปิดตลาดที่ 1,408.41 จุด เพิ่มขึ้น 0.96 จุด หรือ 0.07% มูลค่าการซื้อขาย 51,182.84 ล้านบาท ภาพรวมหลายฝ่ายเชื่อว่าเกิดจากแรงเทขายทำกำไร หลังจากดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงในวันก่อนหน้า จากการคลายกังวลของนักลงทุนต่อปัญหาหน้าผาการคลังสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม นอกจากปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว ยังพบว่า มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (มาร์เกตแคป) ของตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 11,973,248.78 ล้านบาทแล้ว
ระหว่างวัน ดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,415.81 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,404.99 จุด หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 347 หลักทรัพย์ ลดลง 252 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 163 หลักทรัพย์
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าซื้อขาย สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ITD มูลค่าการซื้อขาย 2,184.42 ล้านบาท ปิดที่ 4.86 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท BLAND มูลค่าการซื้อขาย 1,853.71 ล้านบาท ปิดที่ 1.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,682.63 ล้านบาท ปิดที่ 337.00 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,505.60 ล้านบาท ปิดที่ 198.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท และ BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,465.88 ล้านบาท ปิดที่ 194.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
ขณะที่การซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างประเทศยังซื้อขายสุทธิ 285.08 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ซื้อสุทธิ 113.67 ล้านบาท และนักลงทุนทั่วไปซื้อสุทธิ 437.47 ล้านบาท โดยมีเพียงสถาบันที่เทขายสุทธิ 836.22 ล้านบาท
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังมีทิศทางที่ดีต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีการปรับฐานบ้างในระหว่างทาง ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่ยังเป็นบวกอยู่ แม้ว่าจะมีบางตลาดที่มีการ take profit บ้าง เพราะต่างได้รับอานิสงส์จากตัวเลข PMI ของสหรัฐฯ งวด ธ.ค.ที่ออกมา 50.7 ซึ่งอยู่ในระดับสูงกว่า 50 ส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะเริ่มกลับมาฟื้นตัว ขณะเดียวกัน เป็นการยืนยันว่าภาพเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว
“ที่ผ่านมาดัชนีฯ ต่างปรับตัวขึ้นทั้งโลก และตลาดหุ้นไทยก็ปรับตัวขึ้นมาประมาน 11% ฉะนั้น ในระดับปัจจุบันจึงเป็นระดับที่ผันผวนได้ง่าย หรือมีแรง Tack profit ออกมาได้ง่าย”
น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ มีแรงซื้อสลับกับแรงขาย สอดคล้องกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่สามารถยืนอยู่ในแดนบวก แม้จะมีการสลับขายทำกำไรออกมาบ้างเล็กน้อย โดยมาจากการตอบรับในเชิงบวกจากการคลี่คลายเรื่องการแก้ปัญหา Fiscal Cliff แต่การเจรจาก็ยังไม่สิ้นสุด เนื่องจากมีบางประเด็นที่ยังต้องเจรจาต่อในอีก 2 เดือนข้างหน้า อย่างไรก็ดี การปรับตัวขึ้นมากของดัชนี ทำให้ในระยะสั้นอาจมี profit taking ได้
สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้ (4 ม.ค.) ประเมินว่า ดัชนีจะเคลื่อนไหวไม่แตกต่างจากวานนี้ โดยคงจะแกว่งในกรอบแคบๆ มีแรงซื้อสลับกับแรงขายต่อเนื่อง เพราะยังไม่มีปัจจัยใหม่เข้ามา จึงแนะแนะนำให้นักลงทุนระวัง Flow จากต่างชาติที่ไหลเข้ามามาก ก็อาจมี profit taking ออกไปบ้าง หลังจากปีที่แล้วซื้อสุทธิสะสมไปหลายหมื่นล้านบาท พร้อมให้แนวรับ 1,400 จุด แนวต้าน 1,420 จุด