โสภณ องค์การณ์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์
ถ้ากวาดสายตามองดูเหตุการณ์บ้านเมืองทั่วโลก ต้องยอมรับว่าประเทศไทยเป็นรัฐพิเศษ มีความแตกต่างจากรัฐทั่วไป แทบจะไม่มีใครทาบติด ด้านวิถีชีวิตการเมือง สังคม ระบบกฎหมายต่างๆ หลังจากยุคคนแดงกุมอำนาจรัฐไทยได้เกือบเด็ดขาด
ทุกวันนี้ยังย่ำยีอย่างหนักทุกทาง รอเมื่อไหร่จะเด็ดสถาบันหลักต่างๆ ให้ขาด!เป้าหมายหลักคือสถาบันสูงสุด จากนั้นจะรื้อโครงสร้างทุกอย่าง ภายไต้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สิ้นสุดองค์กรอิสระ ระบบศาล ตุลาการ กลไกผู้รักษากฎหมาย คุณธรรม
ทุกอย่างจะอยู่ในสภาพเดียวคือ “ต้องเป็นขี้ข้าทักษิณ” จึงจะอยู่รอดปลอดภัย
ใครจะนึกว่ารัฐไทยปัจจุบันอยู่ภายใต้ระบบ “ขี้ข้าทักษิณ” ทั้งๆ ที่โดยทั่วไป “ขี้ข้า” นั้นเป็นชนสุดต่ำชั้นยิ่งกว่าไพร่ ทาส เพราะทั้ง 2 ประเภทเป็นการกำหนดชนชั้นในยุคโบราณ ถูกยกเลิกในสมัยรัชกาลที่ 5 ไร้สงครามกลางเมืองเหมือนในสหรัฐ
การเป็นไพร่ ทาส เป็นสภาพของการถูกยัดเยียด มีระบบ ทาสถูกซื้อขาย ไม่มีการปลดปล่อยตัวเอง โอกาสจะถูกใช้งานหนักทุกอย่างจนตายเป็นเรื่องธรรมดา
ใครจะนึกว่ารัฐไทยภายไต้การบริหารของแม่นางโพยปูโพรกเน่าใน จะมีคนประกาศความเป็นขี้ข้าอย่างเป็นทางการ คนเป็นขี้ข้าส่วนหนึ่งยอมรับสภาพอย่างหน้าชื่นตาบาน มองว่าการเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” นั้นเป็นเอกสิทธิ์และอภิสิทธิชน เท่านั้น
ต้องยอมเป็น “ขี้ข้า” เสียก่อน จะสมบูรณ์หรือไม่ต้องรอให้ “ทักษิณ” รับรอง! และการเป็นขี้ข้าทักษิณยังมีแบ่งระดับ ตั้งแต่ขี้ข้าระดับอำมาตย์ ต่ำชั้นจนเป็นขี้ข้าม้าคอกอยู่ปลายแถว! มีหน้าที่ตักน้ำล้างตีน ขัดถูตีน ให้เจ้านายพอใจ ต้องหมอบคลาน โอกาสจะขึ้นเรือนชาน ยังยาก ต้องให้พวกรับใช้หรือขี้ข้ามีระดับจัดการอีกชั้น
“บักสิงห์เหลิม” ประกาศตัวเป็นคนแรกด้วยสีหน้ายิ้มแย้มว่าตัวเอง “เป็นขี้ข้าทักษิณ” และเป็นมานานแล้ว แถมยังย้อนถาม “สมจิตต์” ผู้สื่อข่าวว่า “เพิ่งรู้หรือ”
คำประกาศยังไม่แน่ชัดว่าได้รับการยอมรับจากสมาชิกครอบครัว เช่นครูลำเนา และลูกชายหัวลูกเต๋า ลูกหัวชักโครกและลูกหัวตะกั่วทั้ง 3 นายหรือไม่ว่าขอเป็น “ลูกขี้ข้าทักษิณ” เพราะจะมีปัญหาด้านความสัมพันธ์เมื่อเจอหน้า “บักโอ๊คอ๊าค” ในผับ บาร์
จากความเป็นเพื่อน “บักโอ๊คอ๊าค” อาจเรียกลูกบักเหลิมว่า “เฮ้ย! มานี่หน่อยดิ ลูกขี้ข้าพ่อกู เติมโซดา น้ำแข็งให้หน่อย ถ้าว่างช่วยนวดส้นตีนให้ด้วย”
ถ้าเป็นลูกขี้ข้า ย่อมไม่กล้าหือ ไม่อย่างนั้นอาจโดนพ่อเล่นงานก็ได้! ดังนั้น 3 ลูกชายบักเหลิมไม่จำเป็นต้องพกความสงสัยไปเที่ยวถามใครอีกแล้วว่า “รู้มั้ยกูลูกใคร” เพราะจะมีชาวสวนชี้แจงทันควัน “อ๋อ! เอ็งมันลูกไอ้ขี้ข้าทักษิณไงล่ะ”
ต้องถือว่า “สมจิตต์ ช่อง 7” สื่อมวลชนหญิงผู้กล้ากว่าชายอกสามศอก และอกตุ๊ด เกย์บางราย เป็นวีรสตรีในวงการสื่อ ซึ่งมีทั้งสื่อแท้ สื่อเทียม สื่อรับจ้าง และสื่อถ่อย รับเงินจากขี้ข้าทักษิณบิดเบือนข่าว ใส่ร้ายป้ายสี ปล่อยข้อมูลลวงให้ชาวบ้าน
ร้ายแรงที่สุดคือพฤติกรรมลวงโลก สร้างความเข้าใจผิดให้สังคมว่าบักโอ๊คอ๊าคมีภูมิปัญญาแสดงความคิดเห็นเรื่องต่างๆ ในเฟซบุ๊ค เช่นการข่าว อาวุธ มวยไทย ข้อมูลเชิงลึกทางการเมือง น่าเหลือเชื่อว่ามีศักยภาพเช่นนั้น ทั้งๆ ที่ชีวิตไม่มีแก่นสาร
ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ บักโอ๊คอ๊าคจัดอยู่ในพวกนิยมเสพสุข มีปัญหาในการเรียน การสอบ ถูกกล่าวหาว่าพกโพยเข้าห้องสอบ เป็นบุคคลต้นแบบให้น้องๆ แต่มีความร่ำรวย เป็นลูกรักพ่อรอมรดกมหาศาล ถ้ายังจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในบ้านเกิด
แต่ใครจะนึกว่าความเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” เป็นสุดยอดของความปรารถนาของนักการเมือง และขบวนการเสื้อแดงเผาบ้านเผาเมือง แกนนำหลายคนมีส่วนร่วมในการปลุกระดมชนเผ่าเสื้อแดงก่อการร้าย แต่มีเพียงไม่กี่รายถูกยกระดับเป็นอำมาตย์
วิธีการเสนอตัวเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” นั้นต้องเป็นชนเผ่าเสื้อแดง หรือสังกัดพรรคเพื่อเหลี่ยม ถ้าอยู่วงนอก มีสถานภาพเป็นข้าราชการ จะมีสถานภาพซ้อนเป็น “ข้า” ราชการ และเป็น “ขี้ข้า” ทักษิณด้วย ถือว่าได้เปรียบ มีโอกาสได้ทำชั่วมากกว่า
หลายคนมีพฤติกรรมเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” โดยไม่จำเป็นต้องประกาศ หรือตราหน้าตัวเองว่าเป็น “ขี้ข้า” เพราะการกระทำสำคัญ ชี้ชัดกว่าการมีสถานภาพ! ถ้าเป็น “ขี้ข้า” ทั้งกายและใจ หน้าด้าน ไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นคนแล้ว ก็ยิ่งดีใหญ่!
การเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ไม่จำกัดเพศ วัย หรือคุณสมบัติ ถ้าเป็นระดับดอกเตอร์ถือว่ามีศักยภาพและขอบเขตกว้างขวางในการทำความชั่วระดับสูง ซับซ้อน ระดับนานาชาติ ได้รับการยอมรับเรื่องความใจกล้า หน้าด้าน ตอแหล ตะแบงหน้าซื่อตาใส
“ขี้ข้าทักษิณ” ชั้นสูงยังรวมพวกโจรซึ่งควบรวมอาชีพทนายความไว้ด้วย เป็นโจรแท้มีอาชีพทนายประกอบ จึงเหนือกว่าทนายผู้ให้บริการโจรทั่วไป! พวกนี้มักถือซองสีน้ำตาล กระเป๋า หาโอกาสนำเรื่องต่างๆ ไปฟ้องตำรวจ ศาล องค์กรอิสระ ฯลฯ
จะรับบทโจรทนายต้องใจกล้า หน้าด้าน มากกว่าทนายโจร หรือพวกเอาถุงขนมไปให้ตุลาการแล้วอ้างหน้าตาเฉยหลังจากโดนจับได้ว่ามีความสับสน หลงลืมแยกแยะว่าถุงไหนใส่เงิน หรือถุงไหนใส่ขนม บางครั้งต้องติดคุกก็ยังไม่คิดอายสุนัข
เป็น “ขี้ข้าทักษิณ” แล้วดีอย่างไร? เรื่องพรรค์ไม่มีคำตอบตายตัว ขึ้นอยู่กับภารกิจและระดับความหน้าด้าน! คนมียางอาย หน้าบาง รักศักดิ์ศรี ไม่มีวันก้าวหน้า เพราะมีคู่แข่งพร้อมจะหน้าด้านกว่า กล้าทำความชั่วมากกว่า จึงจะร่ำรวยจีรังยั่งยืน
“ขี้ข้าทักษิณ” หลายรายเป็นรัฐมนตรีช่วงสั้นๆ ได้สมัยเดียวเพราะมือไม่ถึง โกงไม่เก่ง ขาดกลยุทธและความคิดริเริ่มในการสรรหากลโกงโครงการใหม่ๆ ให้กินคำโต
มีบางราย ทำความชั่วมาตลอดชีวิต ก็ยังไม่วายจะโดนเขี่ยทิ้ง เพราะคลื่นระลอกหลังย่อมไล่คลื่นระลอกแรก มีรุ่นใหม่ๆ ท้าชิงตำแหน่งเสมอ! ดังนั้น “ขี้ข้า” สูงอายุจึงเสี่ยงต่อการเสียตำแหน่งให้รุ่นใหม่ ซึ่งกล้าขายชาติ ทรยศแผ่นดินเกิด
“ขี้ข้าทักษิณ” มีแบบ “ยกทั้งองค์กร” เช่นพวกทำงานในกระบวนการยุติธรรมบางระดับ “ยกรุ่น” เช่นพวกเรียนด้วยกันในสถาบันต่างๆ ไล่ลงจนถึง “ยกครัว” มีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงจากลูกสาวจนถึงตัวพ่อซึ่งเป็นนักธุรกิจ หุ้นส่วน หุ้นลม ฯลฯ
ทุกวันนี้ไม่มีใครบอกได้ว่าจำนวน “ขี้ข้าทักษิณ” เพิ่มหรือลดลง! แต่มีช่องว่างเสมอสำหรับคนชั่วโดยทั่วไปซึ่งต้องการสถานภาพใหม่เติมเต็มให้ชีวิต กระเป๋าจะเต็มหรือไม่ขึ้นอยู่กับวาระ ความสามารถ! แต่คนดีมักมีข้อจำกัด เป็น “ขี้ข้าทักษิณ” ไม่ได้
โปรดสำรวจตัวเองว่าได้เป็น หรืออยากเป็น “ขี้ข้าทักษิณ” หรือไม่!