xs
xsm
sm
md
lg

“เสธ.อ้าย” ให้อะไรแก่ “พันธมิตรฯ” ?!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


คอลัมน์ : ด้ามขวานผ่าซาก
โดย...ปิยะโชติ  อินทรนิวาส
 
อานิสงส์ที่สังคมไทยได้จากการชุมนุมของประชาชนภายใต้การนำของ เสธ.อ้าย ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2555 มีผู้นำเสนอไปมากมาย และหลากหลายมุมมอง ผมเพียงอยากย้ำบางประเด็นที่คิดว่าสำคัญ และเชื่อว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนในวันข้างหน้า โดยเฉพาะคนจำนวนมากคิดว่าน่าจะมีขึ้นในอีกไม่ช้านานแล้ว เพราะคาดเดาได้ไม่อยากเมื่อดูพฤติกรรมของกลุ่มก๊วนนักการเมือง ซึ่งต่างกำลังเร่งรีบรุมทึ้งตักตวงเอาจากประเทศชาติด้วยสัญชาตญาณที่รู้ว่าเหลือเวลาน้อยเต็มที

หรือพูดให้ชัดๆ ไปเลยว่า ถือเป็นคุณูปการโดยตรงหากพันธมิตรฯ จะเป่านกหวีดระดมพล เพื่อนำไปสู่สิ่งที่วาดหวังไว้ในลักษณะเป็นการปฏิวัติของประชาชน

ประเด็นหนึ่ง สังคมไทยได้เห็นประจักษ์แจ้งว่า คนบ้าอำนาจอย่างนักโทษหนีคุกทักษิณ ชินวัตร ยังคงชักใยบงการฝ่ายกุมอำนาจรัฐไทยได้อย่างประสบผล สามารถสั่งการให้ระบอบทักษิณที่ตนปลุกปั้นขึ้นมากับมือประสานการรับมือมวลชน เสธ.อ้ายได้เต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการแสดงออกได้ชัดเจนที่สุดคือ ทักษิณวิดีโอลิงก์เข้าหาเครือข่ายในไทยก่อนเกิดเหตุ และมีการประกาศศักดาความเป็นรัฐตำรวจที่เข้าไปจัดการผู้ร่วมชุมนุมได้อย่างเหิมเกริม และอหังการระหว่างเหตุการณ์ชุมนุม

ส่งผลให้ประชาชนกว่าครึ่งเข้าไม่ถึงลานพระบรมรูปฯ ตามเวลานัดหมาย และกลับมีอันต้องแตกกระเจิงเพราะระเบิดแก๊สน้ำตา 2 ระลอก ทั้งเช้าและบ่าย ทำให้ไม่สามารถรวมกันเป็นกลุ่มก้อนอย่างมีพลัง อีกทั้งมีคนจำนวนไม่น้อยได้รับบาดเจ็บ ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสงฆ์ และผู้เฒ่าผู้แก่ แถมนับร้อยคนต้องถูกจับกุมกวาดต้อนนำตัวไปคุมขัง ไม่เว้นแม้กระทั่งสื่อมวลชนที่กำลังปฏิบัติหน้าที่

ผมเชื่อว่าหลัง เสธ.อ้ายขึ้นไปประกาศยุติการชุมนุม ช่วงค่ำวันนั้นบรรดาแก่นแกนในคณะรัฐบาลน้องสาวหุ่นเชิดทักษิณ พลพรรคเพื่อไทย และเครือข่ายเสื้อแดง คงได้เฉลิมฉลองกันอย่างสนุกสนาน แม้หลายคนต้องประกาศชัยอยู่ในสถานที่ซุ่มซ่อนที่เตรียมทางหนีทีไล่ไว้ก็ตาม อีกทั้งมีบางคนได้บินหนีความวุ่นวายไปร่วมชนแก้วไวน์กับทักษิณถึงต่างประเทศด้วย

แน่นอน คนหน้าเหลี่ยม และเครือข่ายระบอบทักษิณต้องภาคภูมิใจกับผลงานสลายการชุมนุมของประชาชนได้สำเร็จ แต่ผมกลับมองเห็นว่า นั่นเป็นการเติมเชื้อไฟในลักษณะสะสมพลังให้แก่การเมืองภาคประชาชนที่หยัดยืนอยู่ตรงข้ามได้อย่างดียิ่ง เพราะต้องไม่ลืมว่า มวลชนที่ เสธ.อ้ายเรียกระดมพลมีการประกาศไว้ชัดว่า ล้วนเป็นพวกที่รับไม่ได้กับการบริหารงานที่ล้มเหลว และมากไปด้วยกลโกงของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึงคนที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมสามานย์ของระบอบทักษัณที่ครอบงำสังคมไทยมานาน

ขอย้ำไว้ตรงนี้ด้วยว่า ประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับ เสธ.อ้าย ล้วนเป็นประเภท “ทนไม่ไหวแล้วโว้ย” กับรัฐบาล และระบอบทักษิณ ดังนั้น ภายหลังที่การชุมนุมถูกทำให้ต้องยุติอย่างรวดเร็วจากการใช้ความรุนแรงของกลไกอำนาจรัฐ ผมจึงไม่เชื่อว่านั่นจะเป็นการสร้างความหวาดกลัวให้เกิดขึ้นในจิตใจนักต่อสู้เหล่านั้นได้ มีแต่จะเพิ่มความสุดจะทนได้อีกต่อไปแล้วให้ทบเท่าทวีคูณมากกว่า

อีกประเด็น สิ่งที่จูงใจให้ประชาชนออกมาร่วมชุมนุมใหญ่ตามนัดหมายของ เสธ.อ้าย นอกจากต้องการไล่รัฐบาลเลว ระบอบทักษัณสามานย์แล้ว ยังมีวาทกรรมที่แม้จะถูกนำไปวิพากษ์วิจารณ์จากฝ่ายตรงข้าม แต่ถือเป็นจุดขายในการเรียกมวลชนได้เป็นอย่างดีคือ “แช่แข็งนักการเมือง” ซึ่งสะท้อนว่า บรรดานักการเมืองไทยไม่ว่าจะขั้วไหน ฝ่ายค้าน หรือรัฐบาล ต่างล้วนเป็นพวกที่มากพิษสง และสร้างความเลวร้ายให้แก่บ้านเมืองอย่างสาหัสสากรรจ์ต่อเนื่องมา

จึงถึงเวลาที่คนไทยต้องร่วมใจกันจับคนพวกนี้จะด้วยวิธีการใดก็ตาม นำไปฟรีซไว้ไม่ให้กลับเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองอีก หรืออย่างน้อยก็ห้วงเวลาหนึ่งอาจจะ 5 หรือ 10 ปี เพื่อให้ประเทศชาติได้มีโอกาสฟื้นตัวจากการถูกปู้ยี่ปู้ยำ และที่สำคัญเพื่อให้ภาคประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาบ้านเมืองอย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ได้มีสิทธิตัดสินใจเพียง 4 วินาทีตอนกาบัตรเลือกตั้ง หลังจากนั้นก็ยอมให้นักการเมืองไปแอบอ้างใช้หากินอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน

สำหรับพรรคประชาธิปัตย์ที่พยายามสร้างภาพว่าตัวเองเป็นฝ่ายเทพ แล้วระบายสีฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกมารมาตลอดนั้น ผมอยากจะบอกว่า ถ้านักการเมืองแก๊งนี้เป็นของแท้ และคำประกาศของหัวหน้าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่พลพรรคเอาไปพ่นต่อจนน้ำลายกระจายไปทั่วบ้านเมืองที่ว่า “ประชาชนต้องมาก่อน” เป็นของจริง ทำไมไม่กล้าประกาศเข้าร่วม หรือสนับสนุนการชุมนุมประชาชน เสธ.อ้าย ทั้งที่นั่นเป็นความต้องของประชาชนจำนวนมหาศาล แล้วก็สอดรับกับภาพลักษณ์ที่ได้พยายามวาดทาให้แก่ตัวเองมาตลอดไม่ใช่หรือ

ยิ่งเมื่อมองย้อนอดีตอย่างพินิจพิเคราะห์สักนิด สังคมไทยเราจะพบความจริงว่า ประชาธิปัตย์ไม่ว่าจะยุดใดสมัยใดล้วนเชี่ยวชาญในการสร้างภาพ โดยพฤติกรรมของบรรดานักการเมืองแก๊งนี้ก็ใช่จะผิดแผกไปจากกลุ่มก๊วนอื่นๆ แถมยังมีความเกี่ยวเนื่อง โยงใย และสลับสับเปลี่ยนกันไปมาให้เห็น หรือถ้าจะสรุปว่าเล่นการเมืองไม่แตกต่างไปจากพลพรรคเพื่อไทย ภูมิใจไทย ชาติไทยพัฒนา หรือพรรคอื่นๆ ที่มีอยู่ก็น่าจะได้

จึงเป็นที่เชื่อได้ว่า ไม่ว่าจะประชาชนที่เข้าร่วม เฝ้าดู หรือรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการชุมนุมของ เสธ.อ้าย เวลานี้น่าจะเข้าใจถ่องแท้ถึงเหตุผลว่าทำไมต้องแช่แข็งนักการเมือง โดยไม่ต้องรอให้ไทยเสียดินแดนจริงจากกรณีศาลโลกพิพากษาเขาพระวิหาร หรือต้องรอให้เกิดอะไรขึ้นกับ 2 คนไทยผู้รักชาติที่ถูกนักการเมืองไทยผลักไสให้ไปติดคุกเขมร รวมถึงกรณีฝ่ายการเมืองรวมหัวต่างชาติฮุบน้ำมัน และก๊าซของคนไทยจนหมดหรอก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับผู้ที่เป็นพันธมิตรฯ สายประชาธิปัตย์ ผมเชื่อว่าน่าจะตาสว่างกันขึ้นอีกมากโขทีเดียว เนื่องเพราะทุกเรื่องราวที่เป็นบรรดานักการเมืองกระทำเป็นการคิดแต่จะเอาประโยชน์ใส่ตัว โดยไม่สนว่าจะไปบ่อนเซาะ หรือทำร้ายประเทศชาติหนักหนาแค่ไหน ส่วนใหญ่ล้วนมีพลพรรคประชาธิปัตย์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

ประเด็นสุดท้าย ผมว่าน่าจะเป็นอานิสงส์โดยตรง การชุมนุมประชาชนครั้งใหญ่ของเสธ.อ้าย แม้มีเหตุให้ต้องจบลงกลางคันแบบไม่ทันข้ามวัน แต่ก็มีบทเรียนดีๆ ให้เก็บซับมากมายสำหรับคนทำงานการเมืองภาคประชาชน โดยเฉพาะการรวบรวมผู้คนจากทุกกลุ่ม ทุกสี ทุกความคิดเห็นที่แม้ไม่สอดคล้องกันในรายละเอียดบางเรื่อง แต่โดยพื้นฐานเห็นว่าบรรดานักการเมืองไม่ต่างจากอสรพิษ โดยเฉพาะพวกขี้ข้าทักษิณเป็นภัยอย่างร้ายแรงต่อประเทศชาติ และประชาชนเหมือนกัน เมื่อได้มีโอกาสมารวมตัวกันแสดงพลังเพื่อนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงครั้งที่ผ่านมา สิ่งนี้ยอมเป็นคุณต่อการขับเคลื่อนการเมืองภาคประชาชนครั้งต่อๆ ไป

ต้องไม่ลืมว่า การชุมนุมของ เสธ.อ้ายไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็เกิดขึ้นมาได้ หากมองย้อนไปสู่พัฒนาการจะเห็นความเชื่อมโยงสานใยให้แก่กันและกันของกลุ่มคนอันหลากหลายจนเป็นฐานรากที่เหนียวแน่น และนั่นก็เชื่อมร้อยถึงพันธมิตรฯ อย่างยากจะแยกออกด้วยเช่นกัน หากพันธมิตรฯ จะเป่านกหวีดเรียกระดมพลังประชาชนครั้งต่อไป อย่างน้อยก็มีภาพการรวมพลของ เสธ.อ้ายเป็นต้นแบบนำร่องให้ทุกฝ่าย ทุกสี และทุกคนตัดสินใจเข้าร่วมได้ง่ายขึ้น

สำหรับผมยังเชื่อมั่นในเสียงของพี่น้องประชาชนที่เข้าร่วมชุมนุมกับเสธ.อ้าย ซึ่งได้ตะโกนก้องไว้ในทำนองเดียวกันว่า “เรียกเมื่อไหร่ก็จะมาอีก และจะชวนคนมาเพิ่มด้วย” สิ่งนี้จะเกิดขึ้นจริงอย่างแน่นอน

กำลังโหลดความคิดเห็น