ASTVผู้จัดการรายวัน – ทรูวิชั่นส์เปิดแผนหลังวืดพรีเมียร์ลีก อัดเพิ่มช่องรายการรุกหนักช่องHD เสริมแกร่งคอนเวอร์เจ้นท์ให้บริการแบบทริปเปิ้ลเพย์ ขยายเพิ่มแพกเกจให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ วางตัวเองเป็นคอนเทนต์โพไวเดอร์ ล่าสุดจับมือCOA ขายช่องรายการอีก 30 ช่อง หวังเจาะถึงแมสเพิ่มอีก 1.5 ล้านครัวเรือน
นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ทรูวิชั่นส์ไม่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดไปนั้น ยอมรับว่าเสียใจที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้ แต่ทั้งนี้ถือว่าบริษัททำดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของเม็ดเงินในการประมูลครั้งนี้ ถือว่าสูสีและสมศักดิ์ศรีในการเข้าร่วมประมูลกับผู้ที่ได้สิทธิ์ไป
ทางบริษัทเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์หลังจากที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก โดยมุ่งหาคอนเทนต์รายการดีๆมีคุณภาพทั้งไทยและเทศ โดยต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีมูลค่าเพิ่มที่ได้มากกว่าการรับชมพรีเมียร์ลีก เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่สมาชิก
***เมินซื้อลิขสิทธิ์ต่อจาก CTH เชื่อไม่คุ้มทุน
ด้านนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าทรูวิชั่นส์จะไม่ได้สิทธิ์พรีเมียร์ลีก แต่บริษัทมุ่งคอนเทนต์อื่นมาทดแทน ขณะนี้สำรวจกับสมาชิกว่าต้องการคอนเทนต์ประเภทใด แต่ยังไม่ได้รับตัวเลขที่ชัดเจน ว่ามีลูกค้าที่ไม่พอใจหรือขอยกเลิกไปมากน้อยเพียงใด ทางบริษัทไม่มีนโยบายที่จะขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากซีทีเอช เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ เพราะเชื่อว่าไม่คุ้มในเชิงการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการพลาดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก จะเห็นผลกระทบชัดเจนในช่วงส.ค.ปี2556 โดยเฉพาะช่วงเวลาค่ำของวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการปรับแผนรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เตรียมหาคอนเทนต์ใหม่ๆมานำเสนอ พร้อมปรับกลยุทธ์ ปรับแผนและตัวเลขสมาชิกใหม่หมด
โดยจะเห็นภาพชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของทรูวิชั่นส์ในก้าวต่อไปในเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้
***ชู 3 กลยุทธ์สู้ศึกเคเบิลทีวี
แผนการดำเนินงานของทรูวิชั่นส์ หลังจากนี้จะลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท ที่เคยใช้ในแต่ละปีในการซื้อเพิ่มและพัฒนาคอนเทนต์ แบ่งเป็น 3 แนวหลัก คือ 1. จะเพิ่มช่องรายการคอนเทนต์ที่มีคุณภาพทั้งไทยและต่างประเทศเทศมากยิ่งขึ้น โฟกัสไปยังช่องรายการแบบเอชดีมากขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 17 ช่อง เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายลูกค้าแพกเกจระดับพรีเมี่ยม
2.ปรับเพิ่มแพกเกจการรับชมในลักษณะไลฟ์สไตล์แพกเกจ เช่น แพกเกจเด็กและเยาวชน หรือกีฬา แต่ไม่มีนโยบายลดราคาแพกเกจลงมา และ3.ให้ความสำคัญกับโครงข่าย โดยจะมุ่งสู่รูปแบบการให้บริการแบบทริปเปิ้ลเพย์ที่ร่วมกับทางทรูออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันให้บริการแล้วกว่า 50 จังหวัด ปีหน้าจะมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
***สวมบทคอนเทนต์โพรไวเดอร์
บริษัทมีนโยบายเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ ล่าสุดจับมือกับสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวี หรือซีโอเอ ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นชั้นนำกว่า 150 ราย นำเสนอ True Cable Partners Pack ซึ่งเป็นแพกเกจช่องรายการส่งเสริมพันธมิตรเคเบิลไทย ที่รวบรวมช่องรายการหลากหลายกว่า 30 ช่อง เบื้องต้น 12 ช่องแรก ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ส่วนอีก 18 ช่อง เป็นการซื้อเพิ่มเติม แล้วแต่ผู้ประกอบการต้องการ โดยราคาซื้อเพิ่มเติมนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกของผู้ประกอบการแต่ละราย
ทั้งนี้คาดว่าจะเข้าถึงจำนวนฐานผู้ชมมากกว่า และทำให้ทรูวิชั่นส์เข้าถึงกลุ่มแมสได้ถึง 1.5 ล้านครัวเรือน คาดว่าในปีหน้าจะขยายสู่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศ 300 ราย และเข้าถึงกลุ่มแมสที่ 3 ล้านครัวเรือนได้
“ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อยกระดับและช่วยให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นแข่งขันได้ในอนาคต โดยในเฟสต่อไปจะมีความร่วมมือกันในเรื่องของกล่องการรับชม รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านจากระบบการออกอากาศแบบอะนาล็อกสู่ดิจิตอล อนาคตจะมีช่องรายแบบเอชดีมานำเสนอแก่ทางเคเบิลทีวีต่อไปด้วย”
ปัจจุบันทรูวิชั่นส์ มีรายได้หลักมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ สมาชิก 80% โฆษณา 10% และอีก 10% มาจากอื่นๆ ทั้งนี้หลังเข้าสู่การเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ มองว่าใน 3-5 ปีจากนี้ จะมีรายได้โต 3-5% ขณะที่ฐานสมาชิกปัจจุบันรวมแล้วมีกว่า 2 ล้านราย แบ่งเป็นเพย์แพกเกจอย่าง โกลด์และแพลททินัมกว่า 3 แสนราย ที่เหลือมาจากกลุ่มทรูโนวเลจและกล่องทรูแบบขายขาด
นายองอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายคอมเมอร์เชียล บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่ทรูวิชั่นส์ไม่ได้สิทธิ์ในการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลถัดไปนั้น ยอมรับว่าเสียใจที่ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของสมาชิกได้ แต่ทั้งนี้ถือว่าบริษัททำดีที่สุดแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของเม็ดเงินในการประมูลครั้งนี้ ถือว่าสูสีและสมศักดิ์ศรีในการเข้าร่วมประมูลกับผู้ที่ได้สิทธิ์ไป
ทางบริษัทเตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์หลังจากที่ไม่ได้รับลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก โดยมุ่งหาคอนเทนต์รายการดีๆมีคุณภาพทั้งไทยและเทศ โดยต้องเป็นคอนเทนต์ที่มีมูลค่าเพิ่มที่ได้มากกว่าการรับชมพรีเมียร์ลีก เพื่อสร้างความพึงพอใจให้แก่สมาชิก
***เมินซื้อลิขสิทธิ์ต่อจาก CTH เชื่อไม่คุ้มทุน
ด้านนายอาณัติ เมฆไพบูลย์วัฒนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรูวิชั่นส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า แม้ว่าทรูวิชั่นส์จะไม่ได้สิทธิ์พรีเมียร์ลีก แต่บริษัทมุ่งคอนเทนต์อื่นมาทดแทน ขณะนี้สำรวจกับสมาชิกว่าต้องการคอนเทนต์ประเภทใด แต่ยังไม่ได้รับตัวเลขที่ชัดเจน ว่ามีลูกค้าที่ไม่พอใจหรือขอยกเลิกไปมากน้อยเพียงใด ทางบริษัทไม่มีนโยบายที่จะขอซื้อลิขสิทธิ์ต่อจากซีทีเอช เพื่อนำไปเผยแพร่ต่อ เพราะเชื่อว่าไม่คุ้มในเชิงการดำเนินธุรกิจ
สำหรับการพลาดลิขสิทธิ์พรีเมียร์ลีก จะเห็นผลกระทบชัดเจนในช่วงส.ค.ปี2556 โดยเฉพาะช่วงเวลาค่ำของวันเสาร์และอาทิตย์ที่จะมีการถ่ายทอดสดการแข่งขัน ดังนั้นทางบริษัทจึงต้องมีการปรับแผนรับมือกับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า เตรียมหาคอนเทนต์ใหม่ๆมานำเสนอ พร้อมปรับกลยุทธ์ ปรับแผนและตัวเลขสมาชิกใหม่หมด
โดยจะเห็นภาพชัดเจนในการดำเนินธุรกิจของทรูวิชั่นส์ในก้าวต่อไปในเดือนก.พ.ที่จะถึงนี้
***ชู 3 กลยุทธ์สู้ศึกเคเบิลทีวี
แผนการดำเนินงานของทรูวิชั่นส์ หลังจากนี้จะลงทุนมากกว่า 5,000 ล้านบาท ที่เคยใช้ในแต่ละปีในการซื้อเพิ่มและพัฒนาคอนเทนต์ แบ่งเป็น 3 แนวหลัก คือ 1. จะเพิ่มช่องรายการคอนเทนต์ที่มีคุณภาพทั้งไทยและต่างประเทศเทศมากยิ่งขึ้น โฟกัสไปยังช่องรายการแบบเอชดีมากขึ้น จากปัจจุบันมีอยู่ 17 ช่อง เพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมายลูกค้าแพกเกจระดับพรีเมี่ยม
2.ปรับเพิ่มแพกเกจการรับชมในลักษณะไลฟ์สไตล์แพกเกจ เช่น แพกเกจเด็กและเยาวชน หรือกีฬา แต่ไม่มีนโยบายลดราคาแพกเกจลงมา และ3.ให้ความสำคัญกับโครงข่าย โดยจะมุ่งสู่รูปแบบการให้บริการแบบทริปเปิ้ลเพย์ที่ร่วมกับทางทรูออนไลน์มากขึ้น จากปัจจุบันให้บริการแล้วกว่า 50 จังหวัด ปีหน้าจะมีการพัฒนารูปแบบการให้บริการที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
***สวมบทคอนเทนต์โพรไวเดอร์
บริษัทมีนโยบายเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ ล่าสุดจับมือกับสมาคมการค้าผู้ประกอบการเคเบิ้ลทีวี หรือซีโอเอ ผู้ประกอบการเคเบิลท้องถิ่นชั้นนำกว่า 150 ราย นำเสนอ True Cable Partners Pack ซึ่งเป็นแพกเกจช่องรายการส่งเสริมพันธมิตรเคเบิลไทย ที่รวบรวมช่องรายการหลากหลายกว่า 30 ช่อง เบื้องต้น 12 ช่องแรก ไม่มีค่าใช้จ่ายรายเดือน ส่วนอีก 18 ช่อง เป็นการซื้อเพิ่มเติม แล้วแต่ผู้ประกอบการต้องการ โดยราคาซื้อเพิ่มเติมนี้ ขึ้นอยู่กับจำนวนสมาชิกของผู้ประกอบการแต่ละราย
ทั้งนี้คาดว่าจะเข้าถึงจำนวนฐานผู้ชมมากกว่า และทำให้ทรูวิชั่นส์เข้าถึงกลุ่มแมสได้ถึง 1.5 ล้านครัวเรือน คาดว่าในปีหน้าจะขยายสู่ผู้ประกอบการเคเบิลทีวีทั่วประเทศ 300 ราย และเข้าถึงกลุ่มแมสที่ 3 ล้านครัวเรือนได้
“ความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อยกระดับและช่วยให้เคเบิลทีวีท้องถิ่นแข่งขันได้ในอนาคต โดยในเฟสต่อไปจะมีความร่วมมือกันในเรื่องของกล่องการรับชม รวมถึงให้คำปรึกษาด้านการเปลี่ยนผ่านจากระบบการออกอากาศแบบอะนาล็อกสู่ดิจิตอล อนาคตจะมีช่องรายแบบเอชดีมานำเสนอแก่ทางเคเบิลทีวีต่อไปด้วย”
ปัจจุบันทรูวิชั่นส์ มีรายได้หลักมาจาก 2 ส่วนหลัก คือ สมาชิก 80% โฆษณา 10% และอีก 10% มาจากอื่นๆ ทั้งนี้หลังเข้าสู่การเป็นคอนเทนต์โพรไวเดอร์ มองว่าใน 3-5 ปีจากนี้ จะมีรายได้โต 3-5% ขณะที่ฐานสมาชิกปัจจุบันรวมแล้วมีกว่า 2 ล้านราย แบ่งเป็นเพย์แพกเกจอย่าง โกลด์และแพลททินัมกว่า 3 แสนราย ที่เหลือมาจากกลุ่มทรูโนวเลจและกล่องทรูแบบขายขาด