ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลออสเตรเลียตัดสินคดีการบินไทยฮั้วค่าธรรมเนียมน้ำมัน สั่งจ่ายค่าปรับ 7.5 ล้านเหรียญออสเตรเลีย รวมค่าทนายอีก 5 แสนเหรียญ คิดเป็นเงิน 240 ล้านบาท “สรจักร”ยันไม่กระทบผลประกอบการ เหตุตั้งสำรองไว้ล่วงหน้าแล้ว ทยอยจ่าย7 งวด เผยเหลือศาลนิวซีแลนด์อีกคาดตัดสินต้นปี 56
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 นางสุวิมล บัวเลิศ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีถูกฟ้องคดีละเมิดกฎหมายป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม (Antitrust) โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ศาลออสเตรเลียได้มีคำสั่งให้บริษัทฯชำระค่าปรับให้แก่ทางการของประเทศออสเตรเลียเป็นจำนวนเงิน 7.5 ล้านเหรียญออสเตรเลียพร้อมค่าทนายความจำนวน 500,000 เหรียญออสเตรเลีย รวมทั้งสิ้น 8 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 240 ล้านบาท โดยบริษัทฯสามารถผ่อนชำระค่าปรับได้ 7 งวด เป็นเวลา 3 ปี โดยบริษัทฯได้ตั้งสำรองไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 คณะกรรมการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (Australian Competition and Consumer Commission: ACCC) ได้ยื่นฟ้องกล่าวหาว่า บริษัทฯกระทำการละเมิดกฎหมาย Trade Practices Act 1974 โดยฮั้วกับสายการบินอื่นในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิงและความปลอดภัยจากลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างปี 2001-2005 โดยคำพิพากษาเป็นไปตามคำประนีประนอมยอมความของบริษัทและ ACCC
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทยกล่าวว่า การจ่ายค่าปรับดังกล่าวจะไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากได้มีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้แล้วซึ่งสูงกว่าที่ต้องขำระจริงทำให้มีเงินเหลืออีกด้วย โดยตามข้อตกลงบริษัทจะชำระงวดละ 1.6 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 48 ล้านบาท ทุกๆ6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่งบปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งคดีดังกล่าว ไม่ได้มีเพียงการบินไทยสายการบินเดียวแต่ยังมีอีก 15 สายการบินที่ถูกฟ้องและต้องจ่ายค่าปรับเช่นกัน เช่น สายการบินแควนตัส แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 20 ล้านเหรียญออสเตรเลีย สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 12 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เป็นต้นซึ่งวงเงินที่ถูกปรับขึ้นอยุ่กับปริมาณการขนส่งสินค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการขนส่ง สินค้าทางอากาศในลักษณะที่เป็นความผิดตามกฎหมายแข่งขันทางการค้าในเส้นทางการบินที่เกี่ยวข้องนั้น การบินไทยยังเหลือคดีที่ศาลนิวซีแลนด์อีกซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประนีประนอม และคาดว่าจะมีคำตัดสินช่วงต้นปี 2556 โดยวงเงินจะต่ำกว่าคดีที่ออสเตรเลียเนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าไปยังนิวซีแลนด์น้อยกว่า
“เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่งดีดีการบินไทย ซึ่งบริษัทได้มีการวางแผนเตรียมความพร้อมไว้รองรับแล้วกรณีที่แพ้คดี โดยได้กันสำรองค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้า และได้มีการเจรจาประนีประนอมกับผู้ฟ้องมาโดยตลอด จนคดีมาสิ้นสุดในช่วงนี้ โดยในภาพรวมไม่ถือว่ามีผลกระทบหรือสร้างความเสียหายกับบริษัทแต่อย่างใด”นายสรจักรกล่าว
รายงานข่าวแจงว่า การบินไทยได้มีการกันสำรองค่าใช้จ่ายไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2551 ช่วงที่คดีส่วนใหญ่จะยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2555 นางสุวิมล บัวเลิศ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักเลขานุการ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรณีถูกฟ้องคดีละเมิดกฎหมายป้องกันการค้าที่ไม่เป็นธรรม (Antitrust) โดยเมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2555 ศาลออสเตรเลียได้มีคำสั่งให้บริษัทฯชำระค่าปรับให้แก่ทางการของประเทศออสเตรเลียเป็นจำนวนเงิน 7.5 ล้านเหรียญออสเตรเลียพร้อมค่าทนายความจำนวน 500,000 เหรียญออสเตรเลีย รวมทั้งสิ้น 8 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 240 ล้านบาท โดยบริษัทฯสามารถผ่อนชำระค่าปรับได้ 7 งวด เป็นเวลา 3 ปี โดยบริษัทฯได้ตั้งสำรองไว้ล่วงหน้าแล้ว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 คณะกรรมการแข่งขันและผู้บริโภคแห่งออสเตรเลีย (Australian Competition and Consumer Commission: ACCC) ได้ยื่นฟ้องกล่าวหาว่า บริษัทฯกระทำการละเมิดกฎหมาย Trade Practices Act 1974 โดยฮั้วกับสายการบินอื่นในการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเชื้อเพลิงและความปลอดภัยจากลูกค้าที่ใช้บริการขนส่งสินค้าทางอากาศระหว่างปี 2001-2005 โดยคำพิพากษาเป็นไปตามคำประนีประนอมยอมความของบริษัทและ ACCC
นายสรจักร เกษมสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) การบินไทยกล่าวว่า การจ่ายค่าปรับดังกล่าวจะไม่กระทบต่อผลประกอบการของบริษัท เนื่องจากได้มีการตั้งสำรองค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ไว้แล้วซึ่งสูงกว่าที่ต้องขำระจริงทำให้มีเงินเหลืออีกด้วย โดยตามข้อตกลงบริษัทจะชำระงวดละ 1.6 ล้านเหรียญออสเตรเลีย หรือประมาณ 48 ล้านบาท ทุกๆ6 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่งบปี 2555 เป็นต้นไป ซึ่งคดีดังกล่าว ไม่ได้มีเพียงการบินไทยสายการบินเดียวแต่ยังมีอีก 15 สายการบินที่ถูกฟ้องและต้องจ่ายค่าปรับเช่นกัน เช่น สายการบินแควนตัส แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 20 ล้านเหรียญออสเตรเลีย สายการบินเอมิเรตส์ แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 12 ล้านเหรียญออสเตรเลีย และสายการบินสิงคโปร์ แอร์ไลน์ ถูกปรับเป็นเงิน 10 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เป็นต้นซึ่งวงเงินที่ถูกปรับขึ้นอยุ่กับปริมาณการขนส่งสินค้าด้วย
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมพิเศษสำหรับการขนส่ง สินค้าทางอากาศในลักษณะที่เป็นความผิดตามกฎหมายแข่งขันทางการค้าในเส้นทางการบินที่เกี่ยวข้องนั้น การบินไทยยังเหลือคดีที่ศาลนิวซีแลนด์อีกซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประนีประนอม และคาดว่าจะมีคำตัดสินช่วงต้นปี 2556 โดยวงเงินจะต่ำกว่าคดีที่ออสเตรเลียเนื่องจากปริมาณการขนส่งสินค้าไปยังนิวซีแลนด์น้อยกว่า
“เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนที่ผมจะมารับตำแหน่งดีดีการบินไทย ซึ่งบริษัทได้มีการวางแผนเตรียมความพร้อมไว้รองรับแล้วกรณีที่แพ้คดี โดยได้กันสำรองค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้า และได้มีการเจรจาประนีประนอมกับผู้ฟ้องมาโดยตลอด จนคดีมาสิ้นสุดในช่วงนี้ โดยในภาพรวมไม่ถือว่ามีผลกระทบหรือสร้างความเสียหายกับบริษัทแต่อย่างใด”นายสรจักรกล่าว
รายงานข่าวแจงว่า การบินไทยได้มีการกันสำรองค่าใช้จ่ายไว้ประมาณ 4,000 ล้านบาทตั้งแต่ปี 2551 ช่วงที่คดีส่วนใหญ่จะยังอยู่ระหว่างการดำเนินคดี
