xs
xsm
sm
md
lg

นายโภคิน พลกุลและพวกนี่แหละลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ พวกโคตรเห็นผิด

เผยแพร่:   โดย: ดร.ป. เพชรอริยะ

วันที่ 14 ธันวาคม พรรคร่วมรัฐบาลได้หารือเพื่อกำหนดท่าทีในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 นายโภคิน พลกุล ประธานคณะทำงานพรรคร่วมฯ นายชูศักดิ์ ศิรินิลนายภูมิธรรม เวชยชัย นายวราเทพ รัตนากร และนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเข้าร่วมประชุมทั้งนี้ มีตัวแทนจากพรรคร่วมรัฐบาลเข้าร่วมประชุมด้วย

มีประเด็นที่ชี้ชัดว่าพวกเขาเป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญ เป็นพวกโคตรเห็นผิด ดังข้อความบางส่วนที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงต่อสื่อมวลชน...ให้ครม. จัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจว่า สมควรให้มีการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 เพื่อให้เกิดความชอบธรรมเป็นประชาธิปไตย และเป็นธรรมขึ้นหรือไม่ โดยการเลือก ส.ส.ร.ขึ้นมาเพื่อยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่...

ประเด็นนี้ เราขอบอกแก่พี่น้องทั้งหลายว่า การแก้ไขหรือยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ไม่เกี่ยวกับการเป็นระบอบประชาธิปไตยและความเป็นธรรมทั้งสิ้น หากว่าการยกร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นระบอบประชาธิปไตย ป่านนี้ไทยเราก็เป็นประชาธิปไตยมาแล้วตั้งแต่รัฐธรรมนูญฉบับแรกนะซิ แต่ความจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น ความจริงคือประเทศไทยปกครองด้วยระบอบเผด็จการโดยใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นเครื่องมือและใช้รูปการปกครองคือระบอบรัฐสภาเป็นเครื่องมือในการปกครอง นี่คือความจริง

เมื่อมันเป็นระบอบเผด็จการ มันจึงปกครองไปนานๆ ไม่ได้ ผู้ปกครองก็หาเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญบ้าง ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่บ้าง และบ่อยครั้งถูกรัฐประหาร เพราะการปกครองแบบเผด็จการนี้ มันรับใช้ มันให้ประโยชน์แต่เฉพาะผู้ปกครองเพียงหยิบมือเดียวเท่านั้น ความจริงมันเป็นเผด็จการ จะร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้เป็นประชาธิปไตยสัก 100 ครั้ง 1,000 ฉบับ มันก็ยังคงเป็นระบอบเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นเดิม มันเป็นความผิดพลาดซ้ำซากมากกว่า 18 ครั้ง และยาวนานกว่า 80 ปี พวกเธอจะโง่กันไปถึงไหน ไม่ฉุกคิดกันบ้างหรือไร

ดังนั้น กระบวนการคิด การทำดังกล่าวนี้ เป็นความเห็นผิด คิดผิด พูดผิดและทำผิด ทำร้ายประเทศชาติและประชาชนเป็นการกระทำเพื่อหลอกประชาชน ทั้งประเทศและยาวนานที่สุดกว่า 80 ปี และเพื่อชื่อเวลา และเพื่อกระชับอำนาจให้ผู้ปกครองมีอำนาจมากขึ้นในการปล้นประเทศชาติให้สะดวกสบายมากขึ้น จนไม่มีใครต้านทานได้ ยิ่งแก้ ยิ่งเป็นเผด็จการ ยิ่งร่างใหม่ ก็ยิ่งเห็นผิด ยิ่งหลอกลวงประชาชน ยิ่งเสี่ยงภัยต่อชาติและประชาชนและเสียเวลาต่อประเทศชาติและประชาชน

...รัฐบาลควรสนับสนุนและให้ความร่วมมือกับทุกพรรคการเมือง สถาบันการศึกษา องค์กรประชาธิปไตย และองค์กรประชาชนทุกภาคส่วน เพื่อให้มีส่วนร่วมในการรณรงค์ชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจถึงเหตุผลการทำประชามติ “และการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้มีความชอบธรรมและเป็นประชาธิปไตย”...

เห็นชัดไหมว่า การทำประชามติก็เป็นกระบวนการที่เสียเงินเปล่าๆ เพราะกระบวนการมันไปอย่างนั้น รัฐบาลก็ชนะอยู่แล้ว และประชาชนเองส่วนหนึ่งก็เข้าใจว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะนำไปสู่การแก้ไขความขัดแย้งในชาติได้” ซึ่งเป็นความเข้าใจผิดตามการโฆษณาชวนเชื่อของพรรคการเมืองจัญไร ของเหล่านักการเมืองจัญไร ซึ่งพวกมันทั้งโง่เง่าเพราะเห็นผิดตามจอมพล ป. พิบูลสงครามที่เข้าใจว่าเขียนกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เป็นระบอบประชาธิปไตย (ตามมาตรา 2 กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับที่ 5) และเป็นคณะโจรปล้นชาติซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ยุครัฐธรรมนูญ 2475 เป็นยุคของกระบวนการรัฐธรรมนูญมีอำนาจ อันเป็นเหตุแห่งความเลวร้ายทั้งปวงของแผ่นดิน “ในยามวิกฤต แก้ปัญหาที่ปลายเหตุ จะลงทุนลงแรงมากมายเพียงใดนอกจากจะแก้ปัญหาไม่ได้แล้วจะก่อภัยร้ายอันใหญ่หลวง” ประเทศไทยเป็นประเทศเก่าแก่รุ่นเดียวกับจีนและญี่ปุ่นทั้งสองประเทศต่างก็เจริญรุดหน้าไปหมดแล้วจีนก้าวไปสู่ประเทศกำลังพัฒนา (Developing country) เพราะแก้ปัญหาการเมืองตกไปแล้ว ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว (Developed country) เพราะสามารถแก้ปัญหาทั้งการเมืองและเศรษฐกิจเป็นผลสำเร็จเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วเป็นประเทศที่ร่ำรวยของโลก

แต่ประเทศไทยกลับล้าหลังกว่าประเทศที่เกิดใหม่หลังสงครามโลกครั้งที่สองอย่างไม่น่าเชื่อและไม่น่าเป็นไปได้ แต่ก็เป็นไปแล้วประเทศเหล่านี้กำลังมีความเจริญรุดหน้าสู่ประเทศที่กำลังพัฒนา (Developing country) เพราะได้แก้ปัญหาระบอบการเมืองหรือหลักการและวิธีการปกครองอันเป็นปัญหาพื้นของชาติตกไปแล้วนั่นเอง

ไทยเรา 80 ปีมาแล้ว กลับทรุดหนักเพราะดำรงความเป็นประเทศด้อยพัฒนา (Under developing country) และรักษาวิธีการปกครองแบบเผด็จการโดยรัฐธรรมนูญ (อำนาจอธิปไตยของคนส่วนน้อยเพียงหยิบมือเดียวเป็นของบุคคลบางกลุ่มเท่านั้นไว้อย่างเหนียวแน่น เหตุเพราะเราละเลยต่อ “ธรรม” เหยียบคบไฟส่องทางแห่งแผ่นดินจึงยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาหลักการปกครองอันเป็นปัญหาพื้นฐานของชาติให้ให้ตกไปได้ ทั้งนี้รัฐธรรมนูญไทยทุกฉบับ ล้วนเกิดจากขบวนการลัทธิรัฐธรรมนูญทั้งสิ้นเป็นเหตุแห่งความขัดแย้งของขั้วการเมืองระหว่างฝ่าย นช.ทักษิณ กับฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งก็เป็นพวกลัทธิเผด็จการรัฐธรรมนูญเช่นกัน พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลก็แก้รัฐธรรมนูญ ก่อนแก้ เราถามว่าประชาชนจะได้อะไรบ้าง เราบอกแล้วว่าไม่ได้อะไร เวลาผ่านไปก็รู้แล้วว่า ไม่ได้อะไร แก้ไขเพื่อแก้เกี้ยวไปอย่างนั้นเอง แนวคิดการกระทำลักษณะดังนี้

ลักษณะมิจฉาทิฐิ เช่นนี้ “เมื่อไม่จุดมุ่งหมาย (หลักการปกครอง) ย่อมไม่มีหนทาง เมื่อไม่มีหนทาง ก็ไม่มีความก้าวหน้า อุปมา พายเรือในอ่างน้ำ” เป็นจริงตามพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ รัชกาลที่ 7 ทรงมีพระวินิจฉัยว่า “เป็นเผด็จการทางอ้อม”“จะมีแต่เสี่ยงภัยและเสียเวลา” เสียเวลา และเสี่ยงภัยนานถึง 80 กว่าปี มันยาวนานเกินไปแล้ว สมดังพระภาษิตของ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรสว่า “วินาสกาเลวิปริตพุทธิความว่าในกาลวินาศความฉลาดก็วิปริต” พรรคเพื่อไทยเห็นกงจักรเป็นดอกบัว สืบทอดความจัญไรกันมายาวนานกว่า 80 ปี ตั้งสติพิจารณาคิดกันใหม่ ทำกันใหม่ ให้ถ่องแท้เถิด

ในยุครัฐธรรมนูญ 80 ปีมานี้ เป็นความสัมพันธ์มิจฉาทิฐิใช้งบประมาณจากรัฐบาลชุดแล้วชุดเล่าอย่างมหาศาล ยิ่งนานวันกลับทำให้ประเทศไทยอ่อนแอลงๆ เสื่อมถอยลงๆ เป็นอันมากอย่างน่ากังวลที่สุด เพราะผู้ปกครองเราโง่เขลานัก ไทยเราจึงยังต้องวนเวียน หลงผิด หลงทางอยู่กับการแก้ไข และร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่จบไม่สิ้น

เหตุที่ประเทศไทยไม่ล่มสลายยังคงดำรงอยู่ได้ดุจคนป่วย ก็เพราะความสัมพันธ์แห่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อันเป็นองค์ประกอบหลักแห่งรัฐ เป็นความสัมพันธ์ตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิมของชาติ ด้วยงบประมาณหล่อเลี้ยงเพียงน้อยนิด พวกเรากำลังประมาทอย่างยิ่ง กำลังตาบอด หูหนวกกันหมดแล้วหรืออย่างไร

ยุคแห่งความมั่นคง รุ่งเรืองก้าวหน้า ผู้ปกครองจะต้องมีปัญญาอันยิ่งโดยรู้แจ้ง เข้าใจอย่างมั่นคงว่า...

- สภาวะอสังขตธรรม หรือสภาวะนิพพาน (บรมธรรม, ธรรมาธิปไตย) เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลาง และเป็นเอกภาพของสรรพสิ่ง

- สภาวะนิพพานเป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางและเป็นเอกภาพของมนุษยชาติ

- ดวงอาทิตย์เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลาง และเป็นเอกภาพของระบบสุริยจักรวาล

- พระรัตนตรัย เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางและเอกภาพของชาวพุทธทั้งมวล

- ชาติเป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางและเป็นเอกภาพของปวงชนไทย

- พระมหากษัตริย์เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางและเป็นเอกภาพของปวงพสกนิกรชาวไทย

- พระปฐมบรมราชโองการ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางหรือเป็นเอกภาพของระบบเศรษฐกิจพอเพียงและโครงการพระราชดำริกว่า 6,000 โครงการ

- พ่อแม่เป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางหรือเอกภาพของลูกๆ ฯลฯ นี่คือความสัมพันธ์ถูกต้องโดยธรรมอันยิ่งใหญ่ ฉันใด

หลักการปกครอง (ระบอบ) โดยธรรม ย่อมเป็นปฐมภูมิ เป็นศูนย์กลางหรือเป็นเอกภาพของกฎหมายรัฐธรรมนูญ (หมวดและมาตราต่างๆ และกฎหมาย ระเบียบ คำสั่ง) ทั้งปวงในชาติอันยิ่งใหญ่ ฉันนั้น

ความสัมพันธ์โดยธรรมดังกล่าวนี้ มีลักษณะพระธรรมจักร ถ้าเกิดขึ้นแล้วยิ่งนานวันยิ่งมีความเจริญก้าวหน้าโดยฝ่ายเดียว และเป็นชัยชนะของปวงชนไทยทุกคน

ถ้าท่านทั้งหลายที่มีหัวใจที่กล้าแกร่ง เชิดชูธรรมนำชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ก็ควรอย่างยิ่งที่จะได้ตั้งใจ เสียสละ อุทิศตน ศึกษาและร่วมมือกันปฏิบัติตามพระปฐมบรมราชโองการอันยิ่งใหญ่ “เราจะครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม” ให้เป็นจริงทางการเมืองในเร็ววันกันเถิด

พรรคเพื่อไทยทำถูกเป็นเทพบุตรรณรงค์ร่วมมือกันสถาปนาหลักการปกครองธรรมาธิปไตย 9 โดยพระเจ้าแผ่นดิน สำเร็จแล้วจึงแก้ไขรัฐธรรมนูญ (ผู้สนใจหาอ่านได้ในบทความก่อนนี้)

พรรคเพื่อไทยทำผิดเป็นจอมมารอุบาทว์จัญไรของชาติและประชาชนคือแก้ไขหรือร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ผิดซ้ำซากมาแล้วกว่า 18 ครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น