อภินันท์ สิริรัตนจิตต์
คณะศิลปศาสตร์และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
กรณีข่าววันสิ้นโลก สร้างปรากฏการณ์ทางความเชื่อที่สั่นคลอดความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์ ที่มีดาราศาสตร์เป็นฐานในการพยากรณ์ ซึ่งสร้างความสับสนในสังคมมนุษย์ทุกหย่อมย่านบนโลกใบนี้ มิต่างจากปรากฏการณ์ Y2K เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่สร้างความตื่นตระหนกแก่มนุษย์โลกว่าระบบคอมพิวเตอร์จะเสียหายทั้งโลก จึงนับได้ว่าข่าวลือมีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์อยู่ทุกยุคสมัย ไม่ต่างจากกรณีคำกลอนทำนายการเมืองไทยเมื่อปีกลายนี้ ที่ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ (ใครจะตีความว่าใครขี่มาขาวเป็นอย่างไร และอนาคตของประเทศชาติเป็นอย่างไร นับเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล) ผู้เขียนขอคัดบทกลอนที่เป็นกระแส มาบางส่วน ว่า
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤตด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
ปรากฏการณ์ข่าวลือกล่าวถึงการอ้างอิงประกาศองค์การนาซ่า (NASA) ว่า วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ซึ่งวันนั้นแกนโลกจะพลิกกลับขั้ว ในลักษณะขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวจากสนามพลังแม่เหล็กและรังสีต่างๆ จากอวกาศ รวมทั้งวันนั้นเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์พลิกกลับขั้วทุก 11 ปี ในครั้งล่าสุดคือ ปี พ.ศ. 2544 จนมาถึงวันนี้นับได้ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วจะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังสีความร้อนสูงออกมาสู่โลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน จะเกิดน้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ประมาณวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
และกอปรกับกรณีอ้างอิงข่าวความเชื่อของชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ซึ่งได้ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ได้ทำการคำนวณการโคจรการเกิดดับของดวงดาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกชนเผ่ามายาได้คำนวณว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วสามารถคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก ซึ่งชนเผ่ามายา ได้กำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) โดยบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (บอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) จึงเป็นสิ่งน่าแปลกใจมากว่า เหตุใดการทำนายของชนเผ่ามายากับกรณีข่าวอ้างอิงประกาศขององค์การนาซ่า (NASA) ถึงตรงกันอย่างมิใช่เหตุบังเอิญ รวมทั้งปรากฏการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก อาทิ น้ำท่วม ฝนแล้ง รวมสัตว์น้ำต่างประเภทในมหาสมุทรตายลงอย่างมิทราบสาเหตุ เหล่านี้จะเป็นลางร้ายบอกเหตุเภทภัยหรือไม่ ปรากฏการณ์ข่าวลือกล่าวถึงการอ้างอิงประกาศองค์การนาซ่า (NASA) และกรณีอ้างอิงข่าวความเชื่อของชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำให้ผู้เขียนได้นั่งดูภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก แล้วได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลก ซึ่งยังคงอยู่ใต้วัฏจักรแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลงและสลายไป นับเป็นกฎของธรรมชาติที่ยังคงดำเนินไปอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากการดูภาพยนตร์ คือ สิ่งที่มนุษย์พึงสังวรไว้เสมอ นั่นคือ “จงมีสติ” พร้อมยอมรับและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ข่าวลือนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยมีเหตุเกิดการกักตุนอาหาร สินค้าและฉกฉวยโอกาสโก่งราคา ด้วยสถานการณ์โลกแห่งข่าวลือที่ไม่ปกติ เพื่อเอารัดเอาเปรียบมนุษย์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ผู้เขียนคิดเห็นว่า น่ากลัวกว่าวันสิ้นโลก
บทสรุปแห่งวันสิ้นโลก 2012 จะเป็นอย่างไร ผู้เขียนไม่มีความสามารถพยากรณ์และไม่ปรารถนาให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น รวมทั้งมิได้สร้างกระแสใดๆ ในปรากฏการณ์ เพียงประสงค์เพื่อเตือนสติคนไทยให้ตั้งอยู่ในสภาวะปกติ (โหมดปกติ) พร้อมรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ “ข่าวลือ” ทั้งนี้ให้ใช้หลักความไม่ประมาท ปฏิบัติในวิธีคิดตามกาลามสูตรที่ใช้สติปัญญา อย่าเพิ่งเชื่อตามกระแสข่าวลือ อย่างน้อยห้วงงามยามนี้ ใกล้เทศกาลปีใหม่ที่หลายคนหมายใจว่า จะเริ่มต้นและสานต่อสิ่งใหม่ให้ชีวิตดีงาม
คณะศิลปศาสตร์และศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่
กรณีข่าววันสิ้นโลก สร้างปรากฏการณ์ทางความเชื่อที่สั่นคลอดความคิดเห็นทางวิทยาศาสตร์และโหราศาสตร์ ที่มีดาราศาสตร์เป็นฐานในการพยากรณ์ ซึ่งสร้างความสับสนในสังคมมนุษย์ทุกหย่อมย่านบนโลกใบนี้ มิต่างจากปรากฏการณ์ Y2K เมื่อปี ค.ศ. 2000 ที่สร้างความตื่นตระหนกแก่มนุษย์โลกว่าระบบคอมพิวเตอร์จะเสียหายทั้งโลก จึงนับได้ว่าข่าวลือมีอิทธิพลต่อโลกมนุษย์อยู่ทุกยุคสมัย ไม่ต่างจากกรณีคำกลอนทำนายการเมืองไทยเมื่อปีกลายนี้ ที่ยังวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ (ใครจะตีความว่าใครขี่มาขาวเป็นอย่างไร และอนาคตของประเทศชาติเป็นอย่างไร นับเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคล) ผู้เขียนขอคัดบทกลอนที่เป็นกระแส มาบางส่วน ว่า
จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคฑามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง
ผู้ปกครองจะเป็นหญิงพึงระวัง สายน้ำหลั่งกรากเชี่ยวหวาดเสียวใจ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤตด้วยศรัทธา ยามเมื่อฟ้าศรีทองผ่องอำไพ
ปรากฏการณ์ข่าวลือกล่าวถึงการอ้างอิงประกาศองค์การนาซ่า (NASA) ว่า วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) ซึ่งวันนั้นแกนโลกจะพลิกกลับขั้ว ในลักษณะขั้วโลกเหนือจะมาอยู่ที่ขั้วโลกใต้ ช่วงเวลานั้น โลกจะไม่มีสนามพลังแม่เหล็ก เพื่อป้องกันตัวจากสนามพลังแม่เหล็กและรังสีต่างๆ จากอวกาศ รวมทั้งวันนั้นเป็นวันที่ดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วเช่นกัน เพราะดวงอาทิตย์พลิกกลับขั้วทุก 11 ปี ในครั้งล่าสุดคือ ปี พ.ศ. 2544 จนมาถึงวันนี้นับได้ 11 ปีพอดี (2544 + 11 = 2555) ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังพลิกกลับขั้วจะแผ่สนามแม่เหล็ก และรังสีความร้อนสูงออกมาสู่โลก ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่โลกไม่มีสนามแม่เหล็กป้องกันตัว ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือน้ำแข็งขั้วโลกละลายฉับพลัน จะเกิดน้ำท่วมโลกฉับพลัน ไม่มีทางหนีได้ประมาณวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555)
และกอปรกับกรณีอ้างอิงข่าวความเชื่อของชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ซึ่งได้ทำปฏิทินใช้เองตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ได้ทำการคำนวณการโคจรการเกิดดับของดวงดาวได้อย่างไม่น่าเชื่อ พวกชนเผ่ามายาได้คำนวณว่า โลกหมุนรอบดวงอาทิตย์โดยใช้เวลา 365 วัน ตั้งแต่ 1,000 ปีที่แล้ว ซึ่งตรงกับปฏิทินที่ชาวโลกปัจจุบันใช้กัน แล้วสามารถคำนวณเกี่ยวกับระบบสุริยจักรวาลได้อย่างแม่นยำมาก ซึ่งชนเผ่ามายา ได้กำหนดวันสุดท้ายของปฏิทินของเขาคือ วันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2012 (พ.ศ. 2555) โดยบอกด้วยว่า วันนั้นโลกจะถึงจุดสิ้นสุด (บอกไว้เมื่อ 1,000 กว่าปีที่แล้ว) จึงเป็นสิ่งน่าแปลกใจมากว่า เหตุใดการทำนายของชนเผ่ามายากับกรณีข่าวอ้างอิงประกาศขององค์การนาซ่า (NASA) ถึงตรงกันอย่างมิใช่เหตุบังเอิญ รวมทั้งปรากฏการณ์ภัยพิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในโลก อาทิ น้ำท่วม ฝนแล้ง รวมสัตว์น้ำต่างประเภทในมหาสมุทรตายลงอย่างมิทราบสาเหตุ เหล่านี้จะเป็นลางร้ายบอกเหตุเภทภัยหรือไม่ ปรากฏการณ์ข่าวลือกล่าวถึงการอ้างอิงประกาศองค์การนาซ่า (NASA) และกรณีอ้างอิงข่าวความเชื่อของชาวมายา (ชนเผ่ามายาแห่งอเมริกากลาง) ทำให้ผู้เขียนได้นั่งดูภาพยนตร์ 2012 วันสิ้นโลก แล้วได้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงไปตามปรากฏการณ์ทางธรรมชาติของโลก ซึ่งยังคงอยู่ใต้วัฏจักรแห่งการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ เปลี่ยนแปลงและสลายไป นับเป็นกฎของธรรมชาติที่ยังคงดำเนินไปอยู่ แต่สิ่งหนึ่งที่ได้รับจากการดูภาพยนตร์ คือ สิ่งที่มนุษย์พึงสังวรไว้เสมอ นั่นคือ “จงมีสติ” พร้อมยอมรับและปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ข่าวลือนี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยมีเหตุเกิดการกักตุนอาหาร สินค้าและฉกฉวยโอกาสโก่งราคา ด้วยสถานการณ์โลกแห่งข่าวลือที่ไม่ปกติ เพื่อเอารัดเอาเปรียบมนุษย์ด้วยกัน สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่ผู้เขียนคิดเห็นว่า น่ากลัวกว่าวันสิ้นโลก
บทสรุปแห่งวันสิ้นโลก 2012 จะเป็นอย่างไร ผู้เขียนไม่มีความสามารถพยากรณ์และไม่ปรารถนาให้สิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น รวมทั้งมิได้สร้างกระแสใดๆ ในปรากฏการณ์ เพียงประสงค์เพื่อเตือนสติคนไทยให้ตั้งอยู่ในสภาวะปกติ (โหมดปกติ) พร้อมรับกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะ “ข่าวลือ” ทั้งนี้ให้ใช้หลักความไม่ประมาท ปฏิบัติในวิธีคิดตามกาลามสูตรที่ใช้สติปัญญา อย่าเพิ่งเชื่อตามกระแสข่าวลือ อย่างน้อยห้วงงามยามนี้ ใกล้เทศกาลปีใหม่ที่หลายคนหมายใจว่า จะเริ่มต้นและสานต่อสิ่งใหม่ให้ชีวิตดีงาม