xs
xsm
sm
md
lg

21/12/12..โลกแตก หรือแค่เรื่องหน้าแหก!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มในสังคมโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดังอย่างเฟซบุ๊กถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ว่าด้วยโลกจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 หรือ 21/12/12 ที่จะถึงนี้ ทำให้กลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ พากันชักชวนว่า ควรจะทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ และหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับคำทำนายก็คือ ประเด็นล้อเลียนต่าง ๆ นานาว่า วันโลกแตก หรือจะเป็นแค่ัวันหน้าแหกกันแน่



21/12/2012 วันสิ้นโลก?


เป็นประเด็นร้อนแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กับกระแสข่าวลือในโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวันโลกาวินาศ หรือวันโลกแตกที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2012 หรือวันที่ 21 ธ.ค.2555 ตามปฏิทินมายาที่ถือว่า เป็นวันสิ้นสุดยุคตะวันที่ 5 ซึ่งคนบางกลุ่มเชื่อกันว่า วันนี้เป็นวันสิ้นโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมที่จะเรียกว่าเป็นภาวะตื่นตระหนกของผู้คนในสังคมก็คงจะว่าได้ ถึงแม้จะมีหลายนักวิชาการ มากผู้มีบทบาทในทุกแวดวง ระดมให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า โลกยังไม่ถึงกาลอวสาน

หนึ่งในนั้นคือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า ที่เคยให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันโลกแตก หรือวันสิ้นโลกไว้ว่า ทางวิทยาศาสตร์ โลกไม่ได้ดับกันง่าย ๆ ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ตอนนี้โลกเรามีอายุขัยครึ่งหนึ่งแล้ว และจะอยู่ได้อีก 4,500 ล้านปีถึงจะดับ เนื่องจากดวงอาทิตย์จะขยายตัวใหญ่ขึ้นอีก 60 เท่า และมีความร้อนมากขึ้นเกิดจากปฏิกิริยาระบบไฮโดรเจนรวมตัวกัน กลายเป็นฮีเลียมและสะสมกันมากขึ้น พอรวมตัวกันมากขึ้นก็จะกลายเป็นระเบิดฮีเลียมทำให้โลกร้อนมาก และจะโดนเผาผลาญหมด

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สเองก็ได้มีรายงานข่าวว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิทินมายาชาวเยอรมันเผย ชาวตะวันตกตีความปฏิทินมายาผิดมาตลอด ดังนั้นปี 2012 ไม่ได้เป็นปีที่โลกแตก แต่อาจหมายถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนโลก

ทางฟากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซาก็ได้ออกมายืนยันด้วยว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.ของปีนี้ที่หลายคนหวาดหวั่นว่าโลกจะถูกดาวเคราะห์พุ่งชนนั้น ไม่มีอะไรเกิดมากไปกว่าเป็นวันที่มีกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปีเท่านั้น

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางเว็บไซต์ขององค์การนาซาก็ได้ให้ความสำคัญกับการไขปริศนาปฏิทินมายากับปรากฎการณ์วันสิ้นโลกวันที่ 21 ธันวาคม 2555 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ของนาซายืนยันว่า จะไม่มีภัยคุกคามโลกในปีนี้ และโลกจะไม่แตกแน่นอน และจะดำเนินแบบนี้ต่อไปอีก 4,000 ล้านปี ส่วนทฤษฎีแกนโลกสลับขั้วนั้น นาซา บอกว่า แกนโลกจะหมุนแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสลับขั้วแบบเฉียบพลัน

ส่วนการเกิดพายุสุริยะ หรือการปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์ในสังคมว่าจะส่งผลให้โลกแตกนั้น ศ.ดร.เดวิด รูฟโฟโล หัวหน้ากลุ่มวิจัยฟิสิกส์อวกาศและอนุภาคพลังงานสูง ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้คำยืนยันผ่านทีมข่าว Live ว่า ไม่ต้องกังวล เพราะพายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยเป็นประจำ และไม่มีใครสามารถทำนายพิกัดและช่วงเวลาการเกิดที่แน่นอนได้ แต่ที่อยากจะให้คลายกังวลก็คือ พายุสุริยะไม่เคยทำให้คนตาย พูดกันง่าย ๆ คือ ไม่ส่งผลกระทบต่อโลก และคน สามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

"แต่ปัญหาหนึ่งที่จะเกิดตามมาจากปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ก็คือ ระบบดาวเทียมอาจเกิดการขัดข้อง ส่วนปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับ คงไม่ส่งผลกระทบในไทย เพราะเราไม่ได้อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือหรือใต้" ดร.เดวิดเผย พร้อมกับให้ความเห็นในวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 ที่ใคร ๆ เรียกว่าเป็น "วันสิ้นโลก" ว่า ขอให้มองเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น ไม่อยากให้ตื่นกลัวกันมากเกินไป



หยุดหากินกับคำทำนาย "วันสิ้นโลก"

ทั้งนี้ ชุมชนชาวมายาในกัวเตมาลา ซึ่งถือเป็นฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคำทำนายดังกล่าวก็ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลและเอกชน หยุดบิดเบือนความจริงและฉวยโอกาสหากินจากปฏิทินมายา โดยยืนยันว่าวันสิ้นโลกที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เป็นเพียงวันสิ้นสุดรอบปฏิทินของชาวมายาเท่านั้น เพราะที่ผ่าน ๆ มา ทั้งภาครัฐและเอกชน พยายามบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปฏิทิน และตำนานพื้นบ้านของชาวเผ่ามายา เนื่องจากมีภาพยนตร์และสารคดีจำนวนมาก เผยแพร่เรื่องราวว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ โดยอ้างการอาศัยหลักฐานจากการคำนวณในปฏิทินมายา รวมไปถึงบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งที่พากันนำเสนอแพคเกจทัวร์นำนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ในวันที่เชื่อกันว่า จะเป็นวันสุดท้ายของการมีอยู่ของโลกมนุษย์

"เราขอคัดค้านคำพูดโกหก และการแสวงหาประโยชน์จากตำนานพื้นบ้านของชาวมายา พวกเขากำลังบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปฏิทินมายา" ฟิลิเป โกเมซ ผู้นำกลุ่ม Oxlaljuj Ajpop ซึ่งเป็นสหพันธ์ชาวมายา ระบุ



"วันนี้" สำคัญกว่า "วันโลกแตก"

อย่างไรก็ดี คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า คนในสังคมโลก และสังคมไทยต่างแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพรรคใหญ่ ฝ่ายหนึ่งคือผู้หวังจะดำเนินตามความเชื่อที่ฝังหัวมานานว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานตามคำทำนาย ส่วนอีกฝ่ายคือผู้ที่เพียรตั้งคำถามและคัดค้านความเชื่อเหล่านั้นมาตลอด แต่ทั้งหมดทั้งปวง สิ่งหนึ่งที่อยากให้มองก็คือ "วันนี้" ไม่ใช่ "วันโลกแตก"

สอดรับพระนักคิดชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่านว.วชิรเมธี ที่เคยได้ออกมาเตือนสติคนในสังคมที่ตื่นกลัวเรื่องโลกแตกกับสื่อฉบับหนึ่งว่า "เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้ ในมุมมองพุทธศาสนาถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้น เพราะธรรมชาติคือธรรมะ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นปกติ ทุกสรรพสิ่งย่อมเป็นเช่นนั้นเอง สำหรับคนที่พูดถึงเรื่องโลกแตก มันยังมาไม่ถึง ไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องของวันหน้า แต่ที่สำคัญคือ เราจะใช้ วันนี้ ให้ดีที่สุด ให้คุ้มค่าได้อย่างไร

เหมือนกับที่ "สตีฟ จ็อบส์" ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นซีอีโอ.ของโลก เคยกล่าวไว้ว่า "จงใช้ชีวิตดังเหมือนหนึ่งว่าทุกวันคือวันสุดท้าย" หากถือคตินี้ เราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีแก่นสาร เลิกประพฤติตัวเหลวไหล ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้ที่อยู่ในมือของเรา ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นอดีตที่ดี ทั้งยังเป็นรากฐานของวันพรุ่งนี้ที่มั่นคง เพราะฉะนั้น ถึงโลกจะแตก ก็ไม่น่ากังวล เพราะสิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนที่โลกจะแตกต่างหาก"

แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ การไม่รู้ แต่กลับไม่ศึกษาหาความรู้ และชอบเป็นนักส่งสารสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนหมู่มาก นี่คือสิ่งที่ท่านว.วชิรเมธีฝากไว้ให้คิด พร้อมกับแนะด้วยว่า ทุก ๆ เรื่องควรใช้ปัญญา และมีสติ หากไม่รู้ ก็ควรหาความรู้ ไม่ใช่ใช้ความไม่รู้ทำให้สังคมเกิดความหวาดกลัว



โลกแตก หรือแค่เรื่องหน้าแหก!

กลายเป็นที่พูดถึง และถูกหยิบนำมาล้อเลียนของกลุ่มคนในเฟซบุ๊กถึงคำทำนายในวันที่ 21 ธ.ค.2555 ว่าจะเป็นวันโลกแตก หรือวันหน้าแหกอีกหนึ่งวัน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคำทำนายในทำนองเดียวกันให้เห็นอยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น คำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่ หรือ ด.ช.สุทัศน์ คำสี ที่พยากรณ์ถึงโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นในคืนวันปีใหม่ 2555 ว่า จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก โดยจะโดนทั้งไทย พม่า และกรุงเทพมหานครจมดินจมน้ำ เขื่อนจังหวัดตากก็จะพังในเวลายามสองในคืนปีใหม่คนไทยฉลองกันสนุกสนาน จะเกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย ในยามสอง คือ ประมาณเวลา 22.00 -24.00 น. แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามคำทำนายที่บอกไว้ โลกก็ยังอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้

ทางซีกโลกตะวันตกเองก็มีเรื่องหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เกิดจากคำทำนายผิดพลาดซ้ำซ้อนจากกรณีของ "แฮโรลด์ แคมพ์ปิง" ชาวอเมริกัน อายุ 89 ปี เจ้าของบริษัทและสถานีวิทยุกระจายเสียงแฟมิลี่ เรดิโอ ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เจ้าของคำทำนาย "โลกแตก" ในวันที่ 21 ต.ค.2011 สร้างความผิดหวังแก่บรรดาสมาชิกเครือข่ายวิทยุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์ นิกายอีวานเจลิคัล โดยก่อนหน้านี้เคยทำนายไว้ว่า วันที่ 21 พ.ค.2011พระผู้เป็นเจ้าจะล้างโลกและเสด็จลงมาพิพากษาบาปของมนุษย์ ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่คนที่เชื่อว่าวันโลกแตกจะมาถึงจริงๆ ทั้งยังถูกคนรอบข้างล้อเลียนอย่างหนักเมื่อไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

สำหรับครั้งนี้ ที่เชื่อกันว่าวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 หรือวันที่ 21 ธ.ค.2555 นี้ โลกจะถึงกาลอวสาน ซึ่งจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงแค่คำทำนายลวงโลก ชะตากรรมของมนุษยชาติจะเป็นดั่งคำทำนาย หรือเราจะหาทางออกจากวิบากกรรมความสยองนี้ได้หรือไม่

ผู้ที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ก็คือเรา ๆ ท่าน ๆ เองว่าจะใช้ปัญญา และมีสติในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศจะออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า โลกยังไม่ถึงเวลาดับสูญในระยะเวลาอันใกลนี้ แต่ปัญหาต่างๆ ของโลกจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพิบัติภัยจากธรรมชาติ หากมนุษย์ยังไม่หยุดวิ่งพล่านอยู่กับความโลภของตัวเอง



ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live


ปฎิทินมายา
ตื่นวันโลกแตก! ประชาชนจำนวนมากเข้าไหว้บูชาพระราหู และร่วมพิธีสวดนพเคราะห์ใหญ่ ที่วัดท่าไม้ จ.สมุทรสาคร เพื่อสะเดาะเคราะห์ และเสริมสิริมงคลให้ตัวเองและครอบครัว เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม

กำลังโหลดความคิดเห็น