วานนี้ (16 ธ.ค. 55) เวลา 10.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.พาณิชย์ แถลงว่า ได้มีผู้หวังดีส่งข้อมูลมาให้ในเรื่องการระบายข้าวในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขณะนั้นมีนางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย เป็นรมว.พาณิชย์ มาให้ โดยพบว่ามีการอนุมัติให้จำหน่ายข้าวสารในสต็อกของรัฐบาลที่มีปริมาณเกินกว่า 100,000 ตัน แก่ 11 บริษัทที่ได้รับการประมูล และการประมูลหลายครั้งพบว่า 11 บริษัทดังกล่าววนเวียนชนะการประมูล อีกทั้งยังมีเอกชนบางรายสามารถสั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลได้โดยใบสั่งซื้อเพียงใบเดียว และสั่งซื้อในราคาที่ต่ำกว่าตลาด สามารถเป็นเจ้าของโควตาสั่งซื้อข้าวจากรัฐบาลมากกว่าเอกชนทุกราย ที่สำคัญมีรายชื่อของคณะกรรมการบริษัทโยงกับฝ่ายการเมืองที่เกี่ยวข้องอย่างชัดเจน คือพรรคภูมิใจไทยและพรรคประชาธิปัตย์ที่ไม่สามารถที่ไม่สามารถปัดความรับผิดชอบ โยนให้เป็นความผิดชอบของพรรคภูมิใจไทยพรรคเดียวไม่ได้ เพราะมีหลักฐานเป็นมติครม.วันที่ 18 พ.ค. 2553 โดยกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอการจำหน่ายข้าวในสต็อกรัฐบาลตามแนวทางการแก้ไขปัญหาราคาข้าวเปลือกตกต่ำ เป็นวาระทราบจร แต่ในตอนท้ายของหนังสือได้ระบุหมายเหตุว่า เรื่องนี้ครม.ได้หยิบยกขึ้นเป็นเรื่องพิจารณา
“นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ด้วย เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยทำคนเดียวไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอและมีพรรคประชาธิปัตย์อนุมัติ หลักฐานความเชื่อมโยงของบริษัทที่ชนะการประมูลกับนักการเมืองผู้มีอำนาจในรัฐบาลขณะนั้นชัดยิ่งกว่าชัด มีรายชื่อชัดเจน รับรองว่าไม่มีชื่ออักษรย่อ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะยื่นคำร้องมอบหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเอาผิด พร้อมกับมอบให้คณะกรรมการตรวจสอบการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ควบคู่กันไป”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเนื่องจากผลผลิตล้นตลาดนั้น ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ตนเองในฐานะรมช.พาณิชย์และรับผิดชอบดูแลเรื่องดังกล่าวจะลงในนามบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ซึ่งได้ตกลงรับซื้อผลผลิตที่เป็นผัก ผลไม้ ที่ล้นตลาดและราคาตกต่ำจากเกษตรกรเพิ่มจากเดิม 45 เปอร์เซ็นต์ รวม 1.2 แสนตัน นอกจากนี้จะมีการซื้อหมู ไข่ไก่ จากเกษตรกรหากมีปัญหาสภาพราคาตกต่ำ ภายใต้โครงการ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลห้าง” นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโอท็อปด้วย
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องราคาสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน โดยเฉพาะราคาผัก พรรคเพื่อไทยจึงตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูล และจะเสนอต่อรมว.พาณิชย์ ในการประชุมพรรควันที่ 25 ธ.ค.นี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาและหามาตราดูแลเรื่องราคาไม่ให้กระทบผู้บริโภค
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โต้ตอบกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงพาณิชย์ ออกมาเปิดเผยว่าจะนำข้อมูลการระบายข้าวสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความผิดปกติและจะส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในสัปดาห์หน้านั้นว่า นายณัฐวุฒินั้นต้องการจะแก้เกี้ยวการทุจริต และกลบเกลื่อนความผิดปกติของโครงการพยุงราคายาง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ซึ่งมีการขออนุมัติงบประมาณ จาก ครม. 2 ครั้ง คือ 24 ม.ค. 55 จำนวน 15,000 ล้านบาท และ 18 ก.ย. มาขออีก 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางในการยกระดับราคายาง แต่จากการดำเนินการจริงนั้นไม่สามารถทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นได้แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย
“นอกจากนี้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ยังเป็นประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ด้วย เรื่องนี้พรรคภูมิใจไทยทำคนเดียวไม่ได้ พรรคภูมิใจไทยเป็นผู้เสนอและมีพรรคประชาธิปัตย์อนุมัติ หลักฐานความเชื่อมโยงของบริษัทที่ชนะการประมูลกับนักการเมืองผู้มีอำนาจในรัฐบาลขณะนั้นชัดยิ่งกว่าชัด มีรายชื่อชัดเจน รับรองว่าไม่มีชื่ออักษรย่อ ซึ่งในสัปดาห์หน้าจะยื่นคำร้องมอบหลักฐานต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบเอาผิด พร้อมกับมอบให้คณะกรรมการตรวจสอบการระบายข้าวของกระทรวงพาณิชย์ควบคู่กันไป”นายณัฐวุฒิ กล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า สำหรับปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเนื่องจากผลผลิตล้นตลาดนั้น ในวันที่ 17 ธ.ค.นี้ ตนเองในฐานะรมช.พาณิชย์และรับผิดชอบดูแลเรื่องดังกล่าวจะลงในนามบันทึกความเข้าใจหรือเอ็มโอยูกับผู้ประกอบการห้างสรรพสินค้าโมเดิร์นเทรด ซึ่งได้ตกลงรับซื้อผลผลิตที่เป็นผัก ผลไม้ ที่ล้นตลาดและราคาตกต่ำจากเกษตรกรเพิ่มจากเดิม 45 เปอร์เซ็นต์ รวม 1.2 แสนตัน นอกจากนี้จะมีการซื้อหมู ไข่ไก่ จากเกษตรกรหากมีปัญหาสภาพราคาตกต่ำ ภายใต้โครงการ “ลูกไม้หล่นไม่ไกลห้าง” นอกจากนี้ยังเปิดพื้นที่ให้จำหน่ายสินค้าโอท็อปด้วย
ขณะที่นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีการร้องเรียนเรื่องราคาสินค้าปรับเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายฤดูฝน โดยเฉพาะราคาผัก พรรคเพื่อไทยจึงตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูล และจะเสนอต่อรมว.พาณิชย์ ในการประชุมพรรควันที่ 25 ธ.ค.นี้ เพื่อเร่งแก้ปัญหาและหามาตราดูแลเรื่องราคาไม่ให้กระทบผู้บริโภค
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โต้ตอบกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.กระทรวงพาณิชย์ ออกมาเปิดเผยว่าจะนำข้อมูลการระบายข้าวสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ว่ามีความผิดปกติและจะส่งให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในสัปดาห์หน้านั้นว่า นายณัฐวุฒินั้นต้องการจะแก้เกี้ยวการทุจริต และกลบเกลื่อนความผิดปกติของโครงการพยุงราคายาง เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาในสมัยที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตร ซึ่งมีการขออนุมัติงบประมาณ จาก ครม. 2 ครั้ง คือ 24 ม.ค. 55 จำนวน 15,000 ล้านบาท และ 18 ก.ย. มาขออีก 30,000 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรชาวสวนยางในการยกระดับราคายาง แต่จากการดำเนินการจริงนั้นไม่สามารถทำให้ราคายางเพิ่มขึ้นได้แม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับทำให้ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องด้วย