ASTVผู้จัดการรายวัน- กระทรวงพลังงานเล็งปรับโมเดลพลังงานญี่ปุ่นเดินหน้าแผนพลังงานชาติรองรับเปิด AEC ปี 2558 หวังผุดสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์กว่าแสนล้านบาท เล็งสรุปแผนลงทุนปีหน้า”ปตท.”ชี้พื้นที่สัตหีบเหมาะ ระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานได้ ด้าน”กฟผ.”ดันโรงไฟฟ้าถ่านหินกดค่าไฟ
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางไปศึกษาดูงานคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์(SPR) Shirashima ซึ่งบริหารโดยบ.Japan Oil,Gas and Metals National Corporation (JOGMEC) ที่เมืองฟุกุโอกะ และโรงไฟฟ้าถ่านหินอิโซโกะ ของบ.J-Power ที่โยโกฮาม่า ร่วมกับสื่อมวลชน กรรมาธิการพลังงานสภาผู้แทนราษฎร บมจ.ปตท. บมจ.ไทยออยล์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ปี 2558 การใช้พลังงานของไทยจะขยายตัวมากตามการเคลื่อนย้ายทุนและแรงงานไทยจึงต้องเตรียมแผนด้านพลังงานไว้รองรับเพื่อความมั่นคงและกรเสริมศักยภาพไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของภูมิภาคนี้ไทยจึงมีแผนที่จะดำเนินโครงการจัดทำสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เป็น 90 วันจากปัจจุบันสำรองน้ำมันดิบและสำเร็จรูป 5%ของการขายหรือ 36 วัน
“ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นอันดับ 3 ของโลกและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)และถ่านหินสูงสุดในโลกเพราะมีแหล่งพลังงานในประเทศน้อยมากและมีข้อจำกัดพื้นที่สร้างซึ่งคล้ายกับไทยเราจึงต้องมองอนาคตไว้ซึ่งการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์คล้ายกับการทำประกันที่จะทำให้คนไทยและนักลงทุนมั่นใจว่ายามวิกฤตเราจะมีปัญหาน้อยลง ส่วนรูปแบบลงทุนกำลังศึกษาเราหวังว่าปี 56 น่าจะพอเห็นรูปร่าง”นายณอคุณกล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์รัฐจะเป็นเจ้าของน้ำมันแต่การบริหารสามารถให้เอกชนดำเนินการได้ซึ่งปตท.และบริษัทในเครือปตท.มีศักยภาพเพียงพอที่จะให้การบริการดังกล่าวหากโครงการเกิดขึ้นซึงภาพรวมการลงทุนน่าจะเป็นระดับกว่าแสนล้านบาท
ซึ่งการลงทุนนั้นก็อยู่ที่รัฐจะนำเงินมาจากที่ใดซึ่งส่วนตัวมองว่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานน่าจะนำมาลงทุนได้เพราะไม่ต้องเน้นผลตอบแทนมากนัก ขณะที่พื้นที่เห็นว่าพื้นที่ทหารเรือที่สัตหีบ น่าจะเหมาะสมในการสร้างระบบคลังสำรอง
นายสุรศักดิ์ ศุภวิฑิตพัฒนา รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นใช้ถ่านหินผลิตไฟในสัดส่วนถึง21%ในการผลิตไฟและจะใช้เพิ่มขึ้นในอนาคตหลังประชาชนกังวลต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังเกิดสึนามิ ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินมากสุดในโลกซึ่งมีความสะอาดเทียบเท่าการใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง โดยส่วนของไทยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีได้มอบให้กฟผ.พัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งโรงแรกจะนำร่องที่จังหวัดกระบี่
“กฟผ.ก็อยากให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยีใหม่ถ่านหินที่ต่างจากอดีตและที่สำคัญไม่เพียงความมั่นคงระบบไฟฟ้าที่จะต้องกระจายแหล่งเชื้อเพลิงที่ไทยพึ่งก๊าซฯสูงถึง 70% ขณะเดียวกันถ่านหินมีต้นทุนผลิตไฟออกมาต่ำกว่าจะช่วยถ่วงดุลค่าไฟฟ้าไม่ให้แพงได้หากราคาก๊าซฯสูงขึ้น”นายสุรศักดิ์กล่าว
นายณอคุณ สิทธิพงศ์ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการเดินทางไปศึกษาดูงานคลังน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์(SPR) Shirashima ซึ่งบริหารโดยบ.Japan Oil,Gas and Metals National Corporation (JOGMEC) ที่เมืองฟุกุโอกะ และโรงไฟฟ้าถ่านหินอิโซโกะ ของบ.J-Power ที่โยโกฮาม่า ร่วมกับสื่อมวลชน กรรมาธิการพลังงานสภาผู้แทนราษฎร บมจ.ปตท. บมจ.ไทยออยล์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ว่า การเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือ AEC ปี 2558 การใช้พลังงานของไทยจะขยายตัวมากตามการเคลื่อนย้ายทุนและแรงงานไทยจึงต้องเตรียมแผนด้านพลังงานไว้รองรับเพื่อความมั่นคงและกรเสริมศักยภาพไทยให้เป็นศูนย์กลางการค้าและการลงทุนของภูมิภาคนี้ไทยจึงมีแผนที่จะดำเนินโครงการจัดทำสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์เป็น 90 วันจากปัจจุบันสำรองน้ำมันดิบและสำเร็จรูป 5%ของการขายหรือ 36 วัน
“ ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีการนำเข้าน้ำมันดิบเป็นอันดับ 3 ของโลกและนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG)และถ่านหินสูงสุดในโลกเพราะมีแหล่งพลังงานในประเทศน้อยมากและมีข้อจำกัดพื้นที่สร้างซึ่งคล้ายกับไทยเราจึงต้องมองอนาคตไว้ซึ่งการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์คล้ายกับการทำประกันที่จะทำให้คนไทยและนักลงทุนมั่นใจว่ายามวิกฤตเราจะมีปัญหาน้อยลง ส่วนรูปแบบลงทุนกำลังศึกษาเราหวังว่าปี 56 น่าจะพอเห็นรูปร่าง”นายณอคุณกล่าว
นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย บริษัท ปตท.จำกัด(มหาชน) กล่าวว่าการสำรองน้ำมันทางยุทธศาสตร์รัฐจะเป็นเจ้าของน้ำมันแต่การบริหารสามารถให้เอกชนดำเนินการได้ซึ่งปตท.และบริษัทในเครือปตท.มีศักยภาพเพียงพอที่จะให้การบริการดังกล่าวหากโครงการเกิดขึ้นซึงภาพรวมการลงทุนน่าจะเป็นระดับกว่าแสนล้านบาท
ซึ่งการลงทุนนั้นก็อยู่ที่รัฐจะนำเงินมาจากที่ใดซึ่งส่วนตัวมองว่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานน่าจะนำมาลงทุนได้เพราะไม่ต้องเน้นผลตอบแทนมากนัก ขณะที่พื้นที่เห็นว่าพื้นที่ทหารเรือที่สัตหีบ น่าจะเหมาะสมในการสร้างระบบคลังสำรอง
นายสุรศักดิ์ ศุภวิฑิตพัฒนา รองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่า ปัจจุบันญี่ปุ่นใช้ถ่านหินผลิตไฟในสัดส่วนถึง21%ในการผลิตไฟและจะใช้เพิ่มขึ้นในอนาคตหลังประชาชนกังวลต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์หลังเกิดสึนามิ ซึ่งญี่ปุ่นถือเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีโรงไฟฟ้าถ่านหินมากสุดในโลกซึ่งมีความสะอาดเทียบเท่าการใช้ก๊าซฯเป็นเชื้อเพลิง โดยส่วนของไทยแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าหรือพีดีพีได้มอบให้กฟผ.พัฒนาโรงไฟฟ้าถ่านหินซึ่งโรงแรกจะนำร่องที่จังหวัดกระบี่
“กฟผ.ก็อยากให้ประชาชนเข้าใจและยอมรับเทคโนโลยีใหม่ถ่านหินที่ต่างจากอดีตและที่สำคัญไม่เพียงความมั่นคงระบบไฟฟ้าที่จะต้องกระจายแหล่งเชื้อเพลิงที่ไทยพึ่งก๊าซฯสูงถึง 70% ขณะเดียวกันถ่านหินมีต้นทุนผลิตไฟออกมาต่ำกว่าจะช่วยถ่วงดุลค่าไฟฟ้าไม่ให้แพงได้หากราคาก๊าซฯสูงขึ้น”นายสุรศักดิ์กล่าว