ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ตั้งแต่ถูกยุบพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชน เป็นต้นมา บรรดาลิ่วล้อทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นส.ส.พรรคเพื่อไทย หรือกลุ่มเสื้อแดง ต่างมีความรู้สึกเป็นปฏิปักษ์ เป็นไม่เบื่อไม้เมากับศาลรัฐธรรมนูญจะพยายามหาทางดิสเครดิตมาโดยตลอด
หัวหอกอย่าง "เด็จพี่" พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่มักออกมาแถลงข่าวให้ร้ายตุลาการศาล ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาคดีที่มีส่วนได้ ส่วนเสีย กับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์
อย่างเช่นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณี ยุบพรรคประชาธิปัตย์ "เด็จพี่"ก็ออกมาปูดข่าวว่า นายทศพล เพ็งส้ม หนึ่งในทีมทนายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ดอดเข้าพบนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อล็อบบี้ไม่ให้ถูกยุบพรรค
หรือกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ ผ่านสื่อต่างๆ มีเนื้อหาในทำนองว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 ท่าน ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายสุพจน์ ไข่มุก และนายเฉลิมพล เอกอุรุ มีส่วนรู้เห็น และเกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรับบุคคลเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ และผู้ที่สอบได้ ก็เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับตุลาการทั้ง 3 คน ทำให้มีการฟ้องนายพร้อมพงศ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท
แล้วผลก็ลงเอยด้วยการที่"เด็จพี่" ต้องยอมขอขมาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหลายเหล่านั้น
ล่าสุด ลิ่วล้อทักษิณ เอาอีกแล้ว คือ กรณีนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ ได้ไปแจ้งกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 ท่าน ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จากเรื่องที่ตุลาการฯทั้ง 6 ท่าน ให้ยกคำร้องที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ระงับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ "เสธ.อ้าย" เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยอ้างว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังกล่าว ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลการชุมนุม และส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้อาวุธ และใช้แก๊สน้ำตา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก
ทั้งๆที่การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในครั้งนั้น เป็นการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
อีกทั้ง การพิจารณาวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าว ก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการที่มีความเป็นอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 เป็นการใช้อำนาจโดยสุจริตตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
แต่ก็ไม่วายที่ลิ่วล้อทักษิณ จะตะแบง หาข้ออ้างมาดิสเครดิต ด้วยการไปแจ้งความดำเนินคดี กับตุลาการทั้ง 6 ท่าน
เพราะช่วงนี้ บรรดาลิ่วล้อทักษิณ กำลังจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการโหวต วาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่เสนอโดยครม. เพื่อตั้งส.ส.ร.มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่า การให้มีส.ส.ร. มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เท่ากับเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550
เชื่อว่า เรื่องนี้ศษลรัฐธรรมนูญต้องฟ้องกลับแน่ เพราะการจะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องยื่นถอดถอน ไม่ใช่ไปแจ้งความดำเนินคดี
และถ้าตุลาการฯฟ้องกลับจริง หวังว่าคราวนี้คงไม่จบแค่การขอขมาแน่ !!
หัวหอกอย่าง "เด็จพี่" พร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ในฐานะโฆษกพรรคเพื่อไทย ที่มักออกมาแถลงข่าวให้ร้ายตุลาการศาล ด้วยถ้อยคำที่รุนแรง โดยเฉพาะในช่วงที่ศาลรัฐธรรมนูญมีการพิจารณาคดีที่มีส่วนได้ ส่วนเสีย กับพรรคเพื่อไทย หรือพรรคประชาธิปัตย์
อย่างเช่นกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญกำลังพิจารณากรณี ยุบพรรคประชาธิปัตย์ "เด็จพี่"ก็ออกมาปูดข่าวว่า นายทศพล เพ็งส้ม หนึ่งในทีมทนายสู้คดียุบพรรคประชาธิปัตย์ ดอดเข้าพบนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญเพื่อล็อบบี้ไม่ให้ถูกยุบพรรค
หรือกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอ ผ่านสื่อต่างๆ มีเนื้อหาในทำนองว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 3 ท่าน ประกอบด้วย นายจรูญ อินทจาร นายสุพจน์ ไข่มุก และนายเฉลิมพล เอกอุรุ มีส่วนรู้เห็น และเกี่ยวข้องกับการโกงข้อสอบของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อรับบุคคลเข้าเป็นเจ้าหน้าที่ และผู้ที่สอบได้ ก็เป็นบุคคลที่ใกล้ชิดกับตุลาการทั้ง 3 คน ทำให้มีการฟ้องนายพร้อมพงศ์ ในข้อหาหมิ่นประมาท
แล้วผลก็ลงเอยด้วยการที่"เด็จพี่" ต้องยอมขอขมาตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้งหลายเหล่านั้น
ล่าสุด ลิ่วล้อทักษิณ เอาอีกแล้ว คือ กรณีนายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ ได้ไปแจ้งกองปราบปราม ให้ดำเนินคดีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 6 ท่าน ประกอบด้วย นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
จากเรื่องที่ตุลาการฯทั้ง 6 ท่าน ให้ยกคำร้องที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ ระงับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ "เสธ.อ้าย" เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยอ้างว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องดังกล่าว ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 100 ล้านบาทในการระดมเจ้าหน้าที่ตำรวจมาดูแลการชุมนุม และส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้อาวุธ และใช้แก๊สน้ำตา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับกุมคุมขังเป็นจำนวนมาก
ทั้งๆที่การชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยามในครั้งนั้น เป็นการชุมนุมโดยสงบ และปราศจากอาวุธ และเป็นสิทธิ เสรีภาพของประชาชน ที่รัฐธรรมนูญรับรองไว้
อีกทั้ง การพิจารณาวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในกรณีดังกล่าว ก็เป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นองค์กรตุลาการที่มีความเป็นอิสระ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 197 เป็นการใช้อำนาจโดยสุจริตตามที่รัฐธรรมนูญให้อำนาจไว้
แต่ก็ไม่วายที่ลิ่วล้อทักษิณ จะตะแบง หาข้ออ้างมาดิสเครดิต ด้วยการไปแจ้งความดำเนินคดี กับตุลาการทั้ง 6 ท่าน
เพราะช่วงนี้ บรรดาลิ่วล้อทักษิณ กำลังจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ด้วยการโหวต วาระ 3 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 ที่เสนอโดยครม. เพื่อตั้งส.ส.ร.มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ซึ่งก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยแล้วว่า การให้มีส.ส.ร. มายกร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เท่ากับเป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ 2550
เชื่อว่า เรื่องนี้ศษลรัฐธรรมนูญต้องฟ้องกลับแน่ เพราะการจะตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หากเห็นว่าปฏิบัติหน้าที่ไม่ถูกต้อง ก็ต้องยื่นถอดถอน ไม่ใช่ไปแจ้งความดำเนินคดี
และถ้าตุลาการฯฟ้องกลับจริง หวังว่าคราวนี้คงไม่จบแค่การขอขมาแน่ !!