เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (12 ธ.ค.) ที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) นายสิงห์ทอง บัวชุม สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นายพิชา วิจิตรศิลป์ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.ณัทปกรณ์ ปัญญาดี พนักงานสอบสวนชำนาญการ กก.1 บก.ป. เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับ นายจรัญ ภักดีธนากุล นายจรูญ อินทจาร นายเฉลิมพล เอกอุรุ นายนุรักษ์ มาประณีต นายสุพจน์ ไข่มุกด์ และ นายอุดมศักดิ์ นิติมนตรี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวม 6 คน ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย จากกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 6 คน ให้ยกคำร้อง ที่สมาชิกพรรคเพื่อไทย ยื่นให้ระงับการชุมนุมของกลุ่มองค์การพิทักษ์สยาม นำโดย พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ หรือ เสธ.อ้าย พร้อมนำเอกสารหลักฐาน เป็นคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ และภาพถ่ายที่มีการใช้อาวุธ ในเหตุการณ์ชุมนุมในวันที่ 24 พ.ย. ที่ผ่านมา มามอบให้พนักงานสอบสวน เป็นหลักฐาน
นายสิงห์ทอง กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ร้องขอให้มีคำสั่งระงับการชุมนุมของกลุ่ม เสธ.อ้าย ในวันที่ 24 พ.ย. ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท และส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้อาวุธ และใช้แก๊สน้ำตา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับคุมขังเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เป็นเพราะคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ยกคำร้องดังกล่าว จนเกิดความเสียหาย ทั้งที่ก่อนหน้าเคยนำพยานหลักฐานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีการสะสมอาวุธในบริเวณสนามม้านางเลิ้ง เพื่อใช้ในการชุมนุม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะมีคำสั่งให้ระงับการชุมนุม แต่ก็มิได้มีคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด
นายสิงห์ทอง กล่าวว่า การที่ศาลรัฐธรรมนูญยกคำร้องของสมาชิกพรรคเพื่อไทย ที่ร้องขอให้มีคำสั่งระงับการชุมนุมของกลุ่ม เสธ.อ้าย ในวันที่ 24 พ.ย. ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียงบประมาณกว่า 100 ล้านบาท และส่งผลให้กลุ่มผู้ชุมนุมปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีการใช้อาวุธ และใช้แก๊สน้ำตา จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บ และถูกจับคุมขังเป็นจำนวนมาก
ทั้งนี้ เป็นเพราะคำสั่งของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ยกคำร้องดังกล่าว จนเกิดความเสียหาย ทั้งที่ก่อนหน้าเคยนำพยานหลักฐานว่า กลุ่มผู้ชุมนุมมีการสะสมอาวุธในบริเวณสนามม้านางเลิ้ง เพื่อใช้ในการชุมนุม ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ ควรจะมีคำสั่งให้ระงับการชุมนุม แต่ก็มิได้มีคำสั่งดังกล่าวแต่อย่างใด