ASTVผู้จัดการรายวัน- ปตท.เร่งจัดทัพธุรกิจก้าวสู่บริษัทพลังงานข้ามชาติรับ AEC ปี 2558 เพื่อความคล่องเร่งปรับโฉม 39 บริษัทในเครือเป้าหมายให้เหลือเพียง 29 บริษัทใน 3 กลุ่มธุรกิจ คาดภาพทั้งหมดจะชัดเจนปี 2556 พร้อมวางเป้าจัดหาพลังงาน 50% ของความต้องการประเทศในปี 2563
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารบริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการปรับ โครงสร้างองค์กรปตท.เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ปี 2558 ซึ่งเป้าหมายปตท.ที่เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติจะต้องก้าวสู่บริษัทพลังงานข้ามชาติ
โดยปตท.มีแผนปรับลดขนาดและปรับโครงสร้างองค์กร 39 บริษัทในเครือให้เหลือ 29 บริษัทจากบริษัทในเครือที่มีทั้งสิ้นประมาณ 250 บริษัท
“การลดขนาดและปรับโครงสร้างก็มีทั้งการควบรวมกิจการ การยุบบริษัทลง ซึ่งระยะแรกก็ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้วเช่น การควบรวม บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ (PTTUT)และบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) เป็นต้น โดยภาพทั้งหมดน่าจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในปี 2556 ทั้งหมดก็เพื่อความคล่องตัวและสามารถแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นอนาคตได้มากขึ้น”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทในเครือปตท. 39 บริษัทเป้าหมายแบ่งแยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้ ธุรกิจน้ำมันและการค้า(Oil&Trading) 12 บริษัท ธุรกิจก๊าซฯและไฟฟ้า( Gas&Power) 15 บริษัท และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น(P&R) จำนวน 9 บริษัท และเมื่อปรับโครงสร้างแล้วมีเป้าหมายจะเหลือ 29 บริษัทนั้นแบ่งตามกลุ่มธุรกิจดังนี้คือ 1. กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าจาก 12 บริษัทจะเหลือเพียง 5
บริษัทซึ่งส่วนใหญ่จะมีการนำบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมคล้ายกันมาควบรวมเป็นบริษัทเดียว โดยบริษัทที่จะเหลือ เช่น บ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ(FPT) บ.ท่อส่งปิโตรเลียมไทย(แทปไลน์) ฯลฯ
2. กลุ่มธุรกิจก๊าซฯและไฟฟ้าจาก 15 บริษัทเป้าหมายจะเหลือ 14 บริษัท โดยจะจัดตั้งบริษัทธุรกิจไฟฟ้าขึ้นมาใหม่รวมบริษัทที่ผลิตไฟฟ้า 5 บริษัทมาจัดไว้ในบริษัทดังกล่าว และ 3. กลุ่ม P&R จาก 9 บริษัทจะเหลือ 7 บริษัทโดยมีการยุบรวมส่วนของระบบคลังเข้ามาเป็นบริษัทเดียวกัน เป็นต้น
สำหรับทิศทางการจัดหาพลังงานของปตท.ได้ตั้งเป้าหมายที่จะจัดหาพลังงานให้สอดรับกับความต้องการพลังงานของประเทศโดยอิงกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี) โดยมีเป้าหมายจัดหาพลังงานให้ได้ 50% ของความต้องการพลังงานประเทศในปี 2563 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานรวมอยู่ที่ 2.84 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบจากในปี 2555 ที่จัดหาอยู่ในระดับ 17% -ของความต้องการใช้พลังงานรวมของประเทศที่ประมาณ 2.23 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ปตท.แปรรูปตั้งแต่ปี 2544-2554 ปตท.ได้ส่งรายได้เข้ารัฐในรูปของเงินปันผลและภาษีเงินรวมประมาณ 4.6 แสนล้านบาทและเมื่อรวมกับปี 2555 คาดว่าจะสูงกว่า 5แสนล้านบาทและกลุ่มปตท.ยังมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศเพราะมีมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสูงถึง 2 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 19% ในตลาดฯ
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการบริหารบริษัทปตท. จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ขณะนี้ปตท.อยู่ระหว่างการปรับ โครงสร้างองค์กรปตท.เพื่อความคล่องตัวในการทำธุรกิจที่จะมีการแข่งขันรุนแรงมากขึ้นในอนาคตโดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) ปี 2558 ซึ่งเป้าหมายปตท.ที่เป็นบริษัทพลังงานแห่งชาติจะต้องก้าวสู่บริษัทพลังงานข้ามชาติ
โดยปตท.มีแผนปรับลดขนาดและปรับโครงสร้างองค์กร 39 บริษัทในเครือให้เหลือ 29 บริษัทจากบริษัทในเครือที่มีทั้งสิ้นประมาณ 250 บริษัท
“การลดขนาดและปรับโครงสร้างก็มีทั้งการควบรวมกิจการ การยุบบริษัทลง ซึ่งระยะแรกก็ได้มีการดำเนินการไปบ้างแล้วเช่น การควบรวม บริษัท พีทีที ยูทิลิตี้ (PTTUT)และบริษัท ผลิตไฟฟ้าอิสระ (ประเทศไทย) จำกัด (IPT) เป็นต้น โดยภาพทั้งหมดน่าจะเห็นชัดเจนมากขึ้นในปี 2556 ทั้งหมดก็เพื่อความคล่องตัวและสามารถแสวงหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ ที่เป็นอนาคตได้มากขึ้น”แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับการปรับโครงสร้างบริษัทในเครือปตท. 39 บริษัทเป้าหมายแบ่งแยกตามกลุ่มธุรกิจดังนี้ ธุรกิจน้ำมันและการค้า(Oil&Trading) 12 บริษัท ธุรกิจก๊าซฯและไฟฟ้า( Gas&Power) 15 บริษัท และธุรกิจปิโตรเคมีและการกลั่น(P&R) จำนวน 9 บริษัท และเมื่อปรับโครงสร้างแล้วมีเป้าหมายจะเหลือ 29 บริษัทนั้นแบ่งตามกลุ่มธุรกิจดังนี้คือ 1. กลุ่มธุรกิจน้ำมันและการค้าจาก 12 บริษัทจะเหลือเพียง 5
บริษัทซึ่งส่วนใหญ่จะมีการนำบริษัทที่ดำเนินธุรกิจมคล้ายกันมาควบรวมเป็นบริษัทเดียว โดยบริษัทที่จะเหลือ เช่น บ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ(FPT) บ.ท่อส่งปิโตรเลียมไทย(แทปไลน์) ฯลฯ
2. กลุ่มธุรกิจก๊าซฯและไฟฟ้าจาก 15 บริษัทเป้าหมายจะเหลือ 14 บริษัท โดยจะจัดตั้งบริษัทธุรกิจไฟฟ้าขึ้นมาใหม่รวมบริษัทที่ผลิตไฟฟ้า 5 บริษัทมาจัดไว้ในบริษัทดังกล่าว และ 3. กลุ่ม P&R จาก 9 บริษัทจะเหลือ 7 บริษัทโดยมีการยุบรวมส่วนของระบบคลังเข้ามาเป็นบริษัทเดียวกัน เป็นต้น
สำหรับทิศทางการจัดหาพลังงานของปตท.ได้ตั้งเป้าหมายที่จะจัดหาพลังงานให้สอดรับกับความต้องการพลังงานของประเทศโดยอิงกับแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า(พีดีพี) โดยมีเป้าหมายจัดหาพลังงานให้ได้ 50% ของความต้องการพลังงานประเทศในปี 2563 ที่คาดว่าจะมีความต้องการพลังงานรวมอยู่ที่ 2.84 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบจากในปี 2555 ที่จัดหาอยู่ในระดับ 17% -ของความต้องการใช้พลังงานรวมของประเทศที่ประมาณ 2.23 ล้านบาร์เรลต่อวันเทียบเท่าน้ำมันดิบ
แหล่งข่าวกล่าวว่า ตลอดระยะเวลาที่ปตท.แปรรูปตั้งแต่ปี 2544-2554 ปตท.ได้ส่งรายได้เข้ารัฐในรูปของเงินปันผลและภาษีเงินรวมประมาณ 4.6 แสนล้านบาทและเมื่อรวมกับปี 2555 คาดว่าจะสูงกว่า 5แสนล้านบาทและกลุ่มปตท.ยังมีส่วนสำคัญต่อการสร้างความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของประเทศเพราะมีมูลค่าหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสูงถึง 2 ล้านล้านบาทหรือคิดเป็น 19% ในตลาดฯ