หุ้นไทยบวก 9.82 จุด รับแรงซื้อสุทธิจากนักลงทุนต่างชาติ และพอร์ตโบรกฯ ภาพรวมเม็ดเงินกองทุนLTF – RMF ยังไหลเข้า นักลงทุนเชื่อดัชนียังมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปต่อ คาดวันนี้ยังเดินหน้าในทิศทางเดิม
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6ธ.ค.) ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยปิดที่ระดับ 1,339.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.82 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 36,750.97 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,342.53 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,335.01 จุด โดยเป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาจากหุ้นในกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ และเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF)เข้ามาช่วยสนับสนุน
สำหรับการซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,780.39 ล้านบาท ถัดมาคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 1,318.16 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,851.32 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 247.23 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 351 หลักทรัพย์ ลดลง 234 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,126.83 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,467.32 ล้านบาท ปิดที่ 194.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,381.06 ล้านบาท ปิดที่ 328.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,255.25 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท ลดลง 3.00 บาท และ BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,216.11 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้(6ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่อยู่ในทิศทางของการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อที่เข้ามาที่หุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน ซึ่งภาพรวมเป็นการลงทุนของนักลงทุนในประเทศ ที่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้ อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF รวมถึงแรงซื้อจากนัลงทุนต่างชาติ
ขณะที่ ปัจจัยนอกประเทศยังคงต้องติดตามการเจรจาแก้ไขปัญหา Fiscal Cliff ต่อไป และรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนพ.ย.ที่จะประกาศ ซึ่งคาดว่าจะออกมาชะลอตัวเป็นผลจากพายุแซนดี้ แต่เรื่องนี้มองว่าไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ เพราะนักลงทุนรับทราบไว้อยู่แล้วว่าจะออกมาไม่ดี ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7 ธ.ค.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,335 จุด แนวต้าน 1,350 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (6ธ.ค.) ปรับตัวเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยปิดที่ระดับ 1,339.88 จุด เพิ่มขึ้น 9.82 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 36,750.97 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงสุดที่ระดับ 1,342.53 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,335.01 จุด โดยเป็นการปรับตัวในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ซึ่งมีแรงซื้อเข้ามาจากหุ้นในกลุ่ม ธนาคารพาณิชย์ และเม็ดเงินจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว(LTF) และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (RMF)เข้ามาช่วยสนับสนุน
สำหรับการซื้อขายสุทธิแยกตามประเภทนักลงทุน พบว่า นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,780.39 ล้านบาท ถัดมาคือ บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ที่ซื้อสุทธิ 1,318.16 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนทั่วไปขายสุทธิ 2,851.32 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 247.23 ล้านบาท
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 351 หลักทรัพย์ ลดลง 234 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 167 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,126.83 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,467.32 ล้านบาท ปิดที่ 194.50 บาท เพิ่มขึ้น 7.50 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,381.06 ล้านบาท ปิดที่ 328.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,255.25 ล้านบาท ปิดที่ 216.00 บาท ลดลง 3.00 บาท และ BBL มูลค่าการซื้อขาย 1,216.11 ล้านบาท ปิดที่ 184.50 บาท เพิ่มขึ้น 3.00 บาท
นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้(6ธ.ค.) ปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคที่อยู่ในทิศทางของการเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ เพราะได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อที่เข้ามาที่หุ้นในกลุ่มแบงก์ และกลุ่มพลังงาน ซึ่งภาพรวมเป็นการลงทุนของนักลงทุนในประเทศ ที่เชื่อว่า ตลาดหุ้นไทยน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อไปได้ อีกทั้งได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF รวมถึงแรงซื้อจากนัลงทุนต่างชาติ
ขณะที่ ปัจจัยนอกประเทศยังคงต้องติดตามการเจรจาแก้ไขปัญหา Fiscal Cliff ต่อไป และรอดูตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯเดือนพ.ย.ที่จะประกาศ ซึ่งคาดว่าจะออกมาชะลอตัวเป็นผลจากพายุแซนดี้ แต่เรื่องนี้มองว่าไม่น่าจะมีผลต่อตลาดฯ เพราะนักลงทุนรับทราบไว้อยู่แล้วว่าจะออกมาไม่ดี ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(7 ธ.ค.) ดัชนียังมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นไปได้ต่อ พร้อมให้แนวรับ 1,335 จุด แนวต้าน 1,350 จุด
