หุ้นไทยบวก 9 จุด ความกังวลต่อหน้าผาการคลังสหรัฐฯคลี่คลาย โบรกฯประเมินขยับไปต่อ จากแรงซื้อในกลุ่มซื้อสื่อสารรับพ้นปัญหา3G และเม็ดเงินจากLTF-RMF ภาพรวม พ.ย. ต่างชาติซื้อสุทธิ 2.3 พันล้าน ดันยอดสะสมใกล้ทะลุ5หมื่นล้านบาท ส่วนสถาบันเข้าเก็บมากสุดทั้งเดือนกว่า 1.2 หมื่นล้าน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29พ.ย.) ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,309.57 จุด เพิ่มขึ้น 9.63 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 41,355.49 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่ามีแรงซื้อสุทธิเข้ามาจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 775.42 ล้านบาท ตามมาด้วยนักลงทุนต่างประเทศ 261.79 ล้านบาท
ขณะเดียวกันพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1-29พ.ย. นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,321.55 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีการซื้อสุทธิมากสุทธิค่อกลุ่มสถาบัน 12,156.99 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 119.02ล้านบาท จึงเป็นผลให้ยอดการซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิแล้ว 49,446.55 ล้านบาท บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 1,812.27 ล้านบาท โดยผู้ขายสุทธิสะสมยังเป็นนักลงทุนทั่วไป 27,090 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 24,168.23 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีหลักทรัพย์ วานนี้ เป็นการปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค หลังคลายกังวลปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐฯ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,311.09 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,303.70 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 390 หลักทรัพย์ ลดลง 183 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 152 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,019.99 ล้านบาท ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 1.25 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,978.01 ล้านบาท ปิดที่ 209.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,532.54 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 0.50 บาท BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,375.58 ล้านบาท ปิดที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท และPTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,312.07 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐฯที่คลี่คลายลงไปแล้วหลังจากมีแนวโน้มว่าฝ่ายบริหารและรัฐสภาสหรัฐน่าจะตกลงกันได้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ กลุ่มสื่อสารที่รอปัจจัยเรื่องคำสั่งศาลปกครองในคดีการประมูล 3G นั้นคาดการณ์ว่าจะออกมาดี จึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF ที่เป็นปัจจัยระยะสั้นเข้ามาเสริม ทำให้กลยุทธ์ในช่วงนี้มองว่า ถ้าดัชนีรีบาวน์ แนะให้หาจังหวะขายทำกำไรไปก่อน เพราะทิศทางตลาดวันน่าจะแกว่งขึ้นได้ต่อ และหากชนแนวต้านอาจมีแรงขายทำกำไรออมาบ้าง ทำให้ดัชนีจะปรับลดลงมาได้ คาดแนวต้านที่ 1,315 จุด แต่แนวรับใหญ่อยู่ที่ 1,270 จุด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (29พ.ย.) ยังเคลื่อนไหวในแดนบวก ต่อเนื่องจากวันก่อนหน้า โดยปิดที่ระดับ 1,309.57 จุด เพิ่มขึ้น 9.63 จุด หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 41,355.49 ล้านบาท ทั้งนี้พบว่ามีแรงซื้อสุทธิเข้ามาจากบัญชีบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) 775.42 ล้านบาท ตามมาด้วยนักลงทุนต่างประเทศ 261.79 ล้านบาท
ขณะเดียวกันพบว่า ตั้งแต่วันที่ 1-29พ.ย. นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิ 2,321.55 ล้านบาท โดยกลุ่มที่มีการซื้อสุทธิมากสุทธิค่อกลุ่มสถาบัน 12,156.99 ล้านบาท ขณะที่บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 119.02ล้านบาท จึงเป็นผลให้ยอดการซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปี นักลงทุนต่างประเทศซื้อสุทธิแล้ว 49,446.55 ล้านบาท บัญชีบล.ซื้อสุทธิ 1,812.27 ล้านบาท โดยผู้ขายสุทธิสะสมยังเป็นนักลงทุนทั่วไป 27,090 ล้านบาท และสถาบันขายสุทธิ 24,168.23 ล้านบาท
สำหรับภาพรวมการเคลื่อนไหวของดัชนีหลักทรัพย์ วานนี้ เป็นการปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค หลังคลายกังวลปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐฯ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัวแตะจุดสูงสุดที่ระดับ 1,311.09 จุด และต่ำสุดที่ระดับ 1,303.70 จุด
หลักทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 390 หลักทรัพย์ ลดลง 183 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 152 หลักทรัพย์ ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,019.99 ล้านบาท ปิดที่ 39.50 บาท ลดลง 1.25 บาท ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,978.01 ล้านบาท ปิดที่ 209.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,532.54 ล้านบาท ปิดที่ 154.00 บาท ลดลง 0.50 บาท BTS มูลค่าการซื้อขาย 1,375.58 ล้านบาท ปิดที่ 6.40 บาท เพิ่มขึ้น 0.15 บาท และPTTGC มูลค่าการซื้อขาย 1,312.07 ล้านบาท ปิดที่ 64.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้บังคับบัญชาสายงานวิจัย บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นตามภูมิภาค ส่วนหนึ่งมาจากความกังวลปัญหา Fiscal cliff ของสหรัฐฯที่คลี่คลายลงไปแล้วหลังจากมีแนวโน้มว่าฝ่ายบริหารและรัฐสภาสหรัฐน่าจะตกลงกันได้
ขณะที่ปัจจัยในประเทศ กลุ่มสื่อสารที่รอปัจจัยเรื่องคำสั่งศาลปกครองในคดีการประมูล 3G นั้นคาดการณ์ว่าจะออกมาดี จึงมีแรงซื้อเข้ามา นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อของกองทุน LTF และ RMF ที่เป็นปัจจัยระยะสั้นเข้ามาเสริม ทำให้กลยุทธ์ในช่วงนี้มองว่า ถ้าดัชนีรีบาวน์ แนะให้หาจังหวะขายทำกำไรไปก่อน เพราะทิศทางตลาดวันน่าจะแกว่งขึ้นได้ต่อ และหากชนแนวต้านอาจมีแรงขายทำกำไรออมาบ้าง ทำให้ดัชนีจะปรับลดลงมาได้ คาดแนวต้านที่ 1,315 จุด แต่แนวรับใหญ่อยู่ที่ 1,270 จุด