บลจ.ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล เผยเศรษฐกิจโลกปีหน้าเติบโตช้าหลังเจอแรงกดดันยุโรป สหรัฐฯ จีน ส่งผลไทยโตน้อยแค่ 4% เมื่อเทียบกับปีนี้ ชี้หุ้นไทยปรับตัวขึ้นปานกลาง แนะนักลงทุนกระจายความเสี่ยงไปในทองคำ และกองทุนรวมอสังหาฯ เพื่อลดความเสี่ยง
นายเจษฎา สุขทิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด เปิดเผยถึงทิศทางการลงทุนในปีหน้าว่า เศรษฐกิจโลกในปีหน้ามีการเติบโตช้า สาเหตุหลักยังคงเป็นที่ยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยยังไม่ได้รับการแก้ไข ถึงแม้ว่าจะมีเงินอัดฉีดจากธนาคารกลางจะช่วยลดโอกาสในการเกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงแล้วก็ตาม
ส่วนสหรัฐอเมริกาการเติบโตยังมีไม่มากคาดว่าอยู่ที่ 2% หลังจากความล้มเหลวทางการคลัง ซึ่งจะมีการติดลบบ้าง จีดีพีก็จะปรับลดลง ขณะที่จีนเองได้ผู้นำคนใหม่เข้ามาบริหาร การเติบโตจึงคาดว่าอยู่ที่ประมาณ 7-8% ดังนั้นเศรษฐกิจโดยรวมในต่างประเทศคาดว่าจะมีการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 3-4%
ทั้งนี้ ในส่วนของไทยเองมีมุมมองว่าการเติบโตเศรษฐกิจในปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 4% ซึ่งถ้าเทียบกับปีนี้ถือว่าน้อย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยมีโอกาสปรับลดลงไปอีก รวมถึงอัตราดอกเบี้ยโลกด้วยที่จะปรับตัวลดต่ำลง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจประเทศคู่ค้า เช่น ยุโรป สหรัฐอเมริกา รวมถึงเอเชียด้วย
ขณะเดียวกัน น้ำมันในปีหน้ายังปรับตัวขึ้นไม่แรง เนื่องจากว่าเศรษฐกิจโลกมีการปรับตัวช้าอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น ส่วนหุ้นเองปีหน้าพีอียังอยู่ปานกลางแต่ก็ไม่ได้เรียกว่าถูกจนเกินไป ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตมาก ก็ต้องมาดูว่าระยะสั้นจะเป็นไปตามกระแสข่าว ส่วนระยะยาวยังคงวิ่งตามกำไร ซึ่งกำไรในปีหน้าจะอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้เนื่องจากรัฐบาลเองมีการปรับลดภาษี โดยรวมน่าจะยังมีกำไรได้ดี คาดว่าในปีหน้าอัตราผลตอบแทนหุ้นน่าจะอยู่ที่ประมาณ 10-15% มันเป็นผลตอบแทนปานกลาง การลงทุนในหุ้นไทยยังสามารถลงทุนได้แต่ต้องดูตามความเสี่ยง
“กนง.ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% สู่ระดับ 2.75% เพื่อให้มีความพร้อมในการรับมือการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เช่น เกาหลี ฟิลิปปินส์ ออสเตรเลีย ที่กำลังเดินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย” นายเจษฎากล่าว
นายเจษฎากล่าวเพิ่มเติมว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีราคาปานกลาง ดังนั้นความเสี่ยงก็ยังมีอยู่ การจัดพอร์ตต้องมีการกระจายการลงทุนไปยังทรัพย์สินอื่นๆ เช่นทองคำ หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสามารถให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งมองว่าทองคำปีหน้ายังคงเป็นขาขึ้น เนื่องจากว่าโอบามาชนะการเลือกตั้ง ดังนั้นเงินอัดฉีดก็จะมีเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทองคำ