กรณีแอร์โฮสเตสของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิค “คิด” สาดกาแฟอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร กลายเป็นประเด็นร้อนของสังคมไทยในช่วงที่ผ่านมา
ถ้าใครได้อ่านความเห็นของแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคที่คิดจะสาดกาแฟ “อุ๊งอิ๊ง” จะเห็นได้ว่า การรู้จักยับยั้งชั่งใจนั้นเป็นทางออกที่จะทำให้ปัญหาไม่ลุกลามบานปลายไป แม้สุดท้ายเรื่องจะจบลงที่เธอจะลาออกจากงานที่ทำมา 24 ปีก็ตาม
ใครที่ยังไม่ได้อ่านก็ลองอ่านดูนะครับ ทั้งการระบายอารมณ์ที่นำมาสู่ปัญหาของเรื่อง และการประกาศลาออกจากงานเพื่อระงับปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเขียนที่ดี และมีธรรมสอนใจที่ซ่อนอยู่ทั้งสิ้น
“เศษกระดาษแผ่นนี้พวกอาชีพเดียวกับฉันรู้ดีว่ามันคืออะไร ดูชื่อผู้โดยสารของฉันวันนี้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเช้านี้สิ ตอนที่รู้ว่ามีผู้โดยสารคนนี้บนเครื่อง ประตูเครื่องกำลังจะปิดพอดี
ที่จริงฉันเคยได้ยินเพื่อนๆ บอกว่าไอ้อีตระกูลนี้ มันเดินทางไปฮ่องกงกับพวกเราบ่อยๆ ฉันยังเคยคิดว่าถ้ามีพวกมันบนเครื่อง ก็ต้องไม่มีฉันทำงานบนนั้น
ฉันรีบบอกหัวหน้าว่าวันนี้คงทำงานไม่ได้แล้ว หัวหน้าตกใจว่าเป็นไร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ ไฟลต์ก็เต็ม ถ้าอยู่ๆ ใครไม่ทำงานซักคนที่เหลือก็เหนื่อยเลยนะนั่น
พอบอกเหตุผล หัวหน้าก็น่ารักบอกว่าเดี๋ยวย้ายให้ไปทำงานจุดอื่นไม่ต้องเจอกับมันก็ได้ แล้วเตรียมออกเดินทาง
ฉันรีบโทร.หาที่ปรึกษาด่วน บอกว่าเอาอะไรไปราดหัวมันในไฟลต์นี้ได้มั้ย ได้คำแนะนำว่าอย่าทำ เพราะจะผิดกฎหมายฮ่องกงและไม่คุ้มค่ากัน ความรู้สึกโกรธ เกลียดพวกมันยังไม่จางหายจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวาน ทำให้คับแค้นใจยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลออกมา
ขณะเครื่องบินขึ้นฉันนั่งสงบสติอารมณ์ จนดีขึ้นแล้ว ก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง บอกหัวหน้าว่าจะทำงานตามปกติ หัวหน้าก็ตกลงแต่ไม่ต้องไปบริการมัน (คงป้องกันปัญหาด้วย)
ตลอดเที่ยวบินมันสวมแว่นกันแดดและหลับเป็นส่วนใหญ่
มีแอบคิดแผนกับน้องคนไทยที่ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย แต่แล้ว สติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยกับมัน รู้สำนึกว่า ทำไปก็ไม่มีผลต่อคนที่จิตสำนึกบอดอย่างพวกมัน แถมเราอาจจะต้องเพิ่มภาระเรื่องที่ต้องต่อสู้ขึ้นอีก
“อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง”
ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่องลง ความรู้สึกของเสธ.อ้าย ตอนที่พูดคำว่า “เสธ.อ้าย ได้ตายไปแล้ว” เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก ฉันกลั้นน้ำตาที่อยากไหลออกมาไว้แค่นั้น กลืนมันกลับเข้าไปในอก. บอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม
อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างแรง ที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้
แพทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียด[^_^]บนแผ่นดินไทยอีกต่อไป”
ผมคิดว่าถึงตรงนี้เราต้องชื่นชมเธอที่รู้จักแยกแยะหน้าที่หักห้ามใจตัวเองออกจากความเกลียดชัง ไม่เช่นนั้นก็จะทำอะไรที่กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตยิ่งกว่านี้
และสำหรับผมแล้วคิดว่า นี่คือ การแสดงออกของการเอาชนะความเกลียดความโกรธ รู้จักยับยั้งและใช้สติในการระงับความรุนแรง และถ้าเราแก้ปัญหาด้วยความไร้สติแล้วจะมีแต่ผลเสียมากกว่าความสะใจที่ได้ระบายอารมณ์ออกมาชั่วครั้งคราว
ถูกต้องเลยครับ “อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง”
การทำให้สติอยู่เหนืออารมณ์จึงเป็นคำสอนที่เตือนใจสังคมไทยทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี
และแม้ว่าการระบายความคิดของเธอออกมาจะเป็นภัยที่ย้อนกลับมาเล่นงานเธอเองในเวลาต่อมา เธอก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นอกเหนือจากนั้นก็คือ สิ่งที่เธอสะท้อนออกมานั้นยังชี้ให้เห็นถึงทางออกของสังคมไทยในวันนี้
“วันนี้ผึ้งได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคแล้วค่ะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพพจน์ของบริษัท ผึ้งขอขอบคุณและเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนๆทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่กฎระเบียบต่างๆ ที่มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร เราในฐานะสมาชิกขององค์กรก็ต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เหมือนกับกฎหมายที่มีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกคนก็ควรที่จะเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ผึ้งจึงอยากขอให้ทุกคนสนับสนุนการตัดสินใจของผึ้งด้วยนะคะ และโปรดอย่าตั้งข้อรังเกียจสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคในการรักษามาตรฐานของบริษัทเลยค่ะ
ผึ้งมั่นใจว่าสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคที่ผึ้งทำงานมานานถึง 24 ปี เป็นสายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและการบริการในระดับโลก พนักงานทุกคนได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดและมีความเป็นมืออาชีพสูง เมื่อผึ้งทำผิดกฎข้อบังคับของบริษัท ผึ้งก็ต้องรับผิดชอบ เหมือนกับทุกคน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับโทษ ถ้าเราทุกคน ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของสังคม ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ผึ้งอยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีกฎระเบียบและเคารพกฎหมาย ประเทศชาติของเราจะได้พัฒนาและมีความสงบสุข
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของพวกเราชาวไทย ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้ เราทุกคนมาร่วมกันตั้งต้นทำความดีถวายพระองค์ท่าน ด้วยการประพฤติตนเป็นผู้ที่เคารพกฎระเบียบและกฎหมายของบ้านเมืองกันดีมั้ยคะ เพื่อพระองค์ท่านจะได้สบายพระทัยที่พสกนิกรของพระองค์เป็นผู้ที่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรมและทำร่วมมือกันให้บ้านเมืองของเราสงบสุข ขอบคุณค่ะ”
เห็นไหมล่ะครับว่า สิ่งที่เธอสะท้อนออกมานอกจากสะท้อนถึงวุฒิภาวะและการยอมรับต่อความผิดที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้ว เธอยังชี้ให้เห็นถึงทางออกของสังคมไทย นั่นก็คือ การเคารพต่อกฎหมายและกฎระเบียบของสังคม
เห็นคนเสื้อแดง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้สายการบินเอาผิดแอร์โฮสเตสรายนี้ ก็หวังว่า เมื่อเธอได้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับกฎกติกาของสังคมและยอมรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปแล้วจะทำให้คนเสื้อแดงคิดได้ว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริงของสังคมไทยวันนี้
ผมคิดว่า ปัญหาบ้านเมืองของเราทุกวันนี้จะยุติลงได้ ถ้าเราเคารพกฎหมายและยึดเอากฎหมายเป็นกติกาของสังคม
เพราะหลายปีมานี้เราติดอยู่ในหล่มของความขัดแย้ง เพียงเพราะคนคนเดียวที่ไม่ยอมรับกฎหมายนั่นเอง
ถ้าใครได้อ่านความเห็นของแอร์โฮสเตสสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคที่คิดจะสาดกาแฟ “อุ๊งอิ๊ง” จะเห็นได้ว่า การรู้จักยับยั้งชั่งใจนั้นเป็นทางออกที่จะทำให้ปัญหาไม่ลุกลามบานปลายไป แม้สุดท้ายเรื่องจะจบลงที่เธอจะลาออกจากงานที่ทำมา 24 ปีก็ตาม
ใครที่ยังไม่ได้อ่านก็ลองอ่านดูนะครับ ทั้งการระบายอารมณ์ที่นำมาสู่ปัญหาของเรื่อง และการประกาศลาออกจากงานเพื่อระงับปัญหา ล้วนแล้วแต่เป็นข้อเขียนที่ดี และมีธรรมสอนใจที่ซ่อนอยู่ทั้งสิ้น
“เศษกระดาษแผ่นนี้พวกอาชีพเดียวกับฉันรู้ดีว่ามันคืออะไร ดูชื่อผู้โดยสารของฉันวันนี้เที่ยวบินจากกรุงเทพฯ ไปฮ่องกงเช้านี้สิ ตอนที่รู้ว่ามีผู้โดยสารคนนี้บนเครื่อง ประตูเครื่องกำลังจะปิดพอดี
ที่จริงฉันเคยได้ยินเพื่อนๆ บอกว่าไอ้อีตระกูลนี้ มันเดินทางไปฮ่องกงกับพวกเราบ่อยๆ ฉันยังเคยคิดว่าถ้ามีพวกมันบนเครื่อง ก็ต้องไม่มีฉันทำงานบนนั้น
ฉันรีบบอกหัวหน้าว่าวันนี้คงทำงานไม่ได้แล้ว หัวหน้าตกใจว่าเป็นไร เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่ ไฟลต์ก็เต็ม ถ้าอยู่ๆ ใครไม่ทำงานซักคนที่เหลือก็เหนื่อยเลยนะนั่น
พอบอกเหตุผล หัวหน้าก็น่ารักบอกว่าเดี๋ยวย้ายให้ไปทำงานจุดอื่นไม่ต้องเจอกับมันก็ได้ แล้วเตรียมออกเดินทาง
ฉันรีบโทร.หาที่ปรึกษาด่วน บอกว่าเอาอะไรไปราดหัวมันในไฟลต์นี้ได้มั้ย ได้คำแนะนำว่าอย่าทำ เพราะจะผิดกฎหมายฮ่องกงและไม่คุ้มค่ากัน ความรู้สึกโกรธ เกลียดพวกมันยังไม่จางหายจากเหตุการณ์การชุมนุมเมื่อวาน ทำให้คับแค้นใจยิ่งขึ้นจนน้ำตาไหลออกมา
ขณะเครื่องบินขึ้นฉันนั่งสงบสติอารมณ์ จนดีขึ้นแล้ว ก็คิดได้ว่า คนตระกูลนี้มันทำลายความสุขของคนไทยมามากพอแล้ว ฉันจะไม่ให้โอกาสพวกมันทำลายความสุขและความดีอีก ใจก็สงบขึ้นมาบ้าง บอกหัวหน้าว่าจะทำงานตามปกติ หัวหน้าก็ตกลงแต่ไม่ต้องไปบริการมัน (คงป้องกันปัญหาด้วย)
ตลอดเที่ยวบินมันสวมแว่นกันแดดและหลับเป็นส่วนใหญ่
มีแอบคิดแผนกับน้องคนไทยที่ไม่ชอบพวกมันเหมือนกัน ว่าจะเข้าไปพูดถากถางพ่อมันก่อนเครื่องลงดีมั้ย แต่แล้ว สติก็ทำงานมากกว่าอารมณ์ ไม่เข้าไปตอแยกับมัน รู้สำนึกว่า ทำไปก็ไม่มีผลต่อคนที่จิตสำนึกบอดอย่างพวกมัน แถมเราอาจจะต้องเพิ่มภาระเรื่องที่ต้องต่อสู้ขึ้นอีก
“อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง”
ฉันนั่งสงบใจคิดขณะเครื่องลง ความรู้สึกของเสธ.อ้าย ตอนที่พูดคำว่า “เสธ.อ้าย ได้ตายไปแล้ว” เมื่อเย็นวานนี้ คงเจ็บปวดมากกว่าฉันตอนนี้นัก ฉันกลั้นน้ำตาที่อยากไหลออกมาไว้แค่นั้น กลืนมันกลับเข้าไปในอก. บอกตัวเองว่า เราจะต้องต่อสู้กับคนเลวในบ้านเมืองอย่างมีสติ ด้วยปัญญา และความถูกต้องชอบธรรม
อย่างน้อยวันนี้ ฉันเอาชนะความโกรธ ความเกลียดอย่างแรง ที่มีอยู่ ไม่ให้มันมามีอำนาจสร้างปัญหาเพิ่มทุกข์ให้ฉันได้
แพทองธาร วันนี้ไม่โดนฉันเอากาแฟสาดหน้า แต่มันไม่รู้ว่าฉันจะต่อสู้ ทำให้พวกมันไม่ได้อยู่เป็นเสนียด[^_^]บนแผ่นดินไทยอีกต่อไป”
ผมคิดว่าถึงตรงนี้เราต้องชื่นชมเธอที่รู้จักแยกแยะหน้าที่หักห้ามใจตัวเองออกจากความเกลียดชัง ไม่เช่นนั้นก็จะทำอะไรที่กลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตยิ่งกว่านี้
และสำหรับผมแล้วคิดว่า นี่คือ การแสดงออกของการเอาชนะความเกลียดความโกรธ รู้จักยับยั้งและใช้สติในการระงับความรุนแรง และถ้าเราแก้ปัญหาด้วยความไร้สติแล้วจะมีแต่ผลเสียมากกว่าความสะใจที่ได้ระบายอารมณ์ออกมาชั่วครั้งคราว
ถูกต้องเลยครับ “อย่าเพิ่มศัตรูในการต่อสู้ จากความโง่ไร้สติของตัวเอง”
การทำให้สติอยู่เหนืออารมณ์จึงเป็นคำสอนที่เตือนใจสังคมไทยทุกวันนี้ได้เป็นอย่างดี
และแม้ว่าการระบายความคิดของเธอออกมาจะเป็นภัยที่ย้อนกลับมาเล่นงานเธอเองในเวลาต่อมา เธอก็พิสูจน์ให้เห็นถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ นอกเหนือจากนั้นก็คือ สิ่งที่เธอสะท้อนออกมานั้นยังชี้ให้เห็นถึงทางออกของสังคมไทยในวันนี้
“วันนี้ผึ้งได้ลาออกจากการเป็นพนักงานของสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคแล้วค่ะ เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องที่เกิดขึ้นและส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อภาพพจน์ของบริษัท ผึ้งขอขอบคุณและเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนๆทุกคนที่ให้กำลังใจ แต่กฎระเบียบต่างๆ ที่มีไว้เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์กร เราในฐานะสมาชิกขององค์กรก็ต้องให้ความเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด เหมือนกับกฎหมายที่มีไว้เพื่อความสงบเรียบร้อยของสังคม ทุกคนก็ควรที่จะเคารพและปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ผึ้งจึงอยากขอให้ทุกคนสนับสนุนการตัดสินใจของผึ้งด้วยนะคะ และโปรดอย่าตั้งข้อรังเกียจสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคในการรักษามาตรฐานของบริษัทเลยค่ะ
ผึ้งมั่นใจว่าสายการบินคาเธ่ย์ แปซิฟิคที่ผึ้งทำงานมานานถึง 24 ปี เป็นสายการบินที่มีมาตรฐานความปลอดภัยและการบริการในระดับโลก พนักงานทุกคนได้รับการฝึกอบรมอย่างเข้มงวดและมีความเป็นมืออาชีพสูง เมื่อผึ้งทำผิดกฎข้อบังคับของบริษัท ผึ้งก็ต้องรับผิดชอบ เหมือนกับทุกคน ถ้าทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับโทษ ถ้าเราทุกคน ยอมรับและปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของสังคม ทุกคนก็จะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข ผึ้งอยากเห็นสังคมไทยเป็นสังคมที่มีกฎระเบียบและเคารพกฎหมาย ประเทศชาติของเราจะได้พัฒนาและมีความสงบสุข
เนื่องในวโรกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นที่เคารพรักอย่างสูงของพวกเราชาวไทย ในวันที่ 5 ธันวาคม นี้ เราทุกคนมาร่วมกันตั้งต้นทำความดีถวายพระองค์ท่าน ด้วยการประพฤติตนเป็นผู้ที่เคารพกฎระเบียบและกฎหมายของบ้านเมืองกันดีมั้ยคะ เพื่อพระองค์ท่านจะได้สบายพระทัยที่พสกนิกรของพระองค์เป็นผู้ที่เคารพหลักนิติรัฐนิติธรรมและทำร่วมมือกันให้บ้านเมืองของเราสงบสุข ขอบคุณค่ะ”
เห็นไหมล่ะครับว่า สิ่งที่เธอสะท้อนออกมานอกจากสะท้อนถึงวุฒิภาวะและการยอมรับต่อความผิดที่ตัวเองได้กระทำลงไปแล้ว เธอยังชี้ให้เห็นถึงทางออกของสังคมไทย นั่นก็คือ การเคารพต่อกฎหมายและกฎระเบียบของสังคม
เห็นคนเสื้อแดง สมาชิกพรรคเพื่อไทย และรัฐมนตรีออกมาเคลื่อนไหวเพื่อให้สายการบินเอาผิดแอร์โฮสเตสรายนี้ ก็หวังว่า เมื่อเธอได้แสดงให้เห็นถึงการยอมรับกฎกติกาของสังคมและยอมรับผิดชอบกับสิ่งที่ตัวเองได้กระทำไปแล้วจะทำให้คนเสื้อแดงคิดได้ว่าอะไรคือปัญหาที่แท้จริงของสังคมไทยวันนี้
ผมคิดว่า ปัญหาบ้านเมืองของเราทุกวันนี้จะยุติลงได้ ถ้าเราเคารพกฎหมายและยึดเอากฎหมายเป็นกติกาของสังคม
เพราะหลายปีมานี้เราติดอยู่ในหล่มของความขัดแย้ง เพียงเพราะคนคนเดียวที่ไม่ยอมรับกฎหมายนั่นเอง