ASTVผู้จัดการรายวัน- "หมอวรงค์"เดินหน้าไม่หยุด ยื่นปปง. หวังตรวจสอบเส้นทางฟอกเงินจำนำข้าว เผยเส้นทางเงินใหม่ โยง บริษัทอสังหา “ส” ญาติ"เสี่ยเปี๋ยง" โยกเงินเข้ากองทุนก่อนสั่งจ่ายเช็ค ป.ป.ช.ตั้ง อนุฯไต่สวน "บุญทรง"
วานนี้ (4พ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือต่อ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีอันเป็นความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เกี่ยวกับการโครงการจำนำข้าว ที่ใช้ระบบจีทูจีบังหน้า แต่เป็นการขายข้าวภายในประเทศ ผ่านบริษัท จีเอสเอสจีฯ และผ่านตัวบุคคล โยงใยไปถึงบริษัท สยามอินดิก้า โดยมี ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง. เป็นผู้รับหนังสือ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ บริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งอ้างว่าขายข้าวให้จีนล็อตแรก ก็เป็นเงินสกุลต่างประเทศ แต่จากหลักฐานที่ได้มา กลับกลายเป็นบัญชีภายในประเทศทั้งหมด โดยมีการโอนเงินเข้ากรมการค้าต่างประเทศ เป็นเช็คจาก 4 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย และ ไทยพาณิชย์ รวมทั้งยังมีที่แยกธนาคารไม่ได้ โดยข้อมูลตั้งแต่ 8 ต.ค. - 9 พ.ย. 55 มีเงินเข้าบัญชี 6,743 ล้านบาท และข้อมูลก่อนหน้านี้ คือ ช่วง 28 ก.ย. -12 ต.ค. มีเงินเข้า 4,960 ล้านบาท จากเช็คของ 4 ธนาคาร โดยเชื่อว่าไม่ใช่เงินแอลซี จากรัฐบาลต่างประเทศแน่นอน จึงต้องตรวจสอบว่ารัฐบาลกำลังพัวพันกับการฟอกเงินในโครงการระบายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลใหม่ มีคนชื่อ “สุธี” โอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย ไปที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก ของ “สุธี” ในวันที่ 9 พ.ย. จำนวน 200 ล้านบาท และ อีกรายการ โอนเงิน 430 ล้านบาท รวมเป็น 630 ล้านบาท โดยพบความผิดปกติที่โอนในตอนเช้า แต่ตอนบ่ายเงินก็หายไป ซึ่งไปพบว่าเงินดังกล่าว เข้าไปที่ บริษัท "ส" ซึ่ง ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
แก๊งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าข้าว แต่กลับโยงใยกัน โดยบริษัท “ส” มีความใกล้ชิดกับ บริษัทสยามอินดิกา โดยบริษัท “ส” มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นแค่หลักล้าน แต่เพียงไม่กี่เดือน กลับเพิ่มขึ้นเป็น 1-2 พันล้านบาท ในช่วงที่สอดคล้องกับการระบายข้าวของรัฐบาล
ทั้งนี้พบว่า บริษัท “ส” ยังเข้าไปซื้อหน่วยลงทุน “เคแทม” เพื่อซื้อหน่วยลงทุนของธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นจึงมีการขายออก ไม่นานจากนั้นจึงมีการสั่งเช็คมีเช็คสั่งจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ จากธนาคารกสิกรไทย ราคา 700 กว่าล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินที่ นายสุธี โอนเข้าบริษัท "ส" ก่อนที่จะเข้าไปซื้อหน่วยลงทุน 630 ล้านบาท และจากการตรวจสอบคาดว่าน่าจะมีเงินเข้าไปบางส่วนก่อนเงิน 630 ล้านบาท จะเข้าไปซื้อหน่วยลงทุนแล้ว ทั้งนี้ จึงได้นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมอบให้กับทางปปง. เพื่อตรวจสอบต่อไป
**แก๊งโกงบ้านเอื้อฯโยงจำนำข้าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีชื่อ "เสี่ยเปี๋ยง" หรือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร มีประวัติทุจริตสร้างบ้านเอื้ออาทร ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4 แสนยูนิต มีการหักค่านายหน้า ยูนิตละ 1.4 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทุจริตครั้งนั้น 5,600 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
*** บุญทรง”ยันจำนำ-ขายข้าวโปร่งใส
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบแล้ว มีระยะเวลาดำเนินการ 15 วัน
สำหรับการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ได้สั่งให้กรมการค้าต่างประเทศทำงานตามปกติ โดยการตรวจสอบจะไม่มีผลต่อการระบายข้าว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัทสยาม อินดิก้า ไม่สามารถส่งมอบข้าวจีทูจีจำนวน 2 แสนตัน ให้กับรัฐบาลไอเวอรี่โคสต์ได้ เนื่องจากข้าวหอมมะลิที่อยู่ในโกดังมีคุณภาพต่ำ ต้องบีบบังคับให้เซอร์เวเยอร์รับรองคุณภาพนั้นยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เท่าที่รู้ คือ ไม่มีประเด็นอะไรที่มีปัญหาในการส่งมอบข้าวให้ไอเวอรี่โคสต์
***ป.ป.ช.ตั้ง อนุฯไต่สวน "บุญทรง"
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าที่ประชุมได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมา 2 ชุด โดยชุด1 เป็นการตั้งอนุกรรมการไต่สวนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยได้มอบหมายให้นายกล้าณรงค์ จันทิก นายวิชา มหาคุณ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบ อีกทั้งที่ประชุมยังได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนคำร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม โดยมอบหมายให้นายวิชัย วิวิตเสวี นายปรีชา เลิศกมลมาศ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบ
วานนี้ (4พ.ย.) นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เข้ายื่นหนังสือต่อ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เพื่อให้ตรวจสอบบัญชีอันเป็นความผิดเกี่ยวกับการฟอกเงิน เกี่ยวกับการโครงการจำนำข้าว ที่ใช้ระบบจีทูจีบังหน้า แต่เป็นการขายข้าวภายในประเทศ ผ่านบริษัท จีเอสเอสจีฯ และผ่านตัวบุคคล โยงใยไปถึงบริษัท สยามอินดิก้า โดยมี ร.ต.อ.หญิงสุวนีย์ แสวงผล รองเลขาธิการ ปปง. เป็นผู้รับหนังสือ
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบ บริษัทสยามอินดิก้า ซึ่งอ้างว่าขายข้าวให้จีนล็อตแรก ก็เป็นเงินสกุลต่างประเทศ แต่จากหลักฐานที่ได้มา กลับกลายเป็นบัญชีภายในประเทศทั้งหมด โดยมีการโอนเงินเข้ากรมการค้าต่างประเทศ เป็นเช็คจาก 4 ธนาคาร คือ ธนาคารกรุงเทพ กรุงไทย กสิกรไทย และ ไทยพาณิชย์ รวมทั้งยังมีที่แยกธนาคารไม่ได้ โดยข้อมูลตั้งแต่ 8 ต.ค. - 9 พ.ย. 55 มีเงินเข้าบัญชี 6,743 ล้านบาท และข้อมูลก่อนหน้านี้ คือ ช่วง 28 ก.ย. -12 ต.ค. มีเงินเข้า 4,960 ล้านบาท จากเช็คของ 4 ธนาคาร โดยเชื่อว่าไม่ใช่เงินแอลซี จากรัฐบาลต่างประเทศแน่นอน จึงต้องตรวจสอบว่ารัฐบาลกำลังพัวพันกับการฟอกเงินในโครงการระบายข้าวจากโครงการรับจำนำข้าวหรือไม่
นอกจากนี้ ยังพบข้อมูลใหม่ มีคนชื่อ “สุธี” โอนเงินจากธนาคารกสิกรไทย ไปที่บัญชีธนาคารกรุงไทย สาขารัชดาภิเษก ของ “สุธี” ในวันที่ 9 พ.ย. จำนวน 200 ล้านบาท และ อีกรายการ โอนเงิน 430 ล้านบาท รวมเป็น 630 ล้านบาท โดยพบความผิดปกติที่โอนในตอนเช้า แต่ตอนบ่ายเงินก็หายไป ซึ่งไปพบว่าเงินดังกล่าว เข้าไปที่ บริษัท "ส" ซึ่ง ประกอบธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์
แก๊งนี้ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการค้าข้าว แต่กลับโยงใยกัน โดยบริษัท “ส” มีความใกล้ชิดกับ บริษัทสยามอินดิกา โดยบริษัท “ส” มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นแค่หลักล้าน แต่เพียงไม่กี่เดือน กลับเพิ่มขึ้นเป็น 1-2 พันล้านบาท ในช่วงที่สอดคล้องกับการระบายข้าวของรัฐบาล
ทั้งนี้พบว่า บริษัท “ส” ยังเข้าไปซื้อหน่วยลงทุน “เคแทม” เพื่อซื้อหน่วยลงทุนของธนาคารไทยพาณิชย์ จากนั้นจึงมีการขายออก ไม่นานจากนั้นจึงมีการสั่งเช็คมีเช็คสั่งจ่ายให้กรมการค้าต่างประเทศ จากธนาคารกสิกรไทย ราคา 700 กว่าล้านบาท ใกล้เคียงกับเงินที่ นายสุธี โอนเข้าบริษัท "ส" ก่อนที่จะเข้าไปซื้อหน่วยลงทุน 630 ล้านบาท และจากการตรวจสอบคาดว่าน่าจะมีเงินเข้าไปบางส่วนก่อนเงิน 630 ล้านบาท จะเข้าไปซื้อหน่วยลงทุนแล้ว ทั้งนี้ จึงได้นำเอกสารหลักฐานทั้งหมดมอบให้กับทางปปง. เพื่อตรวจสอบต่อไป
**แก๊งโกงบ้านเอื้อฯโยงจำนำข้าว
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า อยากฝากไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับโครงการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งมีชื่อ "เสี่ยเปี๋ยง" หรือ นายอภิชาติ จันทร์สกุลพร มีประวัติทุจริตสร้างบ้านเอื้ออาทร ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จำนวน 4 แสนยูนิต มีการหักค่านายหน้า ยูนิตละ 1.4 หมื่นบาท รวมเป็นเงินทุจริตครั้งนั้น 5,600 ล้านบาท ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ
*** บุญทรง”ยันจำนำ-ขายข้าวโปร่งใส
นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมาตรวจสอบแล้ว มีระยะเวลาดำเนินการ 15 วัน
สำหรับการระบายข้าวในสต๊อกของรัฐบาล ได้สั่งให้กรมการค้าต่างประเทศทำงานตามปกติ โดยการตรวจสอบจะไม่มีผลต่อการระบายข้าว ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าบริษัทสยาม อินดิก้า ไม่สามารถส่งมอบข้าวจีทูจีจำนวน 2 แสนตัน ให้กับรัฐบาลไอเวอรี่โคสต์ได้ เนื่องจากข้าวหอมมะลิที่อยู่ในโกดังมีคุณภาพต่ำ ต้องบีบบังคับให้เซอร์เวเยอร์รับรองคุณภาพนั้นยังไม่ทราบรายละเอียด แต่เท่าที่รู้ คือ ไม่มีประเด็นอะไรที่มีปัญหาในการส่งมอบข้าวให้ไอเวอรี่โคสต์
***ป.ป.ช.ตั้ง อนุฯไต่สวน "บุญทรง"
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายกล้าณรงค์ จันทิก กรรมการ ป.ป.ช. ได้แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. ว่าที่ประชุมได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนขึ้นมา 2 ชุด โดยชุด1 เป็นการตั้งอนุกรรมการไต่สวนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เกี่ยวกับเรื่องโครงการรับจำนำข้าว โดยได้มอบหมายให้นายกล้าณรงค์ จันทิก นายวิชา มหาคุณ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบ อีกทั้งที่ประชุมยังได้มีมติตั้งอนุกรรมการไต่สวนคำร้องขอถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในเรื่องการแต่งตั้งข้าราชการระดับชั้นนายพลของกระทรวงกลาโหม โดยมอบหมายให้นายวิชัย วิวิตเสวี นายปรีชา เลิศกมลมาศ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง เป็นกรรมการผู้รับผิดชอบ
