xs
xsm
sm
md
lg

หยุดชั่วคราว ๕ ปี เพื่อทำ ๕ ส. ประเทศไทย

เผยแพร่:   โดย: ทวิช จิตรสมบูรณ์

ผมได้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงเสธ.อ้าย ว่า อย่าใช้คำว่าแช่แข็งประเทศ ๕ ปีเลย เพราะว่ามันฟังดูไม่ดี แถมนานเกินไป โดยผมเสนอทางเลือกว่า ให้หยุดทำความสะอาดประเทศชั่วคราว ๒ ปี จะดีไหม ยุคนี้ดิจิตอลแล้วทำอะไรต้องเร็วให้ทันใจเด็กแว้นหน่อย ใช้เทคโนโลยีเพื่อทำงานให้เร็วหน่อย

​เช่นกระบวนการเสธ.อ้าย ผมยังไม่เห็นว่า ได้เปิดเว็บไซต์ อีเมลอะไรเพื่อรับฟังความเห็นจากประชาชนเลย

​พอกระจายจดหมายเปิดผนึกออกไป ก็ได้รับความเห็นจากพี่สาวว่า ๒ ปีนั้น เธอว่าน้อยเกินไป ไม่ทันเวลาหรอก พี่เสนอให้ปิดประเทศ ๕ ปี เพื่อทำ ๕ ส. แต่ปิดแบบแง้มๆ ประตูไว้บ้าง เผื่อมีแขกสำคัญยามวิกาล

​อืมม์ ผมว่าก็ดีนะ หยุดทำการนะ แต่ประตูนั้นเปิดอ้าเสมอ เพื่อรับฟังความเห็นจากทุกฝ่ายเลยมาต่อยอดว่า หยุด ๕ ปี ทำ ๕ ส. ใน ๕ ด้านดังนี้

​สำนึก สมอง สะอาด สว่าง สงบ

​๑. สำนึก ....ต้องมาก่อนใครเขาหมด เพราะมันเป็น ๘๐% ของทั้งหมด ถ้าปชช. มีสำนึกดีเสียแล้ว ไม่ว่าเอาระบบอะไรมาสวมมันก็พอไปได้เสมอแหละ แต่ถ้าไม่มีสำนึกแล้วเอา ปชต.มาสวมก็เหลวแหลก
​ดังเช่น พ.ศ. ๒๔๗๕ คณะราษฎร์เอา ปชต. มาสวม ในขณะที่ ปชช.ไม่มีสำนึกด้าน ปชต.มันก็เลยไม่เกิดอานิสงส์ใด แต่กลับส่งผลเสียหลากหลาย เช่น การสร้างความชอบธรรมให้กับการโกงกิน แล้วอ้างเสียงข้างมากหน้าตาเฉย จนในที่สุดเกิดระบอบทักษิณที่งอกงามหยั่งรากได้ง่ายๆ ในเวลาเพียง ๒-๓ ปี

​ที่ประเทศไทยเรามันเลวร้ายมาจนถึงวันนี้ ก็เพราะ ปชช.ขาดสำนึกพื้นฐานนี่แหละ ไม่ใช่หรือ

​ไม่ใช่เพียงสำนึก ปชต.เท่านั้น แต่สำนึกทั่วไปในทุกเรื่องด้วย เพราะมันเชื่อมโยงกันหมด เช่น สำนึกในด้านความยุติธรรม (ตำรวจตั้งด้านรีดไถ ก็ไม่มีสำนึกออกมาต่อต้าน) การเอาเปรียบผู้อื่น (แซงคิวทั้งคิวคนและคิวรถ เช่น ตอนรอยูเทิร์นมันก็แซงคิวกันเฉย) สำนึกด้านความสะอาดก็ไม่มี (ทิ้งขยะกันเต็มเมือง ฝุ่นถนน ที่หล่นมาจากรถสิบล้อบรรทุกดิน ก็ไม่มีใครว่าอะไร เพราะคนที่ทำหน้าที่ว่าก็ขาดสำนึก) สำนึกแยกแยะเรื่องส่วนรวมกับส่วนตัวยิ่งแล้วใหญ่ ดังจะเห็นว่ามีคนมาแอบด่าคนเขียนบทความเป็นวิทยาทานกันมาก (ทั้งผมและท่านอื่นๆ) โดยไม่ได้มีข้อมูลสร้างสรรค์ใดๆ เลย นอกจากด่าเรื่องส่วนตัว นอกบริบท แบบเอามัน สะใจ เข้าว่า

​๒. สมอง...สำนึกนั้นต้องมีสมองคอยสนับสนุนด้วย ซึ่งสมองจะสั่งการได้ ก็ต้องมีข้อมูล ความรู้ การวิเคราะห์ ซึ่งเรื่องนี้เกี่ยวกับการศึกษา ทุกระดับ อนุบาล ประถม มัธยม ยันมหาลัย ...ซึ่งสมองของคนไทยเราวันนี้ ส่วนใหญ่ก็คิดกันได้เพียงแค่ลอกความรู้จากฝรั่งมาใช้ หรือมาบอกต่อ ไม่เคยคิดจะสร้างความรู้เอง หรือแม้แต่ปรับความรู้เขาเพื่อให้เข้ากับเรา

​เช่น ปชต. ก็ลอกเขามาทั้งดุ้น แบบผิดฝาผิดตัว จนกำลังนำพาชาติไปสู่หายนะ พอผมเอามาบอกว่า ไม่ได้ ต้องปรับใหม่ ก็มีแต่เสียงก่นด่า เสียดสีต่างๆ นานา มีน้อยรายที่ชื่นชม ก็ไม่เป็นไร เสียงข้างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีเสียเลย อย่างน้อยก็ได้มีการบันทึกให้รับรู้ เป็นเชื้อไว้แล้ว ส่วนมันจะงอกเงยอย่างไรต่อไป ก็คงสุดแล้วแต่บุญทำกรรมแต่ง (ทั้งของผู้เขียนและของประเทศไทย)

​การกิน การอยู่ การรักษาพยาบาล ลอกระบบฝรั่งหมด จนวันนี้คนไทยตัวอ้วนกันมากเพราะกายก็กินหนักครบ ๒,๐๐๐ แคลอรี่ ทั้งที่ผมได้คำนวณให้เห็นแล้ว (ในบทความก่อนๆ) ว่า ๘๐๐ แคลอรี่ก็พอแล้ว สำหรับคนไทยในภูมิอากาศร้อนชื้น ซึ่งต่างจากภูมิอากาศแห้งเย็นของฝรั่งอย่างมาก

​ส่วนน้ำก็ให้กินกันวันละ ๘-๑๐ แก้ว ซึ่งในบทความก่อนๆ ผมได้คำนวณให้ดูแล้วว่าคนไทยเรากินวันละ ๒ แก้วก็เกินพอแล้ว หากกินวันละ ๘ จะตายไว (ด้วยโรคไตวาย)

​จากนั้นคนไทยเรากินเกินห้าหมู่ไปมาก (กินตามฝรั่งที่ระบบการย่อย ดูดซึมอาหารต่างจากเขามาก) โดยเฉพาะนักการเมืองเรา กินกระทั่งหินปูนทราย สัมปทานการสื่อสาร

​๓-๔-๕.....สะอาด สว่าง สงบ ....เป็นเรื่องของจิตวิญญาณ ที่สำคัญมาก ทำให้เรารู้จักดี ชั่ว เกรงกลัวบาป จนไม่กล้าโกงกิน คอร์รัปชัน มีความระงับ รู้จักพอ รู้จักสละส่วนเกินให้สังคม ไม่สะสมส่วนเกินแบบทุนนิยมสามานย์ (ทุนนิยมดีๆ ที่มีธรรมหนุนแบบบุญนิยมก็โอนะ มีเงินมากแล้วก็สนับสนุนสังคมบ้าง เช่น บิล เกตส์ วอเรน บัฟเฟตต์)

​ถ้าใช่เวลา ๕ ปี ทำ ๕ ส. ได้ดังนี้ ก็น่าจะคุ้มเวลามาก และจะเป็นตัวอย่างให้โลกทั้งใบนี้ได้ไม่ยากเลย ไม่ต้องไปหลงเห่อลอกฝรั่งกันเหมือนเดิมๆ ที่ผ่านมา แต่เป็นต้นแบบให้ฝรั่งลอกจากเราด้วยซ้ำไป (มันไม่ลอกก็ช่างหัวมันสิ มันก็รับกรรมของมันไป)
กำลังโหลดความคิดเห็น