คอลัมน์ “The Golf Touch” โดย “วันปีย์ สัจจมาร์ค”
ถ้าจะพูดว่าลักษณะการปรุงแต่งช็อต นอกเหนือจากการโดนบังคับด้วยทิศทางที่จะไปหรือไลน์ที่ลูกอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางของลูกกอล์ฟสูงเช่นเดียวกันก็คือ "สภาพภูมิอากาศ" นักกอล์ฟบางท่านก็อาจจะนำเรื่องนี้เข้ามาอยู่ในกระบวนการความคิดก่อนเล่นในแต่ละช็อตอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่สำหรับนักกอล์ฟบางคนที่ยังใหม่กับเรื่องที่ผมเกริ่นมา วันนี้ผมจะมาอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ เพื่อให้ท่านนำไปประกอบการพิจารณานะครับ
โดยปกติแล้วประเทศเราเป็นประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ฝนตกแดดออก... แดดออกฝนตก สลับกันไป พายุเข้าลมแรงก็มีบ้างแต่ประปราย สิ่งแรกที่อยากพูดถึงก็คือ "การเล่นท่ามกลางสายฝน" ไม่ต้องแปลกใจหากท่านจะตีได้ระยะสั้นกว่าปกติ เนื่องจากเม็ดฝนที่ตกลงมาปรอยๆ น้ำที่ค้างอยู่บนยอดหญ้าหรือเกาะอยู่บนผิวลูกกอล์ฟ รวมไปถึงสภาพอากาศที่มีแรงกดอากาศหนัก ณ ขณะนั้น จะมีผลต่อระยะการเดินทางของลูกแทบทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการต่อสู้กับความเปียกชื้นก็คือการเผื่อระยะ หรือเผื่อเหล็กให้มากขึ้น (ชันขึ้น) อย่างน้อย 1 เบอร์ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ต่อมาการเล่นกับสภาพอากาศ "ร้อนอบอ้าว" นอกเหนือจากการดื่มน้ำที่ต้องจิบบ่อยๆ แล้ว สภาพลักษณะร้อนอบอ้าวเช่นนี้มักจะทำให้เกิดความแห้งแล้งของหน้าดิน หรือดินแข็งนั่นเอง ลูกตกในแฟร์เวย์ก็จะวิ่งได้ไกลขึ้น ตกบนกรีนก็อาจจะวิ่งได้ไกลขึ้นด้วยเช่นกัน! นอกเหนือจากนี้เมื่ออากาศร้อน ลูกจะสามารถลอยไปในอากาศได้ไกลกว่าเดิม จำได้ไหมครับสมัยเรียนวิทยาศาสตร์ "อาการร้อนลอยขึ้น.. อากาศเย็นลอยต่ำลง" ดังนั้นการคำนวณระยะก่อนจะชักเหล็กออกมาจากถุงกอล์ฟก็ควรตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เช่นระยะจากแท่นทีถึงคูน้ำที่ขวางตัดแฟร์เวย์ระยะ 250 หลา แล้วถ้าระยะไดร์ฟเวอร์ของท่านเฉลี่ยประมาณ 235 – 240 หลา ในกรณีนี้เป็นการเสี่ยงเกินไปควรหยิบหัวไม้ 3 หรืออะไรที่สั้นลงมาดีกว่า รวมไปถึงถ้ารู้ว่ากรีนแข็งกว่าปกติ ก็ควรเผื่อระยะให้ "ตกก่อนแล้ววิ่งต่อ" ด้วยเช่นกัน
ต่อมากับสภาพอากาศที่เรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดของการเล่นกอล์ฟก็คือ "ลมแรง” ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่เด็ดมาก เพราะสามารถสร้างความปวดหัวได้หลายรูปแบบเหลือเกิน เพราะนอกจากเรื่องของการคำนวณระยะแล้ว ยังมีเรื่องของทิศทางให้เข้ามาห่วงอีกด้วย! ส่วนมากทางออกที่ดีที่สุดในการเล่นท่ามกลางลมแรงๆ ในทุกรูปแบบก็คือการตีลูกให้พุ่งต่ำ ไม่ว่าจะด้วยลักษณะการสวิง หรือการเผื่อเหล็กหน้าตั้ง เพราะถ้าลูกยิ่งลอยต่ำเท่าไร ก็จะโดนผลกระทบจากแรงลมน้อยตามลงไปด้วยเท่านั้น ส่วนลมขวางนั้น เป็นอะไรที่คำนวนค่อนข้างยาก สิ่งที่ควรทำก็คือต้องกล้าที่จะเผื่อซ้ายหรือขวา ไม่ว่าจะต้องเล็งไปที่ขอบน้ำหรือแนวต้นไม้ ก็ต้องกล้าตัดสินใจและสวิงออกไปด้วยความมั่นใจว่าลูกจะถูกลมพัดกลับมาเช่นกัน แต่บางครั้งลมที่พัดแรงก็อาจจะสร้างประโยชน์ได้ในกรณีที่อยู่ในสภาวะตามลม เพราะการตีลูกให้ลอยโด่งกว่าปกติจะได้ระยะแครี่ที่มากขึ้น เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการระยะจากแท่นทีออฟ แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมบวกลบคูณหารให้ดีเมื่อต้องเล่นช็อตแอพโพรชนะครับ!
อย่าลืมนะครับกอล์ฟเป็นกีฬากลางแจ้ง สภาวะอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเล่นของเราโดยตรง หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้ จะสามารถช่วยให้ท่านนักกอล์ฟยกระดับเกมการเล่นขึ้นได้ไม่มากก็น้อยครับ
ถ้าจะพูดว่าลักษณะการปรุงแต่งช็อต นอกเหนือจากการโดนบังคับด้วยทิศทางที่จะไปหรือไลน์ที่ลูกอยู่แล้ว สิ่งหนึ่งที่มีอิทธิพลต่อการเดินทางของลูกกอล์ฟสูงเช่นเดียวกันก็คือ "สภาพภูมิอากาศ" นักกอล์ฟบางท่านก็อาจจะนำเรื่องนี้เข้ามาอยู่ในกระบวนการความคิดก่อนเล่นในแต่ละช็อตอยู่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีครับ แต่สำหรับนักกอล์ฟบางคนที่ยังใหม่กับเรื่องที่ผมเกริ่นมา วันนี้ผมจะมาอธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ เพื่อให้ท่านนำไปประกอบการพิจารณานะครับ
โดยปกติแล้วประเทศเราเป็นประเทศที่มีสภาพภูมิอากาศร้อนชื้น ฝนตกแดดออก... แดดออกฝนตก สลับกันไป พายุเข้าลมแรงก็มีบ้างแต่ประปราย สิ่งแรกที่อยากพูดถึงก็คือ "การเล่นท่ามกลางสายฝน" ไม่ต้องแปลกใจหากท่านจะตีได้ระยะสั้นกว่าปกติ เนื่องจากเม็ดฝนที่ตกลงมาปรอยๆ น้ำที่ค้างอยู่บนยอดหญ้าหรือเกาะอยู่บนผิวลูกกอล์ฟ รวมไปถึงสภาพอากาศที่มีแรงกดอากาศหนัก ณ ขณะนั้น จะมีผลต่อระยะการเดินทางของลูกแทบทั้งสิ้น ดังนั้นสิ่งที่ง่ายที่สุดในการต่อสู้กับความเปียกชื้นก็คือการเผื่อระยะ หรือเผื่อเหล็กให้มากขึ้น (ชันขึ้น) อย่างน้อย 1 เบอร์ (ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ) ต่อมาการเล่นกับสภาพอากาศ "ร้อนอบอ้าว" นอกเหนือจากการดื่มน้ำที่ต้องจิบบ่อยๆ แล้ว สภาพลักษณะร้อนอบอ้าวเช่นนี้มักจะทำให้เกิดความแห้งแล้งของหน้าดิน หรือดินแข็งนั่นเอง ลูกตกในแฟร์เวย์ก็จะวิ่งได้ไกลขึ้น ตกบนกรีนก็อาจจะวิ่งได้ไกลขึ้นด้วยเช่นกัน! นอกเหนือจากนี้เมื่ออากาศร้อน ลูกจะสามารถลอยไปในอากาศได้ไกลกว่าเดิม จำได้ไหมครับสมัยเรียนวิทยาศาสตร์ "อาการร้อนลอยขึ้น.. อากาศเย็นลอยต่ำลง" ดังนั้นการคำนวณระยะก่อนจะชักเหล็กออกมาจากถุงกอล์ฟก็ควรตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เช่นระยะจากแท่นทีถึงคูน้ำที่ขวางตัดแฟร์เวย์ระยะ 250 หลา แล้วถ้าระยะไดร์ฟเวอร์ของท่านเฉลี่ยประมาณ 235 – 240 หลา ในกรณีนี้เป็นการเสี่ยงเกินไปควรหยิบหัวไม้ 3 หรืออะไรที่สั้นลงมาดีกว่า รวมไปถึงถ้ารู้ว่ากรีนแข็งกว่าปกติ ก็ควรเผื่อระยะให้ "ตกก่อนแล้ววิ่งต่อ" ด้วยเช่นกัน
ต่อมากับสภาพอากาศที่เรียกได้ว่าเลวร้ายที่สุดของการเล่นกอล์ฟก็คือ "ลมแรง” ปัจจัยนี้เป็นปัจจัยที่เด็ดมาก เพราะสามารถสร้างความปวดหัวได้หลายรูปแบบเหลือเกิน เพราะนอกจากเรื่องของการคำนวณระยะแล้ว ยังมีเรื่องของทิศทางให้เข้ามาห่วงอีกด้วย! ส่วนมากทางออกที่ดีที่สุดในการเล่นท่ามกลางลมแรงๆ ในทุกรูปแบบก็คือการตีลูกให้พุ่งต่ำ ไม่ว่าจะด้วยลักษณะการสวิง หรือการเผื่อเหล็กหน้าตั้ง เพราะถ้าลูกยิ่งลอยต่ำเท่าไร ก็จะโดนผลกระทบจากแรงลมน้อยตามลงไปด้วยเท่านั้น ส่วนลมขวางนั้น เป็นอะไรที่คำนวนค่อนข้างยาก สิ่งที่ควรทำก็คือต้องกล้าที่จะเผื่อซ้ายหรือขวา ไม่ว่าจะต้องเล็งไปที่ขอบน้ำหรือแนวต้นไม้ ก็ต้องกล้าตัดสินใจและสวิงออกไปด้วยความมั่นใจว่าลูกจะถูกลมพัดกลับมาเช่นกัน แต่บางครั้งลมที่พัดแรงก็อาจจะสร้างประโยชน์ได้ในกรณีที่อยู่ในสภาวะตามลม เพราะการตีลูกให้ลอยโด่งกว่าปกติจะได้ระยะแครี่ที่มากขึ้น เหมาะสำหรับท่านที่ต้องการระยะจากแท่นทีออฟ แต่ที่สำคัญต้องไม่ลืมบวกลบคูณหารให้ดีเมื่อต้องเล่นช็อตแอพโพรชนะครับ!
อย่าลืมนะครับกอล์ฟเป็นกีฬากลางแจ้ง สภาวะอากาศเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการเล่นของเราโดยตรง หวังว่าเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ นี้ จะสามารถช่วยให้ท่านนักกอล์ฟยกระดับเกมการเล่นขึ้นได้ไม่มากก็น้อยครับ